สเปโร โซนาตา ท่วงทำนองแห่งความหวัง
สเปโร โซนาตา ท่วงทำนองแห่งความหวัง ของ รมณ กมลนาวิน เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๒ เรื่อง สะท้อนภาพภาวะความเป็นมนุษย์ซึ่งเต็มไปด้วยความหม่นหมองมุ่งเน้นที่ชีวิตของคนชายขอบ คนต่างด้าว คนยากไร้ ครอบครัว และความทุกข์ของมนุษยชาติ ผ่านเรื่องเล่าด้วยภาษาที่ทรงพลัง สื่อภาพและอารมณ์ความรู้สึก แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงแตกร้าวในสังคม อาทิ ปัญหาด้านจิตวิทยาภายในครอบครัว เรื่องชนชาวเขาซึ่งเป็นปัญหาทางชาติพันธุ์ เรื่องแรงงานต่างด้าวในสังคมไทย เป็นต้น ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่โครงเรื่องซึ่งมีความซับซ่อนมีหลายมิติ บางเรื่องยอกย้อน แล้วค่อย ๆ คลี่คลายเรื่องไปในตัวเอง ผู้แต่งเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ด้วยภาษาที่งดงามและลุ่มลึก ฉายภาพความเป็นปัจเจกบุคคลที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเศร้า อย่างไรก็ดี แม้เรื่องสั้นชุดนี้จะแสดงให้เห็นถึงความทุกข์นานัปการของมนุษย์ แต่ผู้เขียนก็ตรึงผู้อ่าน ให้ติดตามและมีอารมณ์ร่วมกับชะตากรรมของตัวละคร และในขณะเดียวกันก็สัมผัสถึง“ท่วงทำนองแห่งความหวัง” ที่ผู้เขียนต้องการสะกิดเตือน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น สเปโร โซนาตา ท่วงทำนองแห่งความหวัง ของ รมณ กมลนาวิน ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน
“หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน เป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตยึดโยงอยู่กับผู้มีอิทธิพลในชุมชนซึ่งทำธุรกิจร้านนวดที่แฝงการค้าบริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เม็ดเงินจากธุรกิจสีเทาเช่นนี้สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีให้แก่ชาวบ้าน พระเดชและพระคุณของผู้มีอิทธิพลในชุมชนจึงทำให้ชาวบ้านสมัครใจเข้าร่วมในวงจรนี้ เพื่อให้อิ่มท้อง มีงานทำ มีคุณภาพชีวิต มีอนาคตและมีความหวัง ยิ่งผู้มีอิทธิพลในชุมชนจับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นนำธุรกิจของตนไปควบรวมไว้กับโครงการสวยหรูของรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแนบเนียน ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจสีเทาได้รับการฟอกขาวจนสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตอลังการมากยิ่งขึ้น แต่ในท่ามกลางความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมนานาประการก็ก่อเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แม่ทิ้งลูก พ่อปฏิเสธความรับผิดชอบ ลูกกำพร้าที่ถูกทิ้งขว้าง การละทิ้งบ้านเกิด การถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ การไม่พึ่งพาตนเอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ชีวิตไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งหมด ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าความรักคือสิ่งประคับประคองหล่อเลี้ยงใจให้ก้าวข้ามความท้อแท้เจ็บปวดในแต่ละวันแต่ละคืนไปได้ ผู้อ่านจะประจักษ์ในความรักบริสุทธิ์ระหว่างหญิงชาย ระหว่างเพื่อน ระหว่างปู่ย่ากับหลาน ระหว่างพ่อแม่กับลูก และความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมทุกข์ อีกทั้งผู้เขียนยังทำให้ตระหนักรู้ว่าครอบครัวเข้มแข็งคือรากฐานที่แข็งแกร่งของสังคม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔