All Posts

Archives

  • Home
  • ณรงค์ชัย แสงอัคคี

ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก

ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี เป็นรวมบทกวีแต่งด้วยกลอนสุภาพ มีโคลงสี่สุภาพแทรกอยู่บ้าง  เนื้อหาแบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคแรก ยิ้มที่ควรจะเป็นของเธอ เนื้อหาเป็นการสำรวจและทบทวนตนเองหลังผ่านประสบการณ์ในชีวิตช่วงที่เติบโต มีทั้งช่วงเวลาที่สุขและเศร้า เหงาและโดดเดี่ยว การกลับมาเพ่งพินิจตัวตนในบท “ยิ้มให้คนตรงหน้ากระจกบ้าง”   “เราจะยิ้มอีกครั้งหลังร้องไห้” และ “วันนี้จะเป็นอดีตของวันพรุ่งนี้” ทำให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนมีและมั่นใจ เพราะ “วันนี้จะเป็นอดีตของพรุ่งนี้   จงโอบกอดที่เธอมีที่เธอเป็น” ภาคที่สอง ขายโลกก็ขายชีวิต นำเสนอโลกที่ธรรมชาติถูกทำลายและทำร้ายด้วยน้ำมือมนุษย์  โลกยุคใหม่ที่ล้วนเต็มไปด้วย “แม่ค้าป่าออนไลน์” จนฝูงผึ้งในป่าอดอยาก ธรรมชาติเริ่มแปรปรวนเพราะขาดความสมดุล  ผู้ประพันธ์เรียกร้องให้มนุษย์ร่วมกันหยุดการ  “ขาย” หรือทำลายธรรมชาติเพื่อให้โลกธรรมชาติกลับสู่สมดุล “จงเป็นผึ้งช่วยดอกไม้กับดอกไม้   เพื่อต่อลมหายใจให้มวลมนุษย์” ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก เด่นด้านการนำเสนอแนวคิดเปรียบเทียบ  สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ  ผู้ประพันธ์สามารถสรรคำมาใช้ได้อย่างมีวรรณศิลป์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน

เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน รวมกวีนิพนธ์ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคีเป็นงานกวีนิพนธ์ใช้ฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ เป็นหลัก มีบทกวีวัจนะและกลอนเพลงพื้นบ้านแทรกอยู่เล็กน้อย แบ่งเนื้อหาสาระในเล่มเป็น ๒ ภาค ภาคที่ ๑ เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน เป็นการบอกเล่าเรื่องของชีวิตที่จากบ้านเกิดเมืองนอน มาต่อสู้กับวิถีสังคมเมืองกรุงที่ตนเองไม่คุ้นเคย ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า “ฉันคือผู้โดยสารผ่านวังวน                                 กระเสือกกระสนทนข้ามฝ่าความหนาว หนาวทรงจำทิ่มแทงใต้แสงดาว                         หนาวตะวันเคยผ่าวหนาวน้ำตา” เรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านพบ ประเมินภาพรวมออกมาคืออยากกลับบ้านมีโวหารงดงาม มีศิลปะและเชิงชั้นวรรณศิลป์ ภาคที่ ๒ เพื่อฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน กล่าวถึงเรื่องราวสิ่งที่ได้พบเห็น และบทสรุปว่า “เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน                       และฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน มากราบรูป ธูปหนึ่งดอก บอกวิญญาณ                ว่าวันนี้ลูกหลานกลับบ้านแล้ว” ในส่วนนี้กวีทำได้อย่างมีเชิงชั้นวรรณศิลป์ ทั้งด้านฉันทลักษณ์ถูกต้องตามกฎเกณฑ์เนื้อหาสาระเหมาะสมกลมกลืน การใช้ถ้อยคำได้รสคำ รสความ รวมบทกวี เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน กวีเสนอแนวคิดและเป้าหมายชัดเจน ภาษาเรียบง่ายเป็นรสแห่งถ้อยคำที่นำมาร้อยกรองให้เกิดความรู้สึกและจินตภาพได้ เนื้อหาสาระมีสัมพันธภาพตามหัวข้อที่กำหนด คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน ผลงานของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

สถานกาลบังคับ

“สถานกาลบังคับ” ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี เป็นรวมบทกวีที่สะท้อนภาพชีวิตของผู้คนและสรรพสิ่งบนโลกควบคู่ขนานไปกับกาลเวลา เหตุการณ์ความเป็นไปของผู้คน ถูกบีบรัดด้วยกาลเวลา  ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม มองเห็นเป็นความสุข ความเศร้า ความทรงจำ และความดีงาม แม้สุดท้ายในความเป็นปัจเจกบุคคลจะจบลงด้วยการจากลาทุกอย่าง มิได้โอบกอดสิ่งใดเอาไว้ แต่ผลงาน การกระทำ อันเป็นคุณแก่โลกเท่านั้นที่จะยังปรากฏอยู่ในท่ามกลางวันเวลาที่ดำเนินต่อไป ผลงานชุดนี้ แบ่งออกเป็น ๒ ภาคส่วน คือส่วนที่เป็นตัวตนของข้าพเจ้า “ภาค ๑ ข้าพเจ้าในห้วงการณ์-เวลา” กับส่วนที่สัมพันธ์กับสังคม  “ภาค ๒ กาลเวลาต่างดุ่มเดินไปยังสังคม” ทั้ง ๒ ภาค เป็นภาพการมองโลกจากตัวตนของข้าพเจ้า แสดงให้เห็นว่าชีวิตของคนยังผูกพันกับคติความเชื่อ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และความฝันเพื่อหาทางออกให้กับชีวิต ซึ่งกาลเวลาผ่านไปทุกขณะเป็นพลังบังคับให้เดินหน้าไปสู่ความปรารถนานั้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “สถานกาลบังคับ” ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

ต้นไม้ทุกต้นเคยเป็นต้นกล้า

“ต้นไม้ทุกต้นเคยเป็นต้นกล้า” กวีนิพนธ์ ของ “ณรงค์ชัย แสงอัคคี” ที่ตัวชื่อบทบ่งบอกถึงมิติความคิดต่ออนาคต เหมือนแม้ว่าวันนี้อาจจะมีปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ อยู่ แต่สังคมในอนาคตจะเป็นสังคมที่มีความแข็งแรง ประกอบด้วยเนื้อหา ๓ ภาค คือ ภาคที่ ๑ เพาะพันธุ์ ภาคที่ ๒ เติบต้น และ ภาคที่ ๓ โรยรา ภาคที่ ๑ เพาะพันธุ์ ได้แสดงให้เห็นภาวะแห่งการเริ่มต้นของชีวิต ชีวิตเป็นดั่งนาฬิกาที่เดินหน้าไปตามเวลา เพื่อเรียนรู้สู้กับอุปสรรคที่เหมือนแสงเริงแรงแห่งตะวัน ภาคที่ ๒ เติบต้น ผู้เขียนใช้ความคิด จินตนาการ เพื่อเรียนรู้โลกอย่างมั่นคง เรียนรู้ด้วยการเป็นผู้ให้ไปพร้อมกับการเติบโต ไม่เร่งร้อนรีบเร่งไปสู่จุดหมาย จนลืมรายละเอียดของชีวิต ภาคที่ ๓ โรยรา เป็นภาคที่ใช้สายตาประมวลภาพชีวิต ที่อาจต้องเผชิญกับอุปสรรค แต่ขอให้มีหัวใจจะฝ่าไป แม้แท้แล้วจะเจอกับคำตอบในชีวิตหรือไม่ก็ตาม           “ต้นไม้ทุกต้นเคยเป็นต้นกล้า” เป็นบทกวีแห่งความคิดหวัง ด้วยประสบการณ์ของผู้เขียนในระดับเยาวชน จึงมีความหวั่นหวาด แต่เต็มไปด้วยกำลังใจ แม้เป้าหมายไม่อาจบอกได้ชัดว่าคือสิ่งใด แต่ความรู้สึกแบบกวีย่อมสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นเป็นอันเดียวกับชีวิตจริงที่เราต้องเผชิญหน้า จึงต้องใช้จิตใจอันเติบโตและแข็งแรงเพื่อพบกับความจริงแห่งชีวิต ดังนั้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ต้นไม้ทุกต้นเคยเป็นต้นกล้า”  ผลงานของ “ณรงค์ชัย แสงอัคคี” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวด          กวีนิพนธ์ ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓