ผลรางวัล

รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

  • Home
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง

เรือนในรัก โลกในเรา

เรือนในรัก โลกในเรา รวมกวีนิพนธ์ของ พัฒนะ ปฐมพงศ์ แบ่งกลุ่มเนื้อหาในเล่มออกเป็น ๓ ภาค ประกอบด้วย ภาคที่ ๑ สายใยรักถักทอ “พ่อกับลูก” ถ่ายทอดความรู้สึกอันละเอียดอ่อนที่มีต่อลูกสาวและครอบครัว งดงามในความหมายแห่งสายใยรักและหนักแน่นด้วยอารมณ์อันคมเข้ม ภาคที่ ๒  ผูกพันในวิถีแห่งชีวิต บอกเล่าเรื่องราวในสังคม และสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความอาทรห่วงใย เสนอรายละเอียดชวนพินิจผ่านชะตากรรมของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ดิ้นรนอยู่ในสังคมปัจจุบันผ่านมุมมองเฉพาะตน และ ภาคที่ ๓ พินิจโลกทรรศน์สัจธรรม กวีเฝ้ามองความเป็นไปในธรรมชาติ ค้นหาปรัชญาชีวิต พร้อมไตร่ตรองมองตนเพื่อข้ามพ้นความทุกข์ ก่อนได้ข้อสรุปในท้ายที่สุดว่าท่ามกลางสภาพปัญหาสังคมปัจจุบัน ครอบครัวที่อบอุ่นด้วยความรักและความเข้าใจ ย่อมยังความสุขให้เกิดขึ้นได้ “รักเจ้าคือแรงผลักดัน  ได้หอมแก้มขวัญ   ร้อยพันภาพงามยามเยาว์   กรุ่นกลิ่นรักหอมห้อมเหย้า    แม้โลกโศกเศร้า   เรือนหอมกล่อมเราเจ้าเอย”   (เรือนหอมเจ้าเอย : หน้า ๑๙๘) ด้านกลวิธีการประพันธ์ เรือนในรัก โลกในเรา มีลีลาภาษางดงาม นำเสนอมุมมองหลากหลาย หนักแน่นด้วยความหมายที่กลั่นกรองผ่านถ้อยคำ หลายบทหลายวรรคสำแดงฝีมือสื่อความรู้สึกชวนประทับใจไม่น้อย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เรือนในรัก โลกในเรา   ของ พัฒนะ ปฐมพงศ์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทกวีนิพนธ์  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล

จับประเด็นนำเสนอได้คมคาย กับการค้นคว้าชีวิตของเหล่านักปราชญ์ที่มีชีวิตในห้วงยาม ๕๔๓ ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกรุ่มรวยด้วยเหล่านักปราชญ์ ทั้งฟากตะวันออกและตะวันตก ผู้เขียนนำเสนอผ่านสำนวนภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างละเอียด เนื้อหาจึงน่าติดตาม ชวนอ่าน ชวนเพลิดเพลินไปกับหลักปรัชญาของเหล่านักคิดนักปราชญ์คนสำคัญของโลก คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ 543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล ของ นำชัย ชีววิวรรธน์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทสารคดี  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ

            Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ ของลาดิด เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นนอกกระแส ๑๐ เรื่อง แปลกใหม่ทั้งเนื้อหาและกลวิธี ผสมผสานระหว่างการเล่าเรื่องแบบกระแสสำนึกกับเรื่องเหนือจริง เนื้อเรื่องและตัวละครมีสีสัน  แต่ละเรื่องสั้นกระชับและมีความหลากหลายในด้านฉาก มิติเวลา เพศสภาพ นับเป็นวรรณกรรมไทยของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ  ของ  ลาดิด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗  

คอลลาจบรรเลง

          คอลลาจบรรเลง ของ แพรพลอย วนัช  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๐ เรื่อง ที่มีลักษณะสมจริงสะท้อนภาพของคนในสังคมเมืองที่ล้วนต้องดิ้นรนที่จะดำเนินชีวิตให้อยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากของสังคมสมัยใหม่  ด้วยการปรับตัว เปลี่ยนแนวความคิด ไปพร้อม ๆ กับการพยายามรักษาคุณค่าและจิตวิญญาณเดิมของตนไว้   ตัวละครในบางเรื่องสามารถเอาตัวรอดอยู่ต่อไปได้  บางเรื่องยังไม่รู้แพ้ชนะ ขณะที่บางเรื่องตัวละครเอกพ่ายแพ้จนต้องออกจากเวทีไป ผู้ประพันธ์เล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย  วางโครงเรื่องไม่ซับซ้อน  ใช้บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติเหมาะสมตามสถานภาพของตัวละคร  แต่กระนั้นทุกเรื่องก็มีความลุ่มลึก เฉียบคม และสะเทือนอารมณ์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น คอลลาจบรรเลง ของ  แพรพลอย วนัช  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

แก่นไม้หอม

นวนิยายเรื่อง แก่นไม้หอม เป็นการเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกส่งมาจากเมืองจีนเพื่อมาอยู่กับพ่อแม่ที่อพยพมาก่อนแล้ว  “ซิ่วเฮียง”  จึงมีประสบการณ์ชีวิตที่ขมขื่นกว่าเด็กวัยเดียวกัน ด้วยค่านิยมที่รักลูกชายมากกว่า เมื่อโรงเรียนจีนในเมืองไทยถูกผู้นำในยุคนั้นสั่งปิด เตี่ยกับแม่จึงให้ซิ่วเฮียงออกจากโรงเรียน มีแต่น้องชายและน้องสาวที่ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนไทย ด้วยความน้อยใจ และอ่อนต่อโลกซิ่วเฮียงในวัย ๑๖ ปี จึงหนีตามคนรักไป เพียงเพื่อจะพบว่าโลกนี้โหดร้ายกว่าที่เธอคิด และเธอถูกตัดขาดจากครอบครัวตั้งแต่บัดนั้น เมื่อเธออุ้มลูกชายกลับบ้านเตี่ยยอมรับเพียงแต่หลานคนเดียว แม้ต่อมาเธอจะประสบความสำเร็จกับครอบครัวใหม่ในฐานะเถ้าแก่เนี้ยคนที่สองได้รับความรักความเมตตาจากสามี ได้รับความเอ็นดูจากเถ้าแก่เนี้ยคนที่หนึ่ง และได้รับความเคารพความรักจากลูกของทั้งสองบ้าน แต่ก็ยังมีร่องรอยหม่นหมองในใจเสมอมา ผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงจึงสามารถนำผู้อ่านเข้าไปใกล้ชิดกับชีวิตของซิ่วเฮียง ทั้งในยามสุข และทุกข์ เสมือนหนึ่งได้ร่วมเติบโตทางความคิด ความรู้สึกไปด้วยกัน ทำให้เข้าใจวิธีคิด และมุมมองในการตัดสินใจของเธอ ที่มีความมุ่งมั่น กล้าหาญ ซื่อตรง อ่อนน้อมและกตัญญู แม้ครอบครัวใหญ่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ การเมือง และค่านิยมที่ยากจะเปลี่ยนแปลงในครอบครัวคนจีน แต่ซิ่วเฮียงก็ผ่านมาได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเลือกทางเดินชีวิตที่ดีได้ ด้วยความแข็งแกร่งดุจแก่นของต้นไม้ที่ดำรงอยู่ แม้มิอาจมองเห็นจากภายนอกก็ตาม ด้วยภาษาที่เรียบง่าย ชัดเจน ทว่ากระทบใจในความจริง ผู้อ่านจึงสัมผัสได้ถึงความรัก ความสุข ความทุกข์ ความหวัง และความผิดหวัง เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน วาระสุดท้ายซิ่วเฮียงจึงจากโลกนี้ไปด้วยความทรงจำของชีวิตที่ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนในทุกบทบาทของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง นับเป็นความสุข ความเศร้า และการยอมรับไปพร้อมกัน ตามเจตนารมณ์ที่ผู้ประพันธ์ได้นำเรื่องไปสู่จุดหมายอย่างมั่นคง           “โลกนี้เหมือนผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น” คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ แก่นไม้หอม ของ กิ่งฉัตร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

คนละฝั่งของแม่น้ำ

คนละฝั่งของแม่น้ำ  เป็นเรื่องราวของสามเณรตุเตเปรียญธรรมสามประโยคจากภาคใต้ เดินทางมากรุงเทพฯ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสอบให้ได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในภาคการศึกษานั้น สามเณรพักที่วัดเล็ก ๆ ฝั่งธนบุรี ต้องลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งพระนคร  เพื่อเดินไปยังสำนักเรียนในพระอารามหลวงระดับชั้นเอกพิเศษย่านเสาชิงช้า การเดินทางไปเรียนหนังสือ สามเณรได้พบเหตุการณ์รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ เช่น การวางขายพระเครื่องแบกะดินริมทางเท้า เรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอาศัยนอนค้างคืนในวัด เรื่องช่วยเหลือผู้หญิงพลัดตกน้ำจากโป๊ะ เรื่องการถูกตรวจสอบจากพระวินยาธิการผู้มีหน้าที่พิสูจน์ว่าเป็นสงฆ์จริงหรือไม่  เรื่องนั่งด้านหน้ารถขนศพไปยังสถานที่ปลายทาง เรื่องเพื่อนสามเณรที่มาเรียนทางธรรมเพื่อนำไปเทียบการศึกษาสายสามัญ เป็นต้น แม้จะพบเรื่องราวต่าง ๆ  แต่สามเณรก็ตั้งใจเรียนจนจบหลักสูตร สอบได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในที่สุด คนละฝั่งของแม่น้ำ  เป็นหนังสือชื่อเรื่องดี โครงเรื่องดีหลากหลายอารมณ์ มีกลวิธีในการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ  ตัวละครสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องโอกาสทางการศึกษาของเด็กที่มีเป้าหมายต่างกันในการบวช การคลี่คลายปมปัญหาของตัวละครเป็นไปในทางที่ดี ภาพประกอบสอดคล้องกับเรื่อง ให้ข้อคิดเรื่องการตั้งเป้าหมายของชีวิต คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้คนละฝั่งของแม่น้ำ ของ ธารา ศรีอนุรักษ์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา

รวมเรื่องสั้น จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา ประกอบด้วยเรื่องสั้น ๕ เรื่อง นำเสนอผ่านความคิดคำนึงและพฤติกรรมของตัวละครในวัยหนุ่มสาว  ผู้เขียนยกประเด็นสามัญที่พบเห็น ได้แก่ การเข้าค่าย  โรคระบาด ความรักและการพลัดพราก  เพศสถานะ ประสบการณ์เดินทางด้วยรถสาธารณะ การหย่าร้าง การตั้งครรภ์และแท้งบุตร มาสร้างเป็นเรื่องชวนติดตาม เรื่องสั้นชุดนี้เด่นด้วยการจบเรื่องที่พลิกความคาดหมาย  สำนวนภาษาสละสลวย คมคาย  แต่มีบางจุดที่ผู้เขียนจงใจเล่นสำนวนและใช้คำที่แปลกล้ำกว่าความหมายธรรมดาสามัญ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา  ของ  วริศ  ดาราฉาย ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

LIFE OF TRY ชีวิตต่าย ขายหัวเราะ

          LIFE OF TRY ชีวิตต่าย ขายหัวเราะ นำเสนออัตชีวประวัติ ต่าย ขายหัวเราะ นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง เรื่องและภาพโดยต่าย ขายหัวเราะ โครงเรื่องเป็นประวัติชีวิตในแต่ละช่วง ตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน และกล่าวถึงเพื่อนร่วมงานที่ส่งเสริมกันจนกลายเป็นนักเขียนหลักของสำนักพิมพ์ การเล่าเรื่องเรียงลำดับเหตุการณ์​​ นำเสนอตั้งแต่ช่วงวัยเด็กที่เหมือนไร้สาระ ช่วงวัยรุ่นที่สับสนตัวเองที่ต้องผจญกับผู้คนหลากหลายวัยรอบตัว ช่วงเป็นผู้ใหญ่ได้ค้นพบตัวเอง เรื่องการ “วาดการ์ตูน” และพยายามทำให้การ์ตูนเป็น “งาน”  จนกลายเป็น “อาชีพ”  บรรยายด้วยภาพและตัวอักษรได้สนุก​ ใช้ภาพเชิงสัญลักษณ์​อธิบายอารมณ์​ความรู้สึก​ต่าง ๆ ได้ดี เคล็ดลับการคิดแก๊กการ์ตูน การวาดลายเส้น การออกแบบตัวการ์ตูนมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ต่าย ขายหัวเราะ มีชื่อเสียงจากการวาดการ์ตูนแนวตลกต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี สร้างตัวละครที่โด่งดังระดับชาติ เช่น ปังปอนด์ เป็นต้น ภาพการ์ตูนเน้นเรื่องราวความคิดด้านการดำเนินชีวิต การเผชิญความผิดหวัง ความพยายาม ความสมหวัง สร้างสรรค์ด้วยมุกตลกขบขันและด้วยชั้นเชิงนักสื่อสารโฆษณา สามารถโน้มน้าวผู้อ่านให้คล้อยตามความคิดของผู้เขียนว่าชีวิตในทุกช่วงเวลาจะมีมุมมองด้านความสุขอยู่ด้วยเสมอ จึงเป็นหนังสือที่ให้ประสบการณ์ชีวิตได้ดี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ LIFE OF TRY ชีวิตต่าย ขายหัวเราะ ของ  ต่าย ขายหัวเราะ  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

Little Hope by โคลเวอร์ห้าแฉก

Little Hope by โคลเวอร์ห้าแฉก​ เป็นหนังสือในโครงการ​ ​7-11 ถอดรหัส​นักวาดการ์ตูนในฝัน​ ส่งผลงานเข้าประกวดในนามกลุ่ม​ ดำเนินเรื่องว่าเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ เป็นเหตุให้ครอบครัวนักดนตรีต้องพลัดพรากเข้าไปอยู่ศูนย์​อพยพ​ ทำให้เกิดอาการโศกเศร้า และสิ้นหวัง​ แต่ได้อาศัยดนตรีสู่ความหวังใหม่​ ผู้อ่านได้แง่คิดในเรื่องของความหวัง​ การบำบัดด้วยเสียงดนตรี และแง่คิดว่าตราบเท่าที่ทุกคนมีความหวังโลกที่มืดมนก็มีแสงสว่างให้เห็น​ ลายเส้นและการจัดภาพการ์ตูน​สวยงาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Little Hope by โคลเวอร์ห้าแฉก ของ พิมพกานต์  เผื่อแผ่,    ศุภัชญา เภาแก้ว, ชนิกานต์ โพธาราม, ดลยภรณ์ ศิริภักดิ์ และ บุษราคัม เพชรนิล ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

คำ | สาร | ภาพ

คำ | สาร | ภาพ ของ วรพจน์ ทรัพย์เมฆ เป็นรวมบทกวีฉันทลักษณ์หลากรูปแบบ ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ซึ่งผู้เขียนวางแนวคิดรูปแบบและเนื้อหาสอดคล้องกัน เปิดเล่มด้วยเรื่องราวดึกดำบรรพ์ในสำนวนที่ชื่อ ‘ระหว่างบรรทัดก่อนประวัติศาสตร์’ ก่อนจะเข้าสู่ ‘กรุงเก่ากำสรด’ ในบทถัดมา ขณะเดียวกัน ‘คำ’ ที่นำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นภาษาที่ใช้ในกวีนิพนธ์โบราณ แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีคลังคำและมีพื้นฐานด้านวรรณคดี โดยบางชิ้นงานได้นำ ‘โคลงกำสรวล’ และ ‘โคลงนิราศนรินทร์’ มาต่อยอดในผลงานของตนเอง ทั้งนี้ เรื่องราวในเล่มไม่จำเพาะเพียงสมัยอยุธยา แต่ไล่เรียงมาสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงยุคปัจจุบันปรากฏการณ์โรคระบาด เนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย บางสำนวนน้ำเสียงเชิดชูกวีผู้มาก่อน บางชิ้นบูชาหนังสือ อีกด้านหนึ่งก็เสียดสีสังคม ประชดประชันคนไม่ขวนขวายใฝ่รู้ ส่วนผู้เขียนเองมีอหังการ์ความเป็นกวีซ่อนอยู่ แต่โดยรวมอารมณ์บทกวีค่อนไปทางหม่นเศร้า ด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อชุด ‘คำ | สาร | ภาพ’ นัยหนึ่งถือเป็น ‘คำสารภาพ’ แนวทางกวีของผู้เขียน อีกประการสำคัญ ผู้เขียนต้องการสื่อสารแยกเป็น ๓ พยางค์เพื่อบ่งบอกความหมายของ ‘คำ-สาร-ภาพ’ ในตัวเองอย่างชัดเจน ดังบทส่งท้ายที่ว่า คำ คือภาษาภายใน สาร หลั่งไหลเนื้อนามความรู้สึก ภาพ สะท้อนซ้อนคิดฝันอันล้ำลึก คำ-สาร-ภาพ ตกผลึกสำนึกกวี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ คำ | สาร | ภาพ ผลงานของ  วรพจน์ ทรัพย์เมฆ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

Ultraman เส้นชัยไร้เหตุผล

บันทึกประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ผ่านการวิ่งครั้งสำคัญในชีวิต ที่ยาวไกลและเสี่ยงอันตรายกว่าการวิ่งมาราธอน เพราะคือการวิ่งระยะอัลตรามาราธอน ที่ไกลถึงกว่าร้อยกิโลเมตร โดยต้องผจญภัยไปกับพื้นที่ภูเขาของฮ่องกง ความง่วง ความยากลำบาก และถึงขั้นเสี่ยงชีวิต แต่ผู้เขียนเอาชนะมาได้ด้วยพลังใจ ผู้เขียนเก็บรายละเอียดในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อย่างชวนติดตาม โดยนำประสบการณ์การวิ่งไปเปรียบเทียบกับแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต ทั้งยังเขียนได้อย่างมีอรรถรส สำนวนภาษาชวนติดตามอย่างยิ่ง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Ultraman เส้นชัยไร้เหตุผล ของ นิ้วกลม        ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖

เจ้าปลาสายรุ้ง

เจ้าปลาสายรุ้ง  เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มกับลูกสาวที่ผันตัวเองจากเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัดกับพ่อแม่ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกชายของเพื่อนผู้จากไป ด้วยการสอนวิธีเลี้ยงปลากัดหลากหลายชนิด ตั้งแต่การจับปลา การหาพันธุ์ปลา การเลี้ยงดู การให้อาหารอย่างถูกต้อง จนเด็กชายสามารถพัฒนาสายพันธุ์ปลากัด จำหน่ายเพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวเล็ก ๆ ของเขา ผู้เขียนมีวิธีเล่าเรื่องโดยแบ่งเป็นตอนสั้น ๆ ทำให้อ่านง่าย สนุก ชวนติดตาม มีชั้นเชิงในด้านวรรณศิลป์ พร้อมทั้งอธิบายถึงปลากัดชนิดต่าง ๆ  อย่างละเอียด เช่น ปลากัดป่าที่มีสีซีด ปลากัดลูกหม้อสีเข้มดูน่าเกรงขามที่เลี้ยงไว้เพื่อส่งลงสนามต่อสู้ในบ่อนกัดปลา รวมถึงปลากัดแฟนซีสีสวยงามสดใส ทำให้ได้ความรู้เรื่องปลากัดของไทยเป็นอย่างดี เปรียบได้กับสารคดีที่ผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เจ้าปลาสายรุ้ง ของ วรรณมันตา  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน

เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน ของ อุเทน พรมแดง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๑ เรื่อง ที่เสนอเรื่องราวของคนในโลกยุคใหม่ ทั้งในเมืองและชนบท ตั้งแต่ผู้มีอันจะกินจนถึงผู้ยากจนข้นแค้นในทุกช่วงวัย โดยสะท้อนภาพชีวิตที่ต้องดิ้นรน ทนทุกข์ และขัดเคือง เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก  ปัญหาชีวิต หรือแม้กระทั่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม ผู้ประพันธ์มีความสามารถในการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายด้วยภาษาที่งดงาม  ดำเนินเรื่องไปสู่ตอนจบที่ทำให้ผู้อ่านคาดไม่ถึง  และในขณะเดียวกันก็สร้างความหวังและมุมมองด้านบวกของชีวิต สมกับชื่อหนังสือ เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน คณะกรรมการตัดสินจึงมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน   ของ  อุเทน พรมแดง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

หนึ่งนับวันนิรันดร

หนึ่งนับวันนิรันดร เป็นเรื่องราวของความรักความผูกพันและความทรงจำของ “เพียงขวัญ” ที่มีต่ออดีตอันงดงามรุ่งเรืองในสิ่งแวดล้อมซึ่งคุ้นเคยแต่ก็อาจแปลกแยกแตกต่างในบางวัน ทำให้เธอต้องตั้งคำถามอยู่เสมอว่า เพราะเหตุใด ความทรงจำของเธอที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอันมีฉากหลังเป็นบันทึกเรื่องราวของ “ใครสักคน” หรือฉากของวรรณกรรมอมตะ เช่น ข้างหลังภาพ, สี่แผ่นดิน, คู่กรรม,  เพชรพระอุมา,  ฟ้าจรดทราย,  ลับแลแก่งคอย,  ยุคสมัยแห่งความสิ้นหวัง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาอันชวนฉงน แม้ในแต่ละวันที่ความจำของเธอจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “ตราวุธ” ชายหนุ่มที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิดทุกวันและทุกเวลา และแล้วเธอก็รำลึกได้ว่า ตราวุธและเธอคือใคร นาทีอันมีค่านี้ช่างน่าปีติยิ่งนัก แม้จะเพียงหนึ่งวันเมื่อเธออายุ ๘๑ ปี นวนิยายเรื่องนี้ ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่ป่วยเป็นโรคภาวะสมองเสื่อมสูญเสียความทรงจำ (Alzheimer’s Disease) ด้วยการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามและสร้างปมสงสัยตลอดเรื่อง ใช้ภาษางดงามสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของความรัก ความอบอุ่นทั้งแจ่มใสและหม่นมัว อันสะเทือนอารมณ์ ส่งสารถึงผู้อ่านให้รับรู้อย่างน่าประทับใจ และเข้าใจสภาวะของผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้น ภาพที่เรามองเห็นอาจไม่ใช่ภาพจริง และภาพจริงอาจมิใช่ความจริงที่เรามองเห็น ภาพชีวิตของเพียงขวัญและตราวุธ ที่ดำรงอยู่ด้วยความรัก ความห่วงใยเอื้ออาทรจึงกระทบใจผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าความรักนั้นจะเริ่มนับหนึ่งในทุกวันและจะเป็นเช่นนี้ชั่วนิรันดร คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ หนึ่งนับวันนิรันดร ของ กิตติศักดิ์ คงคา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า

10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า เป็นหนังสือการ์ตูนลายเส้นร่วมสมัย เล่าเรื่อง “หมาที่ไม่เห่า” ชื่อ “เม่าไห่” ได้อย่างมีชีวิตชีวา ตื่นเต้น สนุกสนาน ให้ความเพลิดเพลินและชวนติดตาม ผู้วาดแสดงให้เห็นว่ามีการเลี้ยง “เม่าไห่”  อย่างใกล้ชิด คลุกคลีและสังเกตอย่างละเอียดจนสามารถสรุปพฤติกรรม ๑๐ วีรกรรมที่แสนซ่าผ่านลายเส้นการ์ตูนและเนื้อหา  ทักษะการวาดและจัดองค์ประกอบภาพดี สมบูรณ์แบบ ตัวการ์ตูนโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ผู้วาดมีความรู้อย่างลึกซึ้งในการดูแลสุนัข สามารถอธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสัมพันธภาพของ               “เม่าไห่” กับ สมาชิกในครอบครัว 10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า นอกจากจะสวยงาม อ่านสนุก ได้ความรู้ แสดงให้เห็นถึงความผูกพันของครอบครัวกับสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังเป็นหนังสือที่มีคุณค่าแห่งความรักและการให้อภัยอีกด้วย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ 10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า โดย  พลอยจะเพลิน  เผ่าพันเลิด ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ดินแดนบันไดงู

ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม เป็นรวมบทกวีที่แสดงให้เห็นถึงโลกอันซับซ้อน ที่มนุษย์พยายามสร้างเงื่อนไข แล้วดำเนินชีวิตตามนิยามความคิด เพื่อเดินทางไปยังโลกอันแสนไกล โดยคิดว่านี่คือการขับเคลื่อนความจริงท่ามกลางความซับซ้อนและยอกย้อนตลอดเวลา ผู้เขียนได้แบ่งบทกวีออกเป็น ๓ ภาค คือ ชิ้นส่วนของประเทศ  พาเหรดซิมแปนซี และ ที่อยู่ของขอบฟ้า แต่ละภาคใช้ความเปรียบเหนือจริง ของจินตนาการ ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ผ่านบทกวีฉันทลักษณ์ที่ร้อยเรียงสัมผัสกันทุกบท ในภาค “ชิ้นส่วนของประเทศ” บอกถึงการประกอบสร้างสังคมซึ่งเดินหน้าด้วยความรู้และความเชื่อ ถอยห่างจากรกรากเดิม เดินผ่านเขาวงกตที่สร้างขึ้น เป็นการสร้างบ้านแปงเมืองเข้าสู่กับดักในท้องงูที่กลืนกินผู้คนเข้าไปในกลไกแห่งงูกล ขบวนมนุษย์ที่เป็น “พาเหรดของซิมแปนซี” ในภาคต่อมา อันเป็นขบวนของมนุษย์ที่เชื่อมั่นในความรู้ มีโลกกว้างแห่งจินตนาการอยู่ในบ้านจริงอันคับแคบ โลกที่นับถือความรู้และตรรกะจึงมองเห็นขอบฟ้าเพียงที่ประจักษ์ จึงได้แต่บูชาสิ่งปลอมเหล่านั้น ในภาค “ที่อยู่ของขอบฟ้า” หากกระโจนออกจากภาพลวงอันปรากฏอยู่ในกระจก เพื่อเต้นรำกับสายลม เห็นสายฝนที่ตกลงมาเป็นเพลงเศร้า เห็นแดดเช้าพร่ำรักกับแมวดำ ฯลฯ อันเป็นเทคนิควิธี “เหนือจริง” เหล่านี้แล้ว จะพบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ในดินแดนแห่งนี้เหมือนกำลังเล่มเกมบันไดงู เพื่อเดินทางไปพิสูจน์ที่อยู่ของขอบฟ้า ต่างล้วนมีโอกาสก้าวกระโดดลัดชั้นสูงขึ้นหรืออาจตกชั้นลงมาเริ่มใหม่ได้ตลอดเวลา ดินแดนบันไดงู งดงามด้วยองค์ประกอบทางวรรณศิลป์ และการสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการ ทำให้เกิดการตีความได้ลุ่มลึกหลากหลาย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน

เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน รวมกวีนิพนธ์ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคีเป็นงานกวีนิพนธ์ใช้ฉันทลักษณ์กลอนสุภาพ เป็นหลัก มีบทกวีวัจนะและกลอนเพลงพื้นบ้านแทรกอยู่เล็กน้อย แบ่งเนื้อหาสาระในเล่มเป็น ๒ ภาค ภาคที่ ๑ เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน เป็นการบอกเล่าเรื่องของชีวิตที่จากบ้านเกิดเมืองนอน มาต่อสู้กับวิถีสังคมเมืองกรุงที่ตนเองไม่คุ้นเคย ต้องเรียนรู้และปรับตัวอยู่ตลอดเวลา ดังความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า “ฉันคือผู้โดยสารผ่านวังวน                                 กระเสือกกระสนทนข้ามฝ่าความหนาว หนาวทรงจำทิ่มแทงใต้แสงดาว                         หนาวตะวันเคยผ่าวหนาวน้ำตา” เรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านพบ ประเมินภาพรวมออกมาคืออยากกลับบ้านมีโวหารงดงาม มีศิลปะและเชิงชั้นวรรณศิลป์ ภาคที่ ๒ เพื่อฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน กล่าวถึงเรื่องราวสิ่งที่ได้พบเห็น และบทสรุปว่า “เราจากบ้านนานไกลเพื่อใกล้ฝัน                       และฝ่าฟันทางเก่ากลับเข้าบ้าน มากราบรูป ธูปหนึ่งดอก บอกวิญญาณ                ว่าวันนี้ลูกหลานกลับบ้านแล้ว” ในส่วนนี้กวีทำได้อย่างมีเชิงชั้นวรรณศิลป์ ทั้งด้านฉันทลักษณ์ถูกต้องตามกฎเกณฑ์เนื้อหาสาระเหมาะสมกลมกลืน การใช้ถ้อยคำได้รสคำ รสความ รวมบทกวี เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน กวีเสนอแนวคิดและเป้าหมายชัดเจน ภาษาเรียบง่ายเป็นรสแห่งถ้อยคำที่นำมาร้อยกรองให้เกิดความรู้สึกและจินตภาพได้ เนื้อหาสาระมีสัมพันธภาพตามหัวข้อที่กำหนด คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เราอาจกลัวและเพรียกถามทางกลับบ้าน ผลงานของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

มนุษย์ซึมเศร้ากับเรื่องเล่าสีขาวดำ

หนังสือเล่มนี้กลั่นมาจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่เป็นโรคซึมเศร้า รวมถึงประสบการณ์ของเพื่อนฝูงและคนรู้จักที่อยู่รายรอบ เป็นการนำเสนอถึงพลังของการต่อสู้การยอมรับตนเอง และวิธีนำพาตัวเองและผู้อื่นออกมาจากสภาวะซึมเศร้านั้นโดยใช้วิธีการหลากหลาย ทั้งวิธีการทางการแพทย์ และการปรับเปลี่ยนชีวิต จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ยังอยู่ที่ภาษาและลีลาการเล่าเรื่องที่มีวรรณศิลป์ สวยงาม และมีเสน่ห์ สามารถบรรยายถึง ความทุกข์ทรมานและที่มาที่ไปของการเป็นโรคซึมเศร้าของตนเองได้อย่างชวนติดตามและจบลงอย่างมีความหวัง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ มนุษย์ซึมเศร้ากับเรื่องเล่าสีขาวดำ ของ กิตติศักดิ์คงคา (นายพินต้า) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดีประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

Family Comes First ด้วยรักและผุพัง

Family Comes First ด้วยรักและผุพัง ของ นริศพงศ์ รักวัฒนานนท์ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๑ เรื่อง ที่มีทิศทางไปในแนวเดียวกัน คือ เล่าเรื่องของคนไทยเชื้อสายจีนและครอบครัวจีนที่อยู่ในสังคมไทย ผู้แต่งสะท้อนลักษณะทางวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ และความคิด ของสังคมแบบจีนได้อย่างเด่นชัดและกระทบใจ ทั้งเปิดเปลือยปัญหาที่แฝงฝังอยู่โดยเฉพาะพลังอำนาจที่กดทับของประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น ภาระหน้าที่ต่อครอบครัวหรือวงศ์ตระกูล การให้ความสำคัญแก่ลูกชายละเลยลูกสาว การต้องเก็บงำความคิดความต้องการ และตัวตนที่แท้จริง โดยแสดงผ่านตัวละครที่มีความแตกต่าง ทั้งในด้านวัยสถานะทางสังคม วุฒิภาวะ และเพศสภาพ ผู้แต่งบรรยายปูพื้นเรื่องอย่างละเอียดและแจ่มชัด ด้วยภาษาที่เรียบง่ายแต่สื่อความหมายได้ลุ่มลึก บางเรื่องใช้สัญลักษณ์ บางเรื่องเหนือจริง นำผู้อ่านไปสู้ประเด็นความขัดแย้ง และการต่อต้านของตัวละคร ที่เกิดและเติบโตอยู่ในกรอบของครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกหล่อหลอมจากสังคมใหญ่ที่เป็นสากล อย่างไรก็ดี แม้เรื่องราวของเรื่องสั้นชุดนี้จะเป็นเรื่องของคนเชื้อสายจีน แต่ปัญหาและการดิ้นรนให้หลุดพ้นจากปัญหาเหล่านี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญของมนุษย์ที่มีอยู่ในทุกสังคม ทุกยุคสมัย คณะกรรมการตัดสินจึงมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น Family Comes First ด้วยรักและผุพัง ของ นริศพงศ์ รักวัฒนานนท์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

เดฟั่น เรื่องเล่าของตระกูลคนเฆี่ยนเสือ จากไทรบุรี

เดฟั่น เรื่องเล่าของตระกูลคนเฆี่ยนเสือจากไทรบุรี เป็นนวนิยายสะท้อนเรื่องราวของผู้ถูกกดขี่ผ่านความทรงจำกระจัดกระจายของตัวละครชื่อเดฟั่น โดยที่เรื่องราวของพวกเขาไม่อาจเปล่งเสียงออกมาผ่านรูปแบบเรื่องเล่าธรรมดาหรือหน้าบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้ ผู้เขียนเดินเรื่องด้วยกลวิธีสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magical Realism) ผสมผสานกับการใช้ตำนาน (Myth) อันเป็นแก่นแท้ของการจดจารประวัติศาสตร์ท้องถิ่นซึ่งเป็นประวัติศาสตร์จากคนใน บอกเล่าถึงจุดกำเนิดและการล่มสลายของชุมชนท้องถิ่นที่เกิดจาก โครงสร้างอำนาจที่ไร้ความเป็นธรรม ย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อแรกอพยพของตระกูลคนเฆี่ยนเสือที่รอนแรมจากไทรบุรีบริเวณชายฝั่งอันดามัน มาปักหลักบริเวณเทือกเขาบรรทัดบนผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ซึ่งถูกเรียกขานตามสภาพดินฟ้าอากาศว่า “หมู่บ้านฝนแสนห่า” ความสงบสุขร่มเย็นของชุมชนเริ่มแปรเปลี่ยนไป เมื่อพายุจากอุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย่งจากภายนอก ส่งผลกระทบต่อชุมชนภายในอย่างลึกซึ้งและถอนรากถอนโคน ชาวบ้านถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ทั้งจริงและไม่จริง แดนเกิดของเดฟั่นกลายสภาพเป็น “หมู่บ้านกระสุนแสนห่า” ด้วยวิธีการปราบปรามจากทางการที่คร่าชีวิตผู้คนรอบตัวเดฟั่นให้ปลิดปลิวราวใบไม้ร่วง “เดฟั่นจำไม่ได้” วลีที่กล่าวซ้ำตลอดการเดินทางของเรื่องเล่า ๖๕ บท ตอกย้ำการสูญเสียชีวิต ตัวตน และความทรงจำของผู้ถูกกระทำ จนทำให้อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า หรือ“ประวัติศาสตร์ที่เล่าไม่ได้ และไม่ได้เล่า” นี้ อาจเป็นเพราะผู้เล่าเองก็ไม่อยากจำ? คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เดฟั่น เรื่องเล่าของตระกูลคนเฆี่ยนเสือจากไทรบุรีของ ศิริวร แก้วกาญจน์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

วิ่ง…สู่ชีวิตใหม่

“วิ่ง…สู้ชีวิตใหม่” เป็นหนังสือการ์ตูนดัดแปลงจากหนังสือแนะนำการวิ่งเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอันดับ ๑ ในหลายสิบปีที่ผ่านมา โดย ศาสตราจารย์นายแพทย์อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ได้สร้างแรงบันดาลใจ เปลี่ยนแปลงชีวิตคนมาแล้วหลายล้านคนในด้านเสริมสร้างสุขภาพด้วยการวิ่ง และนำมาผลิตเป็นหนังสือการ์ตูนให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ได้อ่าน “วิ่ง…สู่ชีวิตใหม่” เป็นเรื่องราวของครอบครัวตัวกลม ๔ ชีวิตพ่อแม่ลูก ลูกสาวตัวอ้วนตัวละครที่ดำเนินเรื่องในครอบครัวและสังคมรอบข้าง ความอ้วนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาของเธอ ครั้นเธอได้อ่านหนังสือ “วิ่ง…สู้ชีวิตใหม่” ทำให้ความคิดของเด็กหญิง และครอบครัวเปลี่ยนไป เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนหันมาออกกำลังกายดูแลตนเองจนสามารถเป็นต้นแบบให้กับคนอื่นในชุมชน การออกแบบตัวละครสมบูรณ์แบบ ดำเนินเรื่องอย่างสมเหตุสมผล ค่อย ๆดึงข้อมูลวิชาการออกมาให้ความรู้เป็นระยะ ๆ โดยใช้เทคนิคการวาดภาพแยกโทนสีเพื่อแสดงความแตกต่างของข้อมูลวิชาการกับเนื้อหา ได้ทั้งความสนุกและความรู้เรื่องวิ่งเพื่อสุขภาพ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “วิ่ง…สู้ชีวิตใหม่” โดย เรืองศักดิ์ ดวงพลาและ THE DUANG ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูนประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

นาฏกรรมจำนรรจ์

หนังสือกวีนิพนธ์ นาฏกรรมจำนรรจ์ ของ ศิวกานท์ ปทุมสูติ รวมผลงานร้อยกรอง ประกอบด้วยฉันทลักษณ์กลอนสุภาพเป็นหลัก สลับด้วยกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์หัวเดียว กวีมีประสบการณ์ในการใช้ฉันทลักษณ์เป็นอย่างดี แม่นยำ ชัดเจน มีลีลาน่าสนใจ เนื้อหาสาระอ่านแล้วได้ข้อคิด แฝงด้วยปรัชญาชีวิต เช่น “ก็ดูเถิดดูโลก                                   กี่สับโขกสะทกทึ้ง กี่มือที่ยื้อดึง                                      มิได้ดวงแก้วลดา กี่พลิกแผ่นดินผลาญ                       ประหัตประหารและโหยหา กี่ตื่นกี่ลืมตา                                     แล้วนิทราในทุกข์ระทม” กวีสามารถใช้ฉันทลักษณ์ได้หลากหลายรูปแบบ มีสัมผัสเชื่อมร้อยกระชับรัดกุมระหว่าง บทตลอดทั้งเล่ม มีความไพเราะ นำเสนอแนวคิดในลักษณะกระแสสำนึกเพื่อแสวงหา สาระของชีวิต โดยใช้กวีวัจนะเป็นสื่อ ด้านกลวิธีทางวรรณศิลป์มีการใช้ภาพพจน์ การประดิษฐ์คำขึ้นใช้ใหม่ด้วยศิลปะการนำเสนอที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี นาฏกรรมจำนรรจ์ ของ ศิวกานท์ ปทุมสูติ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕

ให้โลกทั้งหลายเขาลือ : “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ

สารคดีประวัติชีวิตราชนิกุลเคยมีผู้เขียนไว้หลายโอกาส แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้สร้างงานสารคดีจากการสืบค้นจากเอกสารจำนวนมาก และนำมาเรียบเรียงได้อย่างน่าสนใจ และสามารถเสนอมุมมอง  ใหม่ ๆ ได้ แม้เจ้าของชีวประวัติ คือ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จะได้รับความเคารพสักการะจากคนไทยเยี่ยงเทพที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ทว่าผู้เขียนมุ่งถวายคืนความเป็นมนุษย์ โดยนำเสนอข้อมูลรอบด้านในพระชนม์ชีพ ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน และที่สำคัญคือได้ความเข้าใจว่าเหตุใดพระองค์จึงได้รับการนับถือประหนึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ผ่านการศึกษาข้อมูลหลักฐานเอกสารทางวิชาการ แต่นำเสนอด้วยลีลาที่มีเสน่ห์ ชวนติดตาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ให้โลกทั้งหลายเขาลือ  : “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ” ของ ศรัณย์ ทองปาน  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

แมววัด

“แมววัด” เป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าขนาดสั้น ๘๒ เรื่อง ที่เรียบเรียงด้วยสำนวนภาษาเรียบ ง่าย กระชับ เชื่อมโยงสัมพันธ์กันด้วยตัวละครหลัก ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่มีความหลากหลายผ่านมุมมองของ “นินจา” แมววัดเพศเมีย ที่เกิด เติบโตและอาศัยอยู่ในวัด ด้วยการเล่าเรื่องในทัศนคติเชิงบวก ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง สัตว์ต่าง ๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด  ที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ขณะบวชเป็นสามเณรช่วงปิดเทอม ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เมื่ออายุ ๙ ปี เนื้อหาของหนังสือนอกจากให้ความสนุกเพลิดเพลิน ยังให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ  ชี้แนวความประพฤติที่เหมาะสม  และสอดแทรกข้อคิดด้านคุณธรรมพื้นฐาน  เช่น การทำความดี  การให้อภัย และ                  สัจธรรมของชีวิต ที่สอดคล้องกับเนื้อหาแต่ละตอนอย่างแนบเนียน  โดยอ้างถึงคำสั่งสอนของพระที่                เลี้ยงดู  มีภาพประกอบโดยผู้เขียน หนังสือเรื่อง “แมววัด” จึงเป็นหนังสือดีที่อ่านง่าย  ให้ความรู้  ความเพลิดเพลิน  และจรรโลงใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้  “แมววัด” ของ ยูโตะ  ฟุคะยะ  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ              อันดับ  ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง

“สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๘ เรื่อง ของ ตินกานต์ มีเนื้อหาและวิธีการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ มุ่งสะท้อนถึงความสิ้นสลายของมนุษย์ในหลากหลายสถานะ หลากหลายรสอารมณ์  ผ่านภาพชีวิตความสัมพันธ์ของคนธรรมดา ๆ ที่ต่างเพศต่างวัยและต่างอาชีพในสังคม โดยเฉพาะในครอบครัวซึ่งมีบาดแผลให้เจ็บปวดรวดร้าวจากนานาปัจจัย อาทิ ปัญหาชีวิตคู่และการพยายามฟื้นฟู เรื่องเด็กกำพร้าที่ความทุกข์วัยเด็กส่งผลถึงชีวิตปัจจุบัน เรื่องคนชราผู้อยู่โดดเดี่ยว หรือเรื่องชนชั้นกลางผู้ทำงานหนักเพื่อสู้กับชะตากรรม ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การถ่ายทอดเรื่องราวอย่างประณีต ละเอียดลออในทุกด้าน มีแนวคิดสำคัญของเล่มเป็นเรื่องจิตวิทยาที่ลุ่มลึก แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ว่า กว่าจะเป็นคนมีคุณภาพและมีความสุขได้นั้น ต้องใช้ปัญญามากกว่าอารมณ์ ทั้งหมดเสนอผ่านภาษาที่ลื่นไหลงดงาม      สื่อภาพ แสง สี เสียง และอารมณ์ความรู้สึกตัวละครได้ชัดเจน มีชีวิตชีวาและสมจริง  ก่อให้เกิดจิตสำนึกในการดำเนินชีวิตแก่คนในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม คณะกรรมการตัดสินจึงมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น “สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง” ของ  ตินกานต์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน

“หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน เป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตยึดโยงอยู่กับผู้มีอิทธิพลในชุมชนซึ่งทำธุรกิจร้านนวดที่แฝงการค้าบริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เม็ดเงินจากธุรกิจสีเทาเช่นนี้สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีให้แก่ชาวบ้าน พระเดชและพระคุณของผู้มีอิทธิพลในชุมชนจึงทำให้ชาวบ้านสมัครใจเข้าร่วมในวงจรนี้ เพื่อให้อิ่มท้อง มีงานทำ มีคุณภาพชีวิต มีอนาคตและมีความหวัง ยิ่งผู้มีอิทธิพลในชุมชนจับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นนำธุรกิจของตนไปควบรวมไว้กับโครงการสวยหรูของรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแนบเนียน ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจสีเทาได้รับการฟอกขาวจนสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตอลังการมากยิ่งขึ้น แต่ในท่ามกลางความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมนานาประการก็ก่อเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แม่ทิ้งลูก พ่อปฏิเสธความรับผิดชอบ ลูกกำพร้าที่ถูกทิ้งขว้าง การละทิ้งบ้านเกิด การถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ การไม่พึ่งพาตนเอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ชีวิตไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งหมด ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าความรักคือสิ่งประคับประคองหล่อเลี้ยงใจให้ก้าวข้ามความท้อแท้เจ็บปวดในแต่ละวันแต่ละคืนไปได้ ผู้อ่านจะประจักษ์ในความรักบริสุทธิ์ระหว่างหญิงชาย ระหว่างเพื่อน ระหว่างปู่ย่ากับหลาน ระหว่างพ่อแม่กับลูก และความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมทุกข์ อีกทั้งผู้เขียนยังทำให้ตระหนักรู้ว่าครอบครัวเข้มแข็งคือรากฐานที่แข็งแกร่งของสังคม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

My Playlist

หนังสือเรื่อง “My Playlist” เป็นการผสมผสานงานร่วมกันของ ๒ ศิลปิน ๒ สาขา คือ มุนินฺ (มุนินทร์ สายประสาท) นักวาดการ์ตูน และแสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) นักร้องนักดนตรีเพลงป๊อป  โดยนำ ๕ เพลงรักของแสตมป์ จากเพลย์ลิสต์โปรดของเธอ มาขับลำนำเสียงเพลงผ่านการ์ตูนรัก ๕ เรื่อง ที่เธอบอกว่าทำให้                  เพลย์ลิสต์นี้มีความหมายยิ่งกว่าเดิม มุนินฺนำ ๕ เพลงรักของแสตมป์ คือ เพลง 1% , แอบดี, ความคิด, ครั้งสุดท้าย, เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง มาตีความใหม่ตามอารมณ์ซาบซึ้งของเธอเองว่า เป็นเพลงที่ร้องเบา ๆ คนเดียวเวลาเหงา เป็นเพลงที่อยู่เป็นเพื่อนตอนเราแอบรักเพื่อน เป็นเพลงที่อยู่ข้าง ๆ ตอนเราอกหัก เป็นเพลงที่กอดเราตอนที่สูญเสียใครในชีวิต มุนินฺ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาเป็นลายเส้นการ์ตูนได้อย่างอ่อนหวาน มีสีสันแสงเงานุ่มนวล การจัดองค์ประกอบภาพ สัดส่วนตัวการ์ตูนที่สมส่วน เรียบง่าย ดูสบาย  และเป็นจุดเด่นพิเศษมาก คือ การนำ QR Code แต่ละเพลงมาให้ผู้อ่านสแกนแล้วฟังผ่านแอปพลิเคชัน Spotify ฟังคลอไปกับการดูภาพการ์ตูนแต่ละ                    เรื่องเป็นการเติมความสวยงามให้กับเสียงเพลง ทำให้ฟังเพลงเพราะและดูการ์ตูนได้ชีวิตชีวามากขึ้น นับว่าหนังสือเรื่อง “My Playlist” มีคุณค่าและมีความคิดสร้างสรรค์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “My Playlist” ของ มุนินฺ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด  ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

หมอกสางม่าน

รวมบทกวี “หมอกสางม่าน” ของ นนทพัทธ์  หิรัญเรือง ประกอบด้วยบทกวี ๑๗ บท ใช้คำประพันธ์ประเภทโคลงและกลอน รวมทั้งกลอนเพลงพื้นบ้าน นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งความรุนแรงทางร่างกายและวาจาระหว่างพ่อแม่กับลูก  ปัญหาครอบครัวแตกแยกที่ทำให้ปู่ย่าตายายกลายเป็นผู้ทำหน้าที่เลี้ยงดู  ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการศึกษา และปัญหาความขัดแย้งทางความคิดในสังคมไทย ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาเป็นสองภาค “ภาคแรก ข้างในหมอก” กล่าวถึงปัญหาที่แฝงเร้นในครอบครัว โรงเรียนและสังคมเปรียบเสมือนม่านหมอกที่ปิดบังปัญหาที่แฝงเร้น ส่วน “ภาคหลัง ข้างนอกม่าน” เมื่อม่านหมอกจางไป ปัญหาก็ปรากฏเด่นชัดและคลี่คลาย  ทุกคนจึงควร “สางม่านหมอก” แห่งปัญหาเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หมอกสางม่าน” ผลงานของ นนทพัทธ์  หิรัญเรือง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

เพลงรักจากตักแม่

“เพลงรักจากตักแม่” กวีนิพนธ์ ของ วัชระ บุญทานัง เป็นผลงานที่มุ่งเน้นให้เห็นถึงความรัก ความผูกพัน ที่ “ลูก” มีต่อ “แม่” อย่างลึกซึ้ง โดยกล่าวถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ที่มีต่อแม่ในแง่มุมต่าง ๆ ผ่านรูปแบบของครอบครัวที่หลากหลาย ผู้เขียนสามารถใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม มีชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ไม่น้อย หลายบทมีสำนวนกินใจ หลายวรรคก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ กระทบใจได้เป็น            อย่างดี “แม่ทำทุกเรื่องราวเกินกล่าวอ้าง    เป็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างยิ่งใหญ่           แม้แม่ถูกกำหนดบทบาทใด                  แต่หัวใจยังเป็นแม่อย่างแท้จริง” เนื้อหา “เพลงรักจากตักแม่” ครอบคลุมและสอดคล้องกับชื่อปกที่กำหนดแนวคิดสำคัญของเล่มไว้ จึงทำให้เกิดเอกภาพในด้านเนื้อหา ท่ามกลางความหลากหลายของฉันทลักษณ์และอารมณ์ของเรื่องที่นำมาร้อยเรียง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “เพลงรักจากตักแม่” ผลงานของ วัชระ บุญทานัง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

เรื่องจริงจริง ในโลกลวงลวง

รวมบทกวี “เรื่องจริงจริง ในโลกลวงลวง” ของ วรภ วรภา เป็นรวมบทกวีที่มีเนื้อหาหลากหลาย จัดแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ “ในฤดูผลิบาน” และ “ผู้คนบนเฟซบุ๊ก” บทกวีในกลุ่ม “ในฤดูผลิบาน” นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้คนในสังคมที่ต้องต่อสู้ชีวิตในบริบทและท่วงทำนองที่หลากหลายแตกต่าง ผ่านทั้งช่วงเวลาผลิบานและอุปสรรคปัญหาที่ต้องเผชิญ ประหนึ่งเป็น “นักรบชีวิต”  บทกวีมีทั้งขนาดสั้นและบทกวีชุดซึ่งเป็นเรื่องเล่าขนาดยาวของชีวิตในช่วงเติบโตและพลิกผัน เช่น บทกวีชุด “พราวพริ้งแห่งหญิงสาว” และชุด “ตรุษ” ซึ่งแสดงความยึดมั่นในประเพณีแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ  ภาพชีวิตหลากหลายมิติทั้งในครอบครัว สังคมไทยและสังคมโลกทำให้บทกวีมีความหลากหลายทางอารมณ์ทั้งสดใสในวัยดรุณ  เข้มข้นในยามวิกฤต รวมทั้งชั้นเชิงกลอนและการเล่นคำ เช่นเรื่องเล่าในครอบครัวชุด “สามีปฏิวัติ” นำเสนอด้วยท่วงทำนองสนุกสนาน สร้างอารมณ์ขัน โดยใช้วลีและถ้อยคำร่วมสมัย เรื่องเล่าเหตุการณ์ในสังคมภาคใต้ ในชุด “บันทึกถึงเทพา” และสถานการณ์ความขัดแย้งในโลก ในชุด “ยังอาเพศนะปาเลสไตน์” เป็นต้น บทกวีในกลุ่ม “ผู้คนในเฟซบุ๊ก” นำเสนอชีวิตของผู้คนในสังคมโลกเสมือนที่ทั้งให้ภาพความเป็นไปและวิพากษ์ความหมายในเบื้องลึกของตัวตนผู้คนในโลกออนไลน์  ลีลากลอนล้อเล่นกับภาษาที่ใช้คมคาย สนุกสนาน ลักษณะเด่นของบทกวีของ วรภ วรภา คือการผสานขนบวรรณศิลป์แบบเดิมกับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล ทั้งภาษา และการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยให้ความหมายระดับลึกของปรากฏการณ์เหล่านั้น แม้ตระหนักว่าชีวิตล้วนมีอุปสรรคและปัญหาแต่ก็ยังคงมีความหวังและกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไป เพียงเจ้ารู้พอใจในจุดหนึ่ง                    เพียงเจ้าซึ้งสมดุลแห่งคุณค่า เพียงเจ้าเห็นแจ้งชัดในปรัชญา           ใดหมายว่าพอเพียง…ก็เพียงพอ “เพียงเจ้ารู้พอเพียง-ก็เพียงพอ” คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี “เรื่องจริงจริงในโลกลวงลวง” ของ วรภ  วรภา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔