เงาไม่มีเงา
“เงาไม่มีเงา” ของนายทิวา เป็นผลงานรวมบทกวีซึ่งแบ่งเป็น 3 ภาค คือ “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” “ตั้งอยู่-ดับไป-เกิดขึ้น” และ “ดับไป-เกิดขึ้น-ตั้งอยู่” ผู้ประพันธ์นำปรัชญาของพระพุทธศาสนา เรื่องความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่งมาเรียงร้อยด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ ผ่านบทกวี ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในมหานครเมืองแห่งอารยธรรมแต่ในท่ามกลางความเจริญแห่งอารยธรรมและเทคโนโลยี มนุษย์กลับไร้สุขและยังคง “งมงาย” กับวิถีชีวิตที่แก่งแย่งแข่งขันเพื่อเอาตัวรอด ยิ่งมากเทคโนโลยียิ่งห่างเหินจากกันไร้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนมนุษย์ ผู้ประพันธ์มุ่งให้ผู้อ่านตระหนักถึงสภาวะวิถีมนุษย์ซึ่งเปรียบเสมือนเงาที่ไร้เงาเพื่อให้มนุษย์ได้ตื่นรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง ย่อมเสื่อมสลายไปตามวัฏสงสาร อันเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต รวมบทกวี “เงาไม่มีเงา” ของนายทิวา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจ
รวมบทกวี ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจ กวีนิพนธ์ “จากฉัน…ผู้ไร้ดวงตา” ของ รินศรัทธา กาญจนวตี เป็นรวมบทกวีจำนวน 71 สำนวน ที่นำเสนอเรื่องราวประสบการณ์และความรู้สึก นึก คิดของหญิงสาวซึ่งต้องสูญเสียการมองเห็นกับความพยายามปรับตนเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับความขาดพร่องด้วยศักดิ์ศรีและความมานะอดทน เธอจึงมีโลกใหม่ที่มองเห็นด้วยใจสู่ตัวตนใหม่ ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจทั้งของตัวเธอเองและผู้ทุกข์ยากอื่น ๆ ในสังคม เนื้อหาแบ่งเป็น 4 ตอน คือ ตอนที่หนึ่ง โลกอีกดวงของผู้ไร้ดวงตา เมื่อต้องเผชิญกับสภาวะไร้การเห็น การเขียนบทกวีเป็นพื้นที่ของการแสดงออกถึงประสบการณ์การเรียนรู้และเยียวยาตนเองทั้งสภาวะปัจจุบันและเรื่องราวในอดีตด้วยความเข้มแข็ง แม้สิ่งที่ขาดพร่อง หากเข้าใจและรู้จักที่จะ “มอง” อีกด้านหนึ่ง ก็กลายเป็นความเปี่ยมล้นด้วยคุณค่าและความรู้สึก เช่น ในบท “กราบแม่ในวันพ่อ” “เคยหวั่นไหววันที่ไม่มีพ่อ เพื่อนรุมล้อจนต้องแอบร้องไห้ หยาดน้ำตาหนึ่งหยดรดหัวใจ พ่อของหนูอยู่ไหน…อยู่ไหนกัน… ในที่สุดเธอได้ตระหนักว่า “ก้มกราบแม่ในวันที่ไม่มีพ่อ น้ำตาคลอแม่จูบแล้วลูบหัว หญิงคนหนึ่งรับผิดชอบทั้งครอบครัว รักของแม่คือรั้วล้อมหัวใจ วันนี้ลูกยึดถือ…แม่คือพ่อ พร้อมเดินต่อเพื่อมีชีวิตใหม่ รักของแม่ประเสริฐเทิดทูนไว้ เป็นหลักชัยเชิดชู…กราบบูชา” ตอนที่สอง ประจักษ์ค่าชีวิต (แม้มิดแสง) การเขียนบทกวีเป็นพื้นที่ใหม่ที่เธอเห็นไม่เพียงแต่คุณค่าตัวตนของเธอเองแต่ยังเห็นอกเห็นใจผู้ยากไร้อื่น ๆ เช่น คนยากคนจน ผู้ใช้แรงงาน แรงงานข้ามชาติแม้กระทั่งสุนัขจร ตอนที่สาม รู้สึก ความรัก ความเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับหญิงสาวทั่วไป อารมณ์ความรู้สึกด้านความรัก การจากพราก ความสูญเสียและเรื่องราวในอดีต ตอนที่สี่ ปัญญากระจ่างแจ้งด้วยความคิด ทบทวนการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยซึ่งในชีวิตจริงในสังคมอาจต้องมาเริ่มเรียนรู้ใหม่และใคร่ครวญวิถีทางที่จะมุ่งเดินต่อไปในชีวิตโดยย้ำว่าในท่ามกลางสังคมที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนั้นทุกขณะต้องอย่าลืม “พินิจใจ” “จึงต้องใช้ใจนำสัมผัสรู้ เปิดประตูบานหนึ่งซึ่งถูกปิด แบ่งเวลาชั่วขณะวันละนิด เพื่อเพ่งพิศการบานออก…ของดอกไม้” ด้านศิลปะการประพันธ์ ผู้แต่งใช้กลอนสุภาพที่มีลีลาราบรื่น สัมผัสคล้องจอง ใช้คำง่าย สื่อความและอารมณ์ความรู้สึกได้ชัดเจน มีวรรคทองที่คมคายให้แง่คิด ดำเนินเรื่องราวได้กระชับ งดงามด้วยจินตภาพและอารมณ์สะเทือนใจ ที่ไม่เพียงมีคุณค่า น่าอ่าน แต่ยังให้กำลังใจผู้ที่ขาดพร่องอื่น ๆ หากมองจากอีกด้านหนึ่ง ทุกคนก็ยังคงมีความหวังและไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในชีวิตเช่นเธอ “โลกของฉันมืดยิ่งกว่าหลับตาสนิท แต่ดวงจิตฉันสว่างกระจ่างอยู่ และทุกวันฉันใช้หัวใจดู ยังต้องสู้และพร้อมไม่ยอมแพ้” ดังนั้น รวมบทกวี ทุกขณะกระจ่างชัดสัมผัสใจ ของ รินศรัทธา กาญจนวตี จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 256