ผลรางวัล

รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

  • Home
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

เสือล่องวารี

เสือล่องวารี นวนิยายของอุเทน วงศ์จันดา นำเสนอเรื่องราวของการดูแลรักษาป่าไม้ของชุมชน เน้นการพึ่งพาเอื้อเฟื้อกัน การมีส่วนร่วม การเคารพธรรมชาติ  การดูแลสิ่งแวดล้อม การต่อต้านกระแสทุนนิยมและบริโภคนิยมซึ่งทำลายทั้งธรรมชาติ คุณภาพชีวิตและวัฒนธรรม ผู้เขียนใช้กลวิธีให้แต่ละบทมีผู้เล่าเรื่องต่างกันไป เรื่องจากผีนางตะเคียนทอง หลวงพ่อ ผู้ใหญ่บ้าน คนขุดเรือ คนพายเรือ คนปลูกต้นไม้ ทำให้ผู้อ่านรับรู้เรื่องราวชีวิตของผู้เล่าเรื่องและเรื่องราวของชุมชนไปพร้อมกัน นวนิยายเรื่องนี้มีแนวเรื่องแบบสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) แสดงสีสันท้องถิ่นด้วยตำนาน ความเชื่อ สิ่งลี้ลับ และให้บรรยากาศของความเป็นไทยที่มีความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติไปพร้อมกับศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระและผีจึงเป็นพลังหลอมรวมจิตใจของชาวบ้าน และเมื่อผนึกกำลังกับผู้นำชุมนที่มุ่งมั่นทำดี จึงเป็นไตรภาคที่พัฒนาท้องถิ่นให้เข้มแข็ง ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าความศรัทธาสามารถเปลี่ยนสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ ดังนั้น การปลูกป่าเพื่อคืนกลับความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติให้แก่ผืนโลก แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็สามารถทำให้สำเร็จได้

แม่น้ำเดียวกัน

แม่น้ำเดียวกัน ของเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ รวมบทกวีจำนวน 80 บท แบ่งเป็น 3 ภาค คือ ภาคหนึ่ง โลกใบอื่น ภาคสอง พื้นที่จริงแท้ และภาคสาม แม่น้ำเดียวกัน ผู้ประพันธ์เฝ้ามองและตั้งคำถามต่อปรากฏการณ์ในสังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรุนแรงในดินแดนภาคใต้ที่นำมาซึ่งความทุกข์ ความสูญเสียเศร้าโศกของมนุษย์ด้วยกันเอง แท้จริงมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกชาติศาสนามาจากแม่น้ำสายเดียวกันอันดุจเป็นมารดรของมนุษยชาติซึ่งก็คือ “บุตรธิดามารดาเดียว” มนุษย์ควรลืมความขัดแย้งในอดีตซึ่งเป็น “คอกกำแพงกั้นแบ่งมนุษย์” และอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ผู้ประพันธ์เน้นคุณค่าของความรักในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างแม่กับลูกที่หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ โลกทัศน์มนุษยนิยมของผู้ประพันธ์ยังครอบคลุมไปถึงสัตว์ร่วมโลกซึ่งอาจให้อุทาหรณ์ที่มนุษย์ได้เรียนรู้และมีสำนึกเชิงจริยธรรม ด้านศิลปะการประพันธ์เด่นด้านการใช้ภาพพจน์ประเภทอุปลักษณ์และอุปมาการเปรียบเทียบระหว่างโลกภายนอกกับโลกภายในใจของมนุษย์ รวมบทกวีเล่มนี้จึงมีคุณค่าด้านจิตวิญญาณและการสร้างสำนึกเชิงจริยธรรมด้วยการสร้างสรรค์เชิงวรรณศิลป์

เมื่อวัยเด็ก

เป็นสารคดีบันทึกความทรงจำในวัยเยาว์ เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติของนักเขียนสารคดี ไม่ว่าจะเป็นความช่างสังเกต ใส่ใจในการเก็บรายละเอียด รวมถึงการบันทึกรายละเอียดเหล่านั้น อันมีทั้งความรู้ ความทรงจำ ภาพถ่าย และวัตถุดิบอื่น ๆ อย่างเป็นระบบ นับเป็นตัวอย่างของการทำงานงานสารคดีที่ดี แม้เนื้อหาจะเป็นความทรงจำส่วนบุคคล ทว่าหนักแน่นด้วยสีสันของเรื่องราวในยุคสมัยที่ผู้เขียนอยู่ในวัยเด็ก ทำให้เหตุการณ์มากมายในสังคมไทยไม่สูญหายไปในประวัติศาสตร์  

ผมทำงานให้พี่สืบ

เป็นสารคดีบันทึกประสบการณ์จริงของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ลงพื้นที่ในป่า และนำเรื่องราวมาถ่ายทอดได้อย่างมีชีวิตชีวา มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดพลังแห่งความเสียสละเพื่อส่วนรวม นำเสนอถึงสำนึกเคารพธรรมชาติ ความงดงามของการมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น และสะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยเต็มเปี่ยมด้วยข้อมูลความรู้และอารมณ์ความรู้สึก ผ่านการใช้ภาษาสำนวนที่เรียบง่าย งดงาม สื่อตรง ๆ จากความจริงใจในการทำงาน จึงทำให้ผู้อ่านรู้สึกซาบซึ้งไปตามความรู้สึกของผู้เขียน กับความปรารถนาจะให้โลกใบนี้เป็นโลกที่น่าอยู่สำหรับทุกผู้คนและสรรพชีวิต

อาม่าบนคอนโด

วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเรื่อง “อาม่าบนคอนโด” นำเสนอชีวิตของกลุ่มคนในสังคมเมืองหลวงที่พักอาศัยในคอนโด เป็นเรื่องราวของผู้คนหลายวัย หลายสถานภาพ เรื่องต่าง ๆ นำเสนอผ่านตัวละครสำคัญสองตัว คือ “โชค” หนุ่มวัยรุ่นนักเรียนมัธยมที่พักอยู่กับพี่สาวผู้เอื้ออารี และ “อาม่า” หญิงจีนสูงวัย แกร่งกล้า มากประสบการณ์ ที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง หนังสือเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องกระชับ ให้รายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจน สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันที่เร่งรีบ มีการแข่งขันสูง และเทคโนโลยีออนไลน์มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างมาก  คนในสังคมให้ความสำคัญกับตนเอง ไม่ค่อยสนใจผู้อื่น และอาจมีอคติต่อผู้ที่แตกต่าง ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนที่มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อ ใส่ใจและช่วยเหลือผู้อื่นที่ประสบปัญหาหรือมีความทุกข์ หนังสือเรื่องนี้จึงมีคุณค่าเป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคม ที่นำเสนอพฤติกรรม ความคิด และปัญหาของคนในสังคม พร้อมทั้งชี้แนะแนวทางอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างอย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่านพฤติกรรม และบทสนทนาของตัวละคร พร้อมทั้งสอดแทรกข้อคิดได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย ด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่แบ่งเรื่องเป็นตอนสั้น ๆ ใช้สำนวนภาษาที่เป็นธรรมชาติ สอดแทรกข้อคิดและอารมณ์ขัน ทำให้ผู้อ่านได้รับทั้งสาระและความบันเทิง หนังสือเรื่อง “อาม่า  บนคอนโด”  จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 12-25 ปี  

เกาะที่มีความสุขที่สุดในโลก

เป็นเรื่องของชาวเกาะแอมบริม เกาะเล็ก ๆ ของประเทศวานูอาตู หมู่เกาะในมหาสมุทร    แปซิฟิกใต้ เนื้อเรื่องเสนอลักษณะภูมิประเทศ ธรรมชาติ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ความเชื่อและพิธีกรรมของผู้คนในท้องถิ่น ผ่านการเล่าเรื่องของ “ยาโน” หลานชายของ “บูบู” หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ประพันธ์บรรยายฉากสถานที่และเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน ตัวละครเป็นธรรมชาติ    มีพฤติกรรมที่สมจริง เป็นเหตุเป็นผล บทสนทนาระหว่างตัวละครเอกสอดแทรกภูมิปัญญา ความคิดลึกซึ้งของ “บูบู” หัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านนับถือและเชื่อว่ามีพลังอำนาจลึกลับ แม้ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยการมองเห็น  แต่หมายถึงจิตศรัทธา สิ่งที่ “ยาโน่” มองเห็นจากการกระทำของตาก็คือการเป็นหัวหน้าไม่ใช่การที่มีอำนาจเหนือคนอื่น แต่เป็นคนรับใช้ที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น พฤติกรรมความเป็นผู้นำของตัวละครปรากฏชัดเจนเมื่อเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟประทุ       ด้วยพลังศรัทธา ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ โดยเป็นผู้รับและผู้ให้  “ยาโน่” ยอมเสียสละของมีค่าที่สุดในชีวิตคือ เขี้ยวหมูซึ่ง “บูบู” มอบให้เป็นสัญลักษณ์ว่าอาจจะได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านในอนาคต เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟ ตามความเชื่อว่า  จะช่วยชาวเกาะให้อยู่รอดปลอดภัย เรื่องจบลงอย่างงดงาม “ยาโน่” ได้ค้นพบว่า ความสุขของเขาไม่ได้อยู่ที่การจะได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่อยู่ที่ความอบอุ่นในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน และความอยู่ดีกินดีของคนในหมู่บ้าน นั่นคือความสุขที่แท้จริง

วัฏจักรไร้สำนึก

“วัฏจักรไร้สำนึก” ของ “ปองวุฒิ รุจิระชาคร” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ถ่ายทอดความเป็นไปในสังคมสู่ผู้อ่านผ่านโครงเรื่องที่จินตนาการขึ้นอย่างแยบยล และสมจริง  แม้บางเรื่องจะใช้ฉากของโลกอนาคต  ดินแดนอื่นที่มิใช่ประเทศไทย  หรือมีเหตุการณ์เหนือจริง แต่ก็มิได้ทิ้งหลักเหตุผล  นอกจากนี้ผู้เขียนยังมีศิลปะในการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามและแฝงอารณ์ขัน  ทำให้แต่ละเรื่องเป็นเรื่องสั้นที่อ่านสนุก   เรื่องราวและประเด็นที่ผู้เขียนนำมาเสนอมีหลากหลาย  แต่ทั้งหมดก็มีความสอดคล้อง  กลมกลืนในแง่ที่เป็นภาพสะท้อนของโลกปัจจุบันที่แม้จะเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ หลอกลวงกันและกัน แต่ก็ยังมีความรัก ความเอื้อเฟื้อ ความเชื่อในคุณค่าของเสรีภาพ และศรัทธาในความดีงามสอดแทรกอยู่ด้วย หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “วัฏจักรไร้สำนึก” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

โปรดอยู่ในความดัดจริต

“โปรดอยู่ในความดัดจริต” ของ “พึงเนตร อติแพทย์” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน          9 เรื่อง ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนในสังคม  ทั้งแนวจินตนาการ และแนวสมจริง  สะท้อนภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง ค่านิยมต่าง ๆ และความขัดแย้งทางด้านความคิด โดยให้ตัวละครสลับกันเล่าเรื่อง ใช้สำนวนภาษาที่ทันสมัยอย่างมีวรรณศิลป์ ชวนติดตาม รวมเรื่องสั้นชุดนี้ นอกจากจะอ่านเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังช่วยให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่อันหลากหลายของผู้คนในยุคปัจจุบันด้วย หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “โปรดอยู่ในความดัดจริต” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

กล้องเก่า

“กล้องเก่า” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของ “ธาร ยุทธชัยบดินทร์” ชื่อเรื่อง “กล้องเก่า” หมายถึงภาพในอดีตที่ถูกบันทึกอยู่ในกล้องโบราณ โดยนัยสื่อว่า ช่วงชีวิตของคนเราที่เปลี่ยนผ่านจนล่วงเข้าสู่วัยชรานั้น ย่อมจะมีภาพอดีตที่ประทับใจไม่แง่มุมใดก็มุมหนึ่ง  บางภาพพร่าเลือนไปตามกาลเวลา แต่บางภาพยังคงกระจ่างชัด มีชีวิตชีวา ยามใดที่นำภาพเก่า ๆ มาดูก็หวนระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วยอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งทุกข์ สุข เศร้า และชุ่มชื่นใจ ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงเราจะต้องอยู่กับปัจจุบัน  ชีวิตจะต้องดำเนินไป มิใช่จ่อมจมอยู่กับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต เรื่องสั้นเรื่องแรกที่ชื่อ “กล้องเก่า” เป็นเสมือนตัวแทนสื่อแนวคิดหลักของหนังสือ จึงมีความเป็นเอกภาพ ทุกเรื่องอ่านเข้าใจง่าย  แต่กินใจด้วยการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ ชวนอ่านชวนติดตาม หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “กล้องเก่า” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

CAFFE’ ROSA ถ้วยนี้ต้องเติม

การเล่าเรื่องด้วยภาพ เล่าเรื่องผ่านตัวการ์ตูน ทำให้ผู้อ่านเสมือนเป็นส่วนหนึ่งในร้านกาแฟนั้น สามารถสร้างบรรยากาศ ประหนึ่งได้สัมผัสกลิ่นหอมของกาแฟ เนื้อหาของเรื่อง ให้ความรู้เกี่ยวกับชนิดของกาแฟและการชงกาแฟชนิดต่าง ๆ นำเสนอเรื่องธรรมดาให้เกิดความสนุกชวนติดตาม สร้างบทได้ดี มีเป้าหมายให้รับรู้ธุรกิจร้านกาแฟปัจจุบัน โดยกล่าวถึงรายละเอียดและองค์ประกอบการดำเนินธุรกิจว่าควรมีความรอบรู้และศิลปะในอาชีพนั้น ๆ ฝีมือวาดภาพ ออกแบบได้เหมาะสม สวยงาม เรียบง่ายและสมจริง คุณค่า เป็นการเสริมสร้างทัศนะคติที่ดีต่ออาชีพและผู้คนในสังคม ความเอื้ออาทร มิตรภาพ และความรัก คณะกรรมการจึงเห็นควรให้นิยายภาพ (การ์ตูน) เรื่อง Caffe’ Rosa ถ้วยนี้ต้องเติม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2557

ผีเสื้อที่บินข้ามบึง

  “ผีเสื้อที่บินข้ามบึง” เป็นเรื่องราวของหญิงหม้ายที่ต้องปรับวิถีชีวิตใหม่หลังสูญเสียสามีที่รักไป  ทั้งการจากเมืองหลวงกลับไปพำนักที่บ้านเกิด  การพยายามปรับตัวให้เข้ากับแม่ผู้มีความคิดแตกต่าง  การสร้างงานอาชีพใหม่ตามที่ใฝ่ฝัน  และที่สำคัญ…การเผชิญกับความวูบไหวทางอารมณ์ที่เกือบจะดึงเธอให้เดินผิดทาง  แต่ในที่สุดเธอก็สามารถก้าวข้ามความอ่อนแอทางจิตใจได้  แล้วเดินทางตามเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้วต่อไป…เหมือนผีเสื้อที่สามารถบินข้ามบึง พะแพงเป็นม่ายสาววัยสามสิบที่ใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านอยู่ที่คีรีวงนาน 8 ปี เมื่อสูญเสียสามีไปตลอดกาล  เธอก็เหมือนผีเสื้อที่บินเคว้งคว้าง ต้องพยายามเรียกตัวตนของเธอกลับคืนมาใหม่หลังจากเธอเปลี่ยนวิถีชีวิต  เปลี่ยนกระบวนความคิด  เปลี่ยนทุกอย่างเพื่อหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของคนที่รักที่สุด  อย่างแรกคือการทำงานเพื่อเลี้ยงชีวิตตามลำพัง  พะแพงย้ายขึ้นมาอยู่ในเมืองหลวง  รับจ้างวาดภาพประกอบหนังสือ พิสูจน์อักษร  และเป็นนักเขียน  โชคดีที่พะแพงมีเพื่อนดี ๆ  เธอจึงผ่านอุปสรรคนี้ไปได้  สิ่งต่อมาที่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของพะแพง  คือการต่อสู้กับสายตาของสังคมที่ประเมินความเป็นแม่ม่ายวัยสาว  โดยเฉพาะสายตาจากเพศชาย   ตัวพะแพงเองก็มีคำถามกับการเป็นแม่ม่ายในอุดมคติที่จงรักสามีไปชั่วกาลนาน  หรือจะเริ่มต้นชีวิตใหม่  ซึ่งเธอมีคำตอบให้ตัวเองว่า  แม้จะรักสามีมากเท่าใด  แต่เธอสามารถมีรักใหม่ได้อีก  และจะมีรักเมื่อพบรัก  ไม่ใช่เพราะเหงา  อ่อนแอ หรือต้องการที่พึ่ง   เมื่อไม่ปิดกั้นตัวเอง  พะแพงจึงมีผู้ชายที่มีบุคลิกแตกต่างกันอีกหลายคนเข้ามาในชีวิต   ทั้งพี่เกรียงผู้อบอุ่น  หมอก้องหนุ่มหล่อนิสัยดี  คชาผู้มีเสน่ห์ชวนค้นหา  และนกหนุ่มน้อยใสซื่อ   ทุกคนล้วนเป็นบททดสอบอารมณ์วูบไหวของพะแพง อุรุดา โควินท์  นำเสนอ “ผีเสื้อที่บินข้ามบึง”  ด้วยบันทึกประจำวันของพะแพง  ทำให้ผู้อ่านรับรู้ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ของพะแพงผู้เป็นตัวละครเอกได้ชัดเจน  ผู้เขียนให้ภาพของพะแพงเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกภาพภายนอกดูเป็นหญิงสาวผู้มั่นใจในตัวเอง  แต่ภายในอ่อนไหวล้ำลึก พะแพงต้องผ่านช่วงยากลำบากในชีวิต  ทั้งความสูญเสีย การเจ็บไข้ได้ป่วย สัมพันธภาพของคนในครอบครัว  และความเปราะบางทางอารมณ์   ในที่สุดเธอตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่บ้านเกิด  เพื่อให้มีฐานที่มั่นคงอบอุ่น ก่อนชีวิตจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า    นวนิยายชีวิตของพะแพงทิ้งค้างไว้ไม่มีบทจบโดยสมบูรณ์ว่าความฝันในการยึดอาชีพทำผ้าบาติกขายจะสำเร็จหรือไม่   และความรักครั้งใหม่ของเธอจะลงตัวและลงเอยกับหนุ่มรุ่นน้องได้จริงหรือเปล่า   แต่นวนิยายเรื่องนี้ก็จบลงอย่างให้ผู้อ่านโล่งใจว่าในที่สุดผีเสื้อปีกบางก็บินข้ามบึงได้สำเร็จ คณะกรรมการรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทนวนิยายจึงมีมติให้  “ผีเสื้อที่บินข้ามบึง” ของ อุรุดา โควินท์ เป็นนวนิยายที่สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทนวนิยาย ประจำปี 2557

คำถามของความเป็นมนุษย์

รวมบทกวี “คำถามของความเป็นมนุษย์” ของ กร ศิริวัฒโณ แบ่งเนื้อหาสาระออกเป็น    สามส่วน ประหนึ่งจะตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์ในภาคอดีตที่ผ่านผัน  ปัจจุบันที่เป็นอยู่           และมุ่งไปสู่อนาคตกาล โดยในภาค “หวนกาลผ่านเลย” ผู้เขียนเปิดภาพปูพื้นให้เห็น                 ความหลากหลายในตลาดเช้า ภาพชีวิตในชุมชนท้องถิ่น และการน้อมนำธรรมชาติมาพินิจพิจารณาในแง่มุมปรัชญานานาประเด็น ก่อนจบด้วยการถวิลถึงความรักของแม่ และทบทวนถึงรักแท้ของคู่สมรสในวัยชราเมื่อกาลเวลาผ่านเลย ในภาค “เนากาลผ่านวัน” สะท้อนภาพชีวิตในสังคมปัจจุบัน ผู้เขียนตั้งคำถามถึงประเด็นการอ่าน การเขียน และสถานภาพของนักเขียนในสังคมที่เริ่มมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ครอบคลุมถึงสัมพันธภาพของผู้คนในสังคมออนไลน์ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทาง Facebook เพื่อไตร่ตรองมองตนบนความเป็นจริง และในภาค “สู่กาลผ่านใจ” เป็นการตั้งคำถามด้วยความห่วงใยในความเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน ที่เกิดภาวะบิดเบี้ยวของข้อเท็จจริงในข้อมูลข่าวสาร อันจะนำไปสู่สภาพสังคมชวนเคลือบแคลงในอนาคต บางชิ้นงานได้สะท้อนอารมณ์ท้อแท้ไม่แน่ใจกับความเป็นไปในชีวิต ก่อนปลุกปลอบให้โบยบินไปสู่ความหวังเบื้องบนฟ้าไกลในบทจบ ด้านศิลปะการประพันธ์ แม้ว่าจะมีข้อด้อยทางฉันทลักษณ์อยู่บ้าง แต่ผู้เขียนก็ใช้ภาษาเรียบง่ายได้อย่างมีชั้นเชิงทางวรรณศิลป์พอสมควร เพื่อส่งสารตั้งคำถามถึงความเป็นมนุษย์หลากหลายแง่มุม โดยไม่ต้องปรุงแต่งจนเกินพอดี สารของผู้เขียนจึงสามารถกระทบใจผู้อ่านให้แตกประเด็นคำถามและค้นหาคำตอบได้ตามประสบการณ์ของแต่ละคน สอดคล้องกับชื่อหนังสือ  “คำถามของความเป็นมนุษย์” ในท้ายที่สุด รวมบทกวี “คำถามของความเป็นมนุษย์” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

บรรทัดสุดท้ายในฤดูกานต์

ต้นฉบับรวมบทกวีระดับเยาวชนชุด “บรรทุดสุดท้ายในฤดูกานต์” ของ ชาตรี ตราชู นำเสนอในรูปแบบฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาเป็น 3 ช่วง คือ คิมหันต์ วัสสาน และเหมันต์ แต่ละชิ้นงานไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน เขียนต่างกรรมต่างวาระ แต่เนื้อหาได้เชื่อมโยงเรื่องราววิถีชีวิตผู้คนเล็ก ๆ กับธรรมชาติแห่งฤดูกาลที่จัดหมวดหมู่ไว้ได้ค่อนข้างกลมกลืน นับเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกวีนิพนธ์ชุดนี้ ด้านฝีมือ ถือว่ามีชั้นเชิงวรรณศิลป์ใช้ได้ทีเดียว ทั้งในแง่ทักษะสำนวนภาษาที่ผู้เขียนเลือกใช้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อหา โดยให้ความสำคัญกับฉันทลักษณ์ควบคู่กันไป  แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ผู้เขียนยังอยู่ระดัยเยาวชน ในเรื่องคำและความหมายที่กลมกลืนซึ่งเป็นจุดเด่นนั้น เมื่อดูภาพรวมทั้งชุดอาจจะมีจุดบกพร่องบ้าง แต่ก็เป็นจุดเล็ก ๆ สามารถแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้น ๆ ได้ไม่ยาก ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมา คณะกรรมการจึงมีมติให้กวีนิพนธ์ชุด “บรรทุดสุดท้ายในฤดูกานต์” สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภท “รางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์” หมวดกวีนิพนธ์

วิถีดาบ วิถีเซน

  นำเสนอการเจริญสติแบบเถรวาทด้วยวิธีการแปลกใหม่และมีผู้กล่าวถึงน้อยนั้นคือผ่านการฝึกดาบของลัทธิเซนในญี่ปุ่น ผู้เขียนนำประสบการ์ตรงของตนเอง ผ่านการฝึกฝนและทดลอง มานำเสนอด้วยภาษาสำนวนที่เรียบง่ายและหมดจด ทว่าตื่นเต้นเร้าใจในเนื้อหา เป็นหนังสือที่ส่งเสริมการเจริญสติผ่านการเคลื่อนไหว โน้มนำให้มนุษย์ที่สมบูรณ์มีใจสูง และข่วยกันสร้างโลกที่มีสันติสุข “วิถีดาบ วิถีเซน” ของ ณัชร สยามวาลา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทสารคดี ประจำปี 2558  

โลกสวยที่น้ำใส

โลกสวยที่น้ำใส เป็นวรรณกรรมสำหรับเยาวชนสะท้อนปัญหาความขัดแย้งจากการสร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กสำหรับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในท้องถิ่นชนบทที่มีความเงียบสงบมาช้านาน แม้งานนี้จะนำความเจริญทางเศรษฐกิจและการคมนาคมมาสู่ชุมชน แต่ต้องแลกกับการสูญเสียความงดงามของธรรมชาติและความสมดุลของระบบนิเวศของพื้นที่แหล่งชุ่มน้ำแห่งหมู่บ้านน้ำใส ท้องถิ่นชายทะเลในจังหวัดนครศรีธรรมราช การต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ดีสองแบบที่เป็นเรื่องตรงกันข้ามโดยผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลและแรงสนับสนุน ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่อาจขยายไปสู่ความรุนแรงได้ แต่ด้วยทั้งสองฝ่ายมีผู้นำที่มีเหตุผล ใจกว้างรับฟังความเห็นและความต้องการของผู้อื่นที่เห็นต่าง  ไม่เอาเปรียบหรือคำนึงแต่ประโยชน์ของฝ่ายตน ปัญหานั้นจึงคลี่คลายลง สนามบินจึงเกิดขึ้นได้โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นให้เลวร้ายลง แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ทุกฝ่ายก็ได้รับประโยชน์ เนื้อหาของหนังสือนอกจากจะสะท้อนปัญหาการพัฒนาท้องถิ่นทางวัตถุและการแก้ปัญหาแล้ว ยังให้ความรู้ ความเข้าใจกระบวนการและวิธีดำเนินงานก่อสร้าง รวมทั้งการตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยการนำเสนออย่างแนบเนียนผ่านเด็กชายเขตแดน เยาวชนชาวกรุงวัย 12 ปีผู้ใฝ่รู้และรักธรรมชาติ บุตรชายของวิศวกรผู้ควบคุมโครงการก่อสร้าง มีการสอดแทรกสาระและข้อคิดที่น่าสนใจไว้ในบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูก ครูกับศิษย์ ผ่านความคิดและพฤติกรรมของตัวละคร นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางจัดการปัญหาและความขัดแย้งอย่างสันติวิธี ด้วยการเจรจาและรับฟังความเห็นต่างซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของทุกฝ่าย โลกสวยที่น้ำใส ของชัยกร หาญไฟฟ้า จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน    

เซนในสวน

  เซน เด็กชายวัย 11 ปี เคยเรียนที่โรงเรียนนานาชาติต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านสวนของย่าในชนบท เพราะพ่อประสบปัญหาธุรกิจเสื้อผ้าส่งออก ต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อชดใช้หนี้จำนวนมาก พ่อต้องทำงานหนักและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อให้อยู่รอดในชนบท เซนได้เรียนรู้การทำมาหากินและความเป็นอยู่จากพ่อ วิถีชีวิตที่ต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ทำให้เซนได้รู้จักความสุข ความทุกข์ การพลัดพราก และรู้ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป เรื่องเซนในสวนสะท้อนการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่ชัดเจน คือ การพึ่งตนเอง ปลูกเพื่อกิน ถ้าเหลือขาย กลวิธีการเขียน ดำเนินเรื่องได้ฉับไว สะท้อนภาพชีวิตชนบทได้ชัดเจน ถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละครทั้งเซน และพ่อ การใช้ตัวละครเด็กที่สามารถกล่อมเกลาจิตใจตนเองได้เป็นอย่างดี ทำให้วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเรื่องเซนในสวน สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

กลางฝูงแพะหลังหัก

“กลางฝูงแพะหลังหัก”  หนังสือรวมเรื่องสั้นของ “อุมมีสาลาม อุมาร” นอกจากจะมีความเป็นเอกภาพในด้านเนื้อหาสาระ ที่บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของชาวมุสลิมในจังหวัดภาคใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้เขียนแล้ว แง่มุมที่หยิบยกมานำเสนอยังมีความหลากหลายซึ่งแต่ละเรื่องผู้เขียนได้สะท้อนภาพทั้งหมดด้วยเนื้อหาที่ปราศจากอคติ ด้วยภาษาที่ง่ายงามอย่างน่าติดตาม บางเรื่องท้าทายความคิด บางเรื่องทำให้เห็นปมเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บางเรื่องก็สร้างแรงสะเทือนใจเกี่ยวกับชีวิตและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมุสลิม โดยเฉพาะเรื่อง “กลางฝูงแพะ” เปรียบเสมือนเป็นภาพวาดแห่งชีวิตที่มีสีสัน มีมิติที่แปลกใหม่และลุ่มลึก ดังนั้นรวมเรื่องสั้นชุด “กลางฝูงแพะหลังหัก” จึงสมควรได้รับรางวับรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2558

สยามยิ้มแสยะ

“สยามยิ้มแสยะ” ผลงานรวมเล่มการ์ตูน ของสะอาด  เป็นการ์ตูนช่องลายเส้นสี่สี ลักษณะการ์ตูนร่วมสมัย จัดแบ่งเรื่องออกเป็นหมวดหมู่ นำเสนอความคิดที่มีต่อชีวิต-สังคม-การเมือง และเงื่อนงำปัญหาซึ่งมักถูกมองข้าม โดยใช้รูปแบบตลก (ร้าย) เป็นเรื่องขำขัน เสียดสี ยียวนที่ขมขื่น ให้แง่คิดแบบย้อนแย้ง กระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงการใช้ชีวิต คิดวิเคราะห์ ส่วนสะท้อนของการ์ตูนเล่มนี้ เชื่อว่าทำให้ผู้อ่านรู้สึกขำ ๆ ระคนขื่นนิด ๆ และอาจทำให้ย้อนคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยชิน-มองผ่าน นิยายภาพ (การ์ตูน) “สยามยิ้มแสยะ” ของสะอาด จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

สายลมบุพกาล

รวมบทกวี “สายลมบุพกาล” ของ ลอง จ้องรวี แบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ภาค ภาคแรก “บรรพ์ที่ 1 : สายลมบุพกาล” นำเสนอภาพชีวิตเปี่ยมสุขเมื่อครั้งวัยเยาว์ ผู้เขียนค่อย ๆ เผยรายละเอียดผ่านการละเล่นของเหล่าเด็กน้อยที่เป็นไปอย่างเรียบง่ายสอดคล้องกับยุคสมัยที่ “สายลมบุพกาล” ได้พัดผ่านไปแล้วอย่างยากจะหวนคืน ภาพวิถีชีวิตของคน “ริมยม” ที่อาศัยทรัพย์ในดิน สินในน้ำ หล่อเลี้ยงชีวิตให้งอกงามตามอัตภาพตลอดจนอารมณ์ความรู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นคนเมืองเก่า “สุโขทัย” อันสุขสงบของผู้เขียนซึ่ง “สายลมบุพกาล” ก็ได้พัดผ่านไปแล้วเช่นกัน ภาคหลัง “บรรพ์ที่ 2 : วันวานของอนาคต” เสนอสภาพสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะในแวดวง “การศึกษา” ที่ผู้เขียนสังกัดอยู่อย่างมีสีสัน ทั้งปัญหานักเรียนค้าประเวณี หรือทำงานในสถานที่หมิ่นเหม่ต่อบรรทัดฐานทางศีลธรรม ผู้เขียนให้ภาพแง่มุมการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยผ่านภาพสิ่งของที่ปรากฏอยู่ใน “กระเป๋านักเรียน (หญิง)” อย่างมีสีสันผ่านสายตาของครูผู้ห่วงใยศิษย์ ผู้เขียนยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบการศึกษาแผนใหม่ที่พรากครูไปจากห้องเรียนเพื่อเขียนเอกสารส่งตรวจตามมาตรฐาน “ตัวชี้วัด” ซึ่งสังการมาจากกระทรวงและไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของการศึกษาที่แท้จริง ด้วยลีลาภาษาที่มีชั้นเชิงพอประมาณ ประกอบกับสำนวนโวหารที่คมคายในบทกวีหลายบทอันแฝงปรัชญาชีวิตชวนคิด เมื่อประกอบเข้ากับเนื้อหาอันเป็นเรื่องสัจธรรมแห่งชีวิตที่ไม่ตกยุคตกสมัย รวมบทกวี “สายลมบุพกาล” ของ ลอง  จ้องรวี จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

เงาไม่มีเงา

“เงาไม่มีเงา” ของนายทิวา เป็นผลงานรวมบทกวีซึ่งแบ่งเป็น 3 ภาค คือ “เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป” “ตั้งอยู่-ดับไป-เกิดขึ้น” และ “ดับไป-เกิดขึ้น-ตั้งอยู่” ผู้ประพันธ์นำปรัชญาของพระพุทธศาสนา เรื่องความเป็นอนิจจังของสรรพสิ่งมาเรียงร้อยด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ ผ่านบทกวี ซึ่งสะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในมหานครเมืองแห่งอารยธรรมแต่ในท่ามกลางความเจริญแห่งอารยธรรมและเทคโนโลยี มนุษย์กลับไร้สุขและยังคง “งมงาย” กับวิถีชีวิตที่แก่งแย่งแข่งขันเพื่อเอาตัวรอด ยิ่งมากเทคโนโลยียิ่งห่างเหินจากกันไร้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนมนุษย์ ผู้ประพันธ์มุ่งให้ผู้อ่านตระหนักถึงสภาวะวิถีมนุษย์ซึ่งเปรียบเสมือนเงาที่ไร้เงาเพื่อให้มนุษย์ได้ตื่นรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนไม่จีรัง ย่อมเสื่อมสลายไปตามวัฏสงสาร อันเป็นสัจธรรมแห่งชีวิต รวมบทกวี “เงาไม่มีเงา” ของนายทิวา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

MY TIME

MY TIME  ฝีมือการวาดพอใช้ได้ มีการจัดองค์ประกอบภาพที่ดูสะอาดตา ลำดับภาพได้อย่างน่าตื่นเต้นสนใจ   การเขียนบทเนื้อหาได้กระชับ วางโครงเรื่องง่าย ๆ เด็กคนหนึ่งที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะพ่อเสียชีวิต วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเกิดรถชนสลบทั้งคู่ เด็กรู้สึกตัวก่อน พร้อมกับความทรงจำอดีตที่ผ่านมาปรากฏเป็นลำดับ เป็นความรักของแม่อันยิ่งใหญ่ และความดื้อรั้นตามวัยของตัวเอง กระทั่งสุดท้ายด้วยความโกรธของตัวเองทำให้แม่และตนเองถูกรถยนต์ชน เด็กสำนึกผิดขณะแม่สูญเสียความทรงจำ โครงเรื่องและเป้าหมายของเรื่องสร้างความสะเทือนอารมณ์ได้พอสมควร เขียนบทกระชับ ดังนั้น MY TIME  ของ อรณิชา  ชัยสิงหาญ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดนิยายภาพ (การ์ตูน)  ประจำปีพุทธศักราช 2559

MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก

MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก นำเสนอประเด็นแปลกใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในโลกแห่งอนาคต ทั้งวิเคราะห์และวิพากษ์เทคโนโลยี รวมถึงผูกโยงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่มีความสัมพันธ์กับสังคมและวัฒนธรรมอย่างไร แม้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะสลับซับซ้อนและปรับเปลี่ยนเร็วมาก แต่ผู้เขียนจับประเด็นได้ดีและมีจินตนาการเฉียบคมในการเล็งเห็นถึงผลกระทบต่อชีวิตและสังคมมนุษย์ทั่วโลก เป็นหนังสือที่ให้ความรู้ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แสดงถึงความแตกต่างระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง เป็นตัวแทนวิธีคิดและการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ มีลีลาการเขียนที่สนุก เร้าใจ และชวนติดตาม จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

ห้องเรียนไม่มีฝา

ห้องเรียนไม่มีฝา นำเสนอชีวิต ความเป็นอยู่และการศึกษาของสามเณร โดยเฉพาะการศึกษาวิชาบาลี ผ่านเรื่องราวชีวิตของ ‘มูเล’ เด็กชายชาวใต้ บุตรเจ้าของค่ายมวย  ผู้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตตนเองและความมุ่งหวังของบิดาจากสายการต่อสู้บนผืนผ้าใบมาสู่เส้นทางสายพุทธศาสนา ด้วยการสนับสนุนและชี้นำของ ‘หลวงลุง’ เจ้าอาวาสวัดประจำหมู่บ้านผู้เป็นที่เคารพอย่างสูงในท้องถิ่น ‘สามเณรมูเล’ ได้ไปศึกษาวิชาบาลี ณ  วัดป่าแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข    หลังสำเร็จการศึกษาสอบผ่านเปรียญธรรมประโยค 1-2  ‘สามเณรมูเล’ ได้กลับถิ่นกำเนิดเพื่อนำประกาศนียบัตรไปถวายให้ ‘หลวงลุง’ ผู้มีพระคุณและพบหน้าบิดามารดา ผู้มีความปีติในความสำเร็จและก้าวหน้าทางธรรมะของบุตร ในทำนองเดียวกับที่ ‘สามเณรมูเล’ มีความสุขและภาคภูมิใจ ที่ได้บวชและศึกษาธรรมะแผนกบาลี ทำให้ผู้มีพระคุณมีความสุข ซึ่งเชื่อกันว่าตัวเองก็ได้บุญ  พ่อแม่ก็ได้บุญ การนำเสนอเนื้อหาได้แบ่งเป็นตอนสั้น ๆ เริ่มต้นอย่างชวนอ่านและจบอย่างน่าติดตาม  ตัวละครมีความสมจริง เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา  สอดแทรกสาระและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องอย่างเหมาะสมและแนบเนียน ผ่านการบรรยายและบทสนทนา  มีการเปรียบเทียบคมคายเห็นภาพพจน์  การบรรยายเรื่องเรียบง่าย สละสลวย ชัดเจน เรื่องราวเกี่ยวกับพระและเณร เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะผู้บวชเรียน  หนังสือเรื่อง ห้องเรียนไม่มีฝา จึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่   โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทอดโดยผู้มีประสบการณ์ตรงและมีความสามารถทางภาษาอย่างดียิ่ง หนังสือเรื่องนี้จึงเปี่ยมด้วยสาระและบันเทิงที่บริสุทธิ์  ทำให้ผู้อ่านเบิกบานและสุขใจ  จึงเป็นหนังสือดีมีคุณค่า สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

หุ่นไล่กา

หุ่นไล่กา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เรื่องของไพฑูรย์  ธัญญา  แต่ละเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งทั้งในสังคมเมืองและในสังคมชนบท ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายคือ “มหานครล่มสลาย” นั้น บรรดาปัญหาและความขัดแย้งดังกล่าวได้ถูกนำมาประมวลไว้อย่างครอบคลุม และสื่อแนวคิดร่วมของทั้งเล่มเกี่ยวกับเรื่อง “ความจริงและความลวง”  ได้อย่างน่าสนใจว่า ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ (แม้เพียงสองคน) ตราบนั้นความจริงและความลวงก็ยังดำรงอยู่ในสังคม ความโดดเด่นของหนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา อยู่ที่ความจัดเจนในการใช้ภาษาของผู้เขียนที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย เป็นธรรมชาติเหมาะแก่ลักษณะของเรื่อง ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่หนักอึ้งและแนวคิดที่แหลมคม ด้วยลีลาการเขียนที่มีท่วงทำนองยั่วล้อ เสียดสี ประชดประชัน แต่ชวนคิด  ถ้อยคำ สำนวนโวหารและภาพพจน์ทั้งในการบรรยาย การพรรณนา และบทสนทนาสามารถสร้างภาพและบรรยากาศได้อย่างมีสีสัน มีชีวิตชีวา ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างหลากหลายโดยเฉพาะอารมณ์ขันซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้เพลินอ่าน หนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา  จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ.2559

Loser Rainbow

LOSER RAINBOW อย่าผูกคอตายใต้สายรุ้ง เป็นภาพลายเส้นแนวกราฟิกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปแบบลายเส้นที่เกินพอดี แต่แฝงความขบขันสะใจ และจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด โครงเรื่องเป็นเรื่องที่บอกเล่าประสบการณ์ของผู้คนอาชีพต่าง ๆ  ในเล่มเป็นการรวมการ์ตูน 6 เรื่อง เนื้อเรื่องทันสมัย แต่ละเรื่องดำเนินเรื่องแตกต่างกันไป ทว่ามีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการให้ผู้อ่านตระหนักถึงวิถีทางอันถูกต้องซึ่งมนุษย์พึงมุ่งมั่นและกระทำ แต่ละเรื่องมีตัวเอกที่สังคมบอกว่าเป็นผู้แพ้ อันที่จริงผู้แพ้แต่ละรายล้วนมีคุณค่า มีความมุ่งมั่น มีความรักความเอื้ออาทรความเสียสละ “แม้สังคมจะบอกว่าพวกเขาคือ ผู้แพ้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขายังไม่เคยชนะต่างหาก” คุณค่าของหนังสือการ์ตูนเล่มนี้  ชี้ให้เห็นว่าทุกคนมีประสบการณ์ของความพ่ายแพ้     แต่ความพ่ายแพ้ไม่ใช่บทสรุปของบทเรียนชีวิต  ไม่สามารถทำร้ายความสุข ความมุ่งหวัง และความฝันของมนุษย์ได้ LOSER RAINBOW อย่าผูกคอตายใต้สายรุ้ง จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน)

รักในรอยบาป

รักในรอยบาป นำเสนอความ “แตกสลาย” อันเป็นชะตากรรมร่วมกันของตัวละคร ภายใต้เงื้อมเงาของ เงาจันทร์ แผลแรกจากประสบการณ์ผลักหลายชีวิตเข้าสู่วังวนแห่งทุกข์ที่ยากจะพบทางออก ชีวิตของตัวละครดุจดังแก้วที่แตกหักจากการเฆี่ยนตีของผู้เขียนซึ่งมิได้ปรารถนาจะ “ซ่อม” สู่ความบริบูรณ์  การอ่านนิยายเล่มนี้ คือการตอบรับคำเชิญให้ก้าวเข้าสู่มุมหม่นของโชคชะตา ซึ่งแท้จริงคือจุดอับ ที่ผู้เขียนขับต้อนตัวละครให้ “จนมุม“ อย่างศิโรราบอยู่ก่อนแล้ว  ผู้อ่านมิอาจร่วมคิด ร่วมหวัง ร่วมฝัน ถึงทางออกอันสว่างไสวใด ๆ ได้เลย  ทำได้แค่เพียงยอมจำนนต่อบาดแผลของตัวละคร โดยมอบตัวเองเป็นผู้เฝ้าดูการเดินทางสู่ความอับปางในชีวิต อภิสิทธิ์ในฐานะของพยานคือ  การที่ผู้อ่านได้ประจักษ์ถึงสุนทรียภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในความร้าวรานของสรรพสิ่ง ในความวิปริตของตัวละครมีความวิจิตรอย่างยิ่งยวด   มีความงามแตกเส้นสายออกมาจากการมองโลกที่บิดเบี้ยว   คลื่นอารมณ์ยามดำดิ่งก่อระลอกเป็นความแปรผันอันซับซ้อน  ความดี-ความชั่วคือการสร้างภาพเชิงศิลปะ สิ่งสามัญที่ถูกมองข้ามฉับพลันกลับมีสีสันเจิดจ้าน่าพิศวง ความแปร่งปร่ากลับเร้าความปรารถนาให้ใคร่ลิ้มลอง “ทิพยรส” อันจะเกิดขึ้นกับจิตที่ผิดปกติเท่านั้น    การเตลิดไปดื่มด่ำกับภาวะ “หลุดลอย” ของเหล่าตัวละครเพียงชั่วครู่ กลายเป็นประสบการณ์น่าตื่นใจของผู้อ่าน …ที่สุดแล้ว เราคงไม่จำเป็นต้อง “ซ่อม”  แก้วที่แตกหัก เพราะอาจทำให้พลาดการได้ยลแถบรุ้งงาม …ที่สุดแล้ว การเป็นผู้พินิจ อาจทำให้พบความวิจิตรในเสี้ยวชีวิตที่แตกสลาย ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยายจึงมีมติให้       นวนิยายเรื่อง รักในรอยบาป ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปีพุทธศักราช 2559

ข้ามสมุทร

ข้ามสมุทร  ของ วิษณุ เครืองาม เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ นำเสนอเรื่องราวชายหนุ่มนาม พจน์ ใน พ.ศ. 2542 หรือ ค.ศ. 2000 นักเรียนไทยในปารีส ที่เดินทางข้ามเวลา ข้ามทวีป ข้ามชาติภพไปยังกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2228 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กลายเป็น แสน ผู้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ในฐานะล่ามติดตามคณะราชทูตของออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) ที่เชิญพระราชสาส์นเจริญสัมพันธไมตรีไปทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส รอนแรมไปถึงหกเดือน และเดินทางกลับมากรุงศรีอยุธยาที่ช่วงรอยต่อระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับสมเด็จพระเพทราชา ที่เข้มข้นด้วยวิกฤตการเมืองภายในและความตึงเครียดของการเมืองภายนอก ท้ายที่สุด พจน์ ก็ได้เดินทางกลับมาจุดเดิม เวลาเดิม และได้ค้นหาเติมเต็มสิ่งที่ใคร่รู้ที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ความหนา 925 หน้า 30 บท ของนวนิยายเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้ามาอย่างละเอียดลออ ทั้งข้อมูลจากฟากของฝรั่งเศสและข้อมูลจากฟากพงศาวดารไทยเท่าที่จะมีจารึกไว้ ผู้เขียนได้ใช้จินตนาการรังสรรค์ประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในรูปแบบของนวนิยาย ผู้อ่านจะพลอยได้รับความรู้ด้านกุศโลบายทางการทูตและการเมืองที่ชิงไหวชิงพริบเพื่อรักษาผลประโยชน์และเกียรติภูมิของประเทศชาตินอกเหนือไปจากเพลิดเพลินไปกับอรรถรสของนวนิยายที่ดำเนินเรื่องโดย พจน์ หรือ แสน ผู้เดินทางข้ามสมุทร อันกินความถึง ข้ามเวลา ข้ามทวีป และข้ามชาติภพ พร้อมกับเกิดความตระหนักถึงภูมิปัญญาของแผ่นดิน และสำนึกรู้คุณของบรรพบุรุษที่รักแผ่นดินเกิด ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ นับได้ว่านวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ข้ามสมุทร ได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิในการผนวกสาระข้อมูลเข้ากับจินตนาการของผู้เขียนได้อย่างกลมกลืน  คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด ประเภทนวนิยายจึงมีมติให้นวนิยายเรื่อง ข้ามสมุทร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปีพุทธศักราช 2559

ทางจักรา

ทางจักรา โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ  เป็นหนังสือกวีนิพนธ์เรื่องยาว ร้อยความดำเนินเรื่องให้เกี่ยวเนื่องไปกับกงล้อแห่งสัญญะ “จักรา” ซึ่งหมายถึงการเดินทางของสาระความคิด โดยอาศัยวงล้อของจักรยานเป็นความเปรียบที่มีทั้งจังหวะปั่นให้เร็วขึ้นและถีบปกติอย่างเชื่องช้า โดยมีตัวละคร 2 ตัวเป็นพลังขับเคลื่อนแท้จริงของกงล้อ ด้วยวิธีปุจฉา-วิสัชนาไปตลอดทาง ฉากและผู้คนที่เคลื่อนเข้ามาประกอบอย่างมีจังหวะ เป็นส่วนเติมให้เห็นสภาวะความเป็นมนุษย์ เห็นสังคมอันหลากหลาย  นำพาผู้อ่านไปสู่ประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้านกลวิธีการประพันธ์ ทางจักรา ได้แสดงลีลาวรรณศิลป์ในการนำเสนอ การใช้ภาษาเรียบง่าย ชี้ให้เห็นวัฏฏะที่นอกเหนือจากชีวิตอันเวียนว่ายแล้ว ยังมีการเคลื่อนเปลี่ยนโลกภายในและภายนอกที่ทับซ้อนเกี่ยวเนื่องต่อกัน ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ จึงตัดสินให้ทางจักรา  โดย ศิวกานท์  ปทุมสูติ  ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2559

กานท์เวลาของผู้คน

กานท์เวลาของผู้คน ผลงานการประพันธ์ของ กิตติ  อัมพรมหา เป็นงานร้อยกรองที่ครบถ้วนด้วยองค์ประกอบของวรรณศิลป์  ประกอบด้วยฉันทลักษณ์เป็นกลอนแปดตลอดทั้งเรื่องเขียนได้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ มีความไพเราะของถ้อยคำที่นำเสนอ แต่มีข้อผิดพลาดบางแห่ง เช่น การใช้คำสัมผัสซ้ำระหว่างวรรคระหว่างบท เนื้อหาสาระได้แรงบันดาลใจจากข่าวสารและเหตุการณ์ที่ปรากฏในสังคม ตลอดทั้งเรื่องราวที่พบเห็นด้วยตนเอง เช่น ดอกฝันป่าเมือง สถานการณ์บนจอแผ่น ในมุมมองของหนู กำสรวลแผ่นดิน ก่อนสังคมสิ้นลมหายใจ การใช้ถ้อยคำถูกต้องงดงามด้วยรสคำและรสความในการอธิบายถ่ายทอดความคิดของตนเอง มีสาระในด้านความรู้ ความคิดอันเป็นสัมพันธภาพตามหัวข้อของเนื้อเรื่องที่กำหนด  กวีโวหารเพื่อสร้างความไพเราะความประทับใจทำได้ดีในบางบทต้องให้ประสบการณ์ในการฝึกฝนเพาะบ่มต่อไป เพื่อสร้างความสนใจได้อย่างเหมาะสม และทำให้ผู้อ่านซาบซึ้งประทับใจ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ผู้เขียนพยายามสะท้อนปัญหา ปรากฏการณ์ตามที่ได้พบเห็นหรือตามความเป็นจริงได้อย่างน่าสนใจ ดังนั้น  กานท์เวลาของผู้คน  ของ กิตติ  อัมพรมหา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2560

I CANCEL MY CANCER

I CANCEL MY CANCER เขียนโดยผู้เขียนซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่รักษาให้หายขาดได้ยาก ขันตอนการรักษาซับซ้อน มีอาการลุกลาม และมีโรคอื่นแทรกปน ทว่ากลับเล่าเรื่องออกมาอย่างน่าประทับใจ ด้วยสำนวนภาษาที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันแทรกปนอยู่ในทุกบท แสดงถึงความเข้มแข็งภายในและการต่อสู้กับโรคร้ายไม่ย่อท้อ ทั้งยังให้ข้อมูล ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาโรคร้ายอย่างลงตัวอีกด้วย หนังสือเรื่อง I CANCEL MY CANCER จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๐