ผลรางวัล

หนังสือแนะนำ

  • Home
  • หนังสือแนะนำ

หนังสือแนะนำ

แนวทางสู่ความสุข

ผู้เขียนนำเสนอภูมิปัญญาในการแสวงหาความสุขให้ชีวิตในโลกยุคใหม่ ที่มีความสลับซับซ้อน เร่งรีบร้อนรน จากประสบการณ์ชีวิตที่กลั่นกรองอย่างดี  ใช้จิตวิทยาอธิบายธรรมะ เปิดทางให้พระธรรมสามารถช่วยแก้ทุกข์ได้อย่างมีเหตุผลตามนัยวิทยาศาสตร์ มีภาพประกอบอย่างเหมาะสม จนตกผลึกเป็นภูมิปัญญาให้คนรุ่นหลังเรียนรู้ ช่วยให้เด็กวัยรุ่นรู้จักหลักการ วิธีการ และจุดหมายในชีวิต เพื่อก้าวไปในทิศทางที่ดีงาม ผู้เขียนใช้นิทานและเรื่องเล่าจากชีวิตจริง เป็นจุดสนใจ นำไปสู่บทเรียนชีวิต ทำให้อ่านเข้าใจง่าย เข้าถึงผู้อ่านทุกเพศวัย ช่วยจุดประกายความคิด และพัฒนาจิตสำนึกเชิงสร้างสรรค์ได้อย่างมีพลัง ให้สติปัญญา แนวคิด แนวทางปฏิบัติในการดำเนินชีวิต  ด้วยวรรณศิลป์ที่อ่านง่าย กระชับ เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆจุดประกายปัญญาให้มองโลกกว้างในแง่ดี มีความหวัง ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค

นรกของเรา ?

“นรกของเรา?” ของนายทิวา เป็นผลงานรวมบันทึกแห่งยุคสมัยที่ว่าด้วยสถานการณ์การเมือง เนื้อหาจึงค่อนข้างสด ทันสมัย ทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วม รู้สึกคล้อยตาม ด้านความคิดและมุมมองก็ท้าทายดี มีความแหลมคมพอสมควร การที่สื่อออกมาได้ขนาดนี้ แสดงว่าผู้เขียนอยู่กับข้อมูลและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ส่วนรูปแบบในการนำเสนอ นายทิวาเลือกใช้โคลง กลอน ตามความเหมาะสมของแต่ละประเด็นเนื้อหา ตรงนี้ถือว่าสามารถนำรูปแบบมารับใช้เนื้อหาได้อย่างลงตัว

ดวงดาวที่มีชื่อว่าเด็กเด็ก

“ดวงดาวที่มีชื่อว่าเด็กเด็ก” ของ ‘กุดจี่’ พรชัย แสนยะมูล เป็นบทกวีที่น่ารัก งดงาม ผู้เขียนได้พูดถึงความบริสุทธิ์  ซื่อ ใส ไร้เดียงสาของเด็ก-ลูกน้อย ซึ่งดูผิวเผินเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัวเล็ก ๆ แต่นัยยะที่ซ่อนและแทรกไว้ มีความหมายกว้างใหญ่ถึงระดับสังคมโลก โดยผู้เขียนพยามจะบอกเราว่า ความบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวของเด็ก สามารถหยุดการฆ่าฟัน สร้างสันติได้ ดังตัวอย่าง…           “ยิ้มของเด็กเหมือนเหมือนกันสันติผุด        บริสุทธิ์ไม่กลิ้งกลอกไม่หลอกหลอน  มิตรภาพอาบยิ้มนั้นนิรันดร                                             สงครามอาจใจอ่อนตอนเจ้ายิ้ม”

ค่ำคืนที่โลกยังโศกเศร้า

“ค่ำคืนที่โลกยังโศกเศร้า” ของ “กอนกูย” เนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย ครอบคลุมถึงเรื่องราวชีวิต สังคม การเมือง ฯลฯ โดยสื่อสารผ่านอารมณ์กวี เป็นอารมณ์ที่โศกเศร้าหดหู่ในชะตากรรม คล้ายจะตั้งคำถามให้ช่วยกันตรองว่า มนุษย์ทำไมต้องทำร้ายทำลายล้างกัน ซึ่งผู้เขียนได้วิงวอน ร้องขอ และมีอารมณ์ตัดพ้อในคราวเดียวกัน ด้านสำนวนภาษาและลีลากลอนของ “กอนกูย” ถือว่าน่าจับตา ภาษาสวย จังหวะจะโคนใช้ได้ดี  เห็นแววกวี

H20 ปรากฏการณ์แตกตัว ของน้ำบนแผ่นกระดาษ

“H2O ปรากฏการณ์แตกตัวของน้ำบนแผ่นกระดาษ” ของอนุสรณ์  ติปยานนท์  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 8 เรื่อง เนื้อหาหลักแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกตัวละครเอกจะหายสาบสูญไปจากสังคม ส่วนกลุ่มหลังตัวละครเอกจะแสวงหาความจริงหรือลุ่มหลงคลั่งไคล้บางสิ่งบางอย่างในชีวิต ผู้เขียนสร้างสรรค์เรื่องสั้นทั้งหมดขึ้น ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่ว่าน้ำแปรรูปอยู่ตลอดเวลาและมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์อย่างยิ่ง ทั้งวิจารณ์ชีวิตในแง่มุมที่ลึกซึ้งด้วยกลวิธีการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตามและภาษาที่เร้าอารมณ์

บริษัทไทยไม่จำกัด

“บริษัทไทยไม่จำกัด” ของสนั่น  ชูสกุล  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นซึ่งสะท้อนสังคมชนบทที่กำลังถูกโอบล้อมและบีบรัดด้วยสิ่งต่าง ๆ จากสังคมยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวิชาการ โดยเฉพาะแง่มุมความขัดแย้งต่าง ๆ ซึ่งผู้แต่งได้หยิบยกมานำเสนอด้วยชั้นเชิงการเขียนที่มีชีวิตชีวา หรือน้ำเสียงเสียดสีอย่างมีอารมณ์ขัน ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งของหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดนี้คือการวิพากษ์ความขัดแย้งอันเนื่องจากการเมืองและสังคม  ที่เป็นปมปัญหาใหญ่ของประเทศในขณะนี้ ผ่านสัญลักษณ์บางอย่างที่เข้าใจง่ายด้วยท่วงทำนองเสียดสี   เย้ยหยันอย่างแยบคาย

กบฏกรุงศรีอยุธยา

กรุงศรีอยุธยาเป็นอาณาจักรใหญ่ที่มีอำนาจยาวนานถึง 417 ปี แต่กรุงศรีอยุธยามิได้มีแต่ด้านที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู หนังสือสารคดีเล่มนี้มุ่งนำเสนอประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา ในมุมมองของความขัดแย้งแตกแยก จนทำให้เกิดกรณี “กบฏ” ถึง 24 ครั้ง ใน 34 รัชกาล 5 ราชวงศ์แห่งกรุงศรีอยุธยา แม้จะเป็นงานค้นคว้าข้อมูลจากเอกสารมากกว่าการลงพื้นที่ แต่ผู้เขียนมีศิลปะในการกลั่นกรองข้อมูลมานำเสนออย่างน่าสนใจ ใช้ภาษาสำนวนเรียบง่าย ชวนติดตาม ชวนอ่านเอาเรื่องและอ่านเอาอรรถรส เพราะสาระของหนังสือไม่ใช่แค่เรื่องราวจากเอกสารชั้นต้นและชั้นรอง แต่ยังทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพกว้างของปัญหาความแตกแยกในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นบทเรียนให้เราตระหนักว่า ศึกภายใน  อันเนื่องจากสามัคคีเภทของคนในชาตินั้น นำหายนะมาสู่ปิตุภูมิของเรา เสียยิ่งกว่าศึกภายนอกมากมายนัก

ย่านเก่าในกรุงเทพฯ (เล่ม 1)

สารคดีประวัติศาสตร์ชุมชนเกาะรัตนโกสินทร์ จากการค้นคว้าเอกสารและการลงพื้นที่ ทำให้เป็นข้อเขียนเชิงสารคดีที่ชวนอ่าน ด้วยการร้อยเรียงเรื่องราวอย่างมีศิลปะ ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แม้กลิ่นอายของงานเขียนอาจไม่เป็นสารคดีประวัติศาสตร์เต็มรูปแบบเสียทีเดียว และมีลักษณะคล้ายหนังสือ       “นำเที่ยว” แต่ผู้เขียนสอดแทรกข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ลงไปอย่างเหมาะสม ที่สำคัญคือเป็นข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่จริง และเป็นข้อมูลที่น่าสนใจของย่านเก่าแก่ในกรุงเทพฯ ที่ฟังชื่อแล้วรู้สึกคุ้นเคย แต่น้อยคนจะรู้ประวัติความเป็นมา ไล่เรียงตั้งแต่ย่านเก่ากลางเมืองหลวงอย่าง เสาชิงช้า ถนนดินสอ สี่แยกคอกวัว บางลำพู นางเลิ้ง ฯลฯ ไปจนถึงย่านชานเมือง อย่างบ้านปูน บ้านญวน บ้านครัว ทุ่งบางเขน ฯลฯ ซึ่งนอกจากจะสะท้อนให้เห็นสภาพสังคมที่แปรเปลี่ยนแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีบทบาทกระตุ้นจิตสำนึกคนรุ่นใหม่ให้ภาคภูมิใจในภูมิปัญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมท้องถิ่นตน แล้วช่วยกันสืบสานด้านที่ดีงามให้ดำรงอยู่อย่างงดงามและสร้างสรรค์

หนังกวาง ไม้ฝาง ช้าง ของป่า การค้าอยุธยา สมัยพุทธ ศตวรรษที่ 22-23

ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจการค้าเป็นปัจจัยเกื้อหนุนความยิ่งใหญ่ ของกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทั้งอาณาจักรที่เรืองอำนาจ และยังเป็นเมืองท่านานาชาติที่มั่งคั่งในภูมิภาคอุษาคเนย์ (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) แต่สินค้าส่งออกของกรุงศรีอยุธยาคืออะไร ลักษณะการค้าขายในสมัยนั้นเป็นเช่นไร หนังสือเล่มนี้มุ่งนำเสนอกรุงศรีอยุธยาในฐานะเมืองท่าที่สัมพันธ์กับระบบการค้านานาชาติ และวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของผู้คนต่างชนชั้นในสังคมสยามที่มีระบบเศรษฐกิจการค้าเป็นสิ่งเชื่อมประสาน แม้จุดเริ่มต้นของหนังสือเล่มนี้จะเป็นงานวิชาการ แต่ผู้เขียนเรียบเรียงใหม่เป็นภาษาง่าย ๆ ได้อย่างน่าสนใจ และเปิดเผยข้อมูลประวัติศาสตร์การค้าสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน ข้อมูลที่บรรจุในหนังสือเล่มนี้ จึงมีคุณค่าอันควรแนะนำให้มีการอ่านในวงกว้าง

แว้งที่รัก

เรื่องราววันวานของเด็กไทยพุทธท่ามกลางผองเพื่อนมุสลิมในอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส แม้จะนำเสนอในรูปแบบ “วรรณกรรมเยาวชน” แต่มีเนื้อหาสาระเข้าข่ายงานสารคดีสะท้อนประวัติศาสตร์ชุมชนท้องถิ่น บอกเล่าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข สันติ ความผูกพันระหว่างเพื่อนมนุษย์ โดยไม่มีปัญหาเรื่องความเชื่อทางศาสนามาเป็นอุปสรรคขัดขวาง ให้ความเพลิดเพลินในการอ่าน   ด้วยลีลาการเขียนคล้ายงานของนักเขียนเชิงสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา แต่นำมาเล่าใหม่ในรูปแบบผ่อนคลายคล้ายเรื่องแต่ง (พบได้ในงานของนักเขียนต่างประเทศหลายคน เช่น Annie Proulx หรือ Laura Engles Wilder) นับว่าหนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของคนไทยในจังหวัดชายแดนใต้ ได้อย่างมีอรรถรส ชวนติดตาม จุดประกายความคิด และพัฒนาจิตสำนึกเชิงสมานฉันท์ ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในสภาพสังคมไทยปัจจุบัน

ฉันรักกรุงเทพฯ ตอนสู่กรุงเทพ เมืองเก่า

สารคดีชีวิตอิงประวัติศาสตร์ชุมชนเกาะรัตนโกสินทร์ อันเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นของผู้เขียน นำไปสู่การศึกษาค้นคว้าเอกสาร และลงสำรวจพื้นที่จริง  มานำเสนอด้วยภาษาสำนวนที่อ่านง่าย ได้อรรถรสเหมือนติดตามผู้เขียนลงไปในชุมชนนั้นด้วย เนื้อหาสาระโดยรวมสะท้อนให้ผู้อ่านตระหนักว่าสังคมไทยประกอบด้วยชาติพันธุ์อันหลากหลาย แม้กระทั่งในกรุงเทพมหานคร หนังสือให้รายละเอียดประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ ผ่านชีวิตบุคคล แม่น้ำลำคลอง สถาปัตยกรรม ฯลฯ ในยุคสมัยที่น่าจะ “ขาดตอน” ทางประวัติศาสตร์ คือยุคราว 50-60 ปีก่อน ซึ่งยังไม่ถือว่าเก่ามากจนนักประวัติศาสตร์สนใจ แต่ก็ไม่ใหม่มากจนร่วมสมัย การบันทึกและค้นคว้าของผู้เขียนจึงนับว่ามีประโยชน์อย่างสูง ทั้งการให้รายละเอียดในเชิงวิชาการ และความเพลินเพลินในการอ่าน อันจะมีบทบาทจุดประกายความคิดให้ผู้อ่าน โดยเฉพาะอนุชนรุ่นหลังหันมาสนใจศึกษาเรียนรู้รากเหง้าของตนเอง

มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ

‘มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ’ ของ ‘สีฟ้า’ เป็นนวนิยายที่สะท้อนภาพเมืองไทยในยุคปัจจุบัน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต ความเชื่อ ตลอดจนคตินิยม ของผู้คนทั้งในเมืองและชนบท ทั้งผู้ที่ทำหน้าที่ในการปกครองท้องถิ่นหรือประเทศชาติกับราษฎรที่อยู่ภายใต้การปกครองดังกล่าว ‘มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ’ เป็นนวนิยายแนวอุดมคติซึ่งให้ข้อคิดและมุมมองอันทรงคุณค่า ขณะเดียวกันก็เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่เสียสละผลประโยชน์และความสุขส่วนตนเพื่อธำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์และความถูกต้อง รวมทั้งย้ำเตือนให้ตระหนักว่าจิตของมนุษย์นั้น แม้จะเป็นคนที่ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกันเพียงไรก็ยังยากจะหยั่งถึง

ร้านหัวมุม

นวนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสาวที่ดำเนินธุรกิจร้านขายเบเกอรี่เล็ก ๆ ซึ่งต้องต่อสู้กับการแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ ด้วยความมุ่งมั่นทำให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคทางธุรกิจไปได้  นอกจากนี้     ยังเป็นนวนิยายอ่านสนุก ด้วยเรื่องราวความรักของตัวละครเอก ผู้ประพันธ์มีความสามารถในการใช้ภาษาที่ละเมียดละไม มีอารมณ์ขัน สามารถทำให้ผู้อ่านเพลิดเพลินไปได้ตลอดทั้งเรื่อง

หนทางและที่พักพิง พืชพันธุ์แห่งพุทธะในท้องทุ่ง มโนทัศน์กวีนิพนธ์

“หนทางและที่พักพิง” ของอังคาร จันทาทิพย์ ถือเป็น ‘พืชพันธุ์แห่งพุทธะในท้องทุ่งมโนทัศน์กวีนิพนธ์’ ดังที่นิยามไว้บนปก จริงอยู่…การเขียนเรื่องราวพุทธประวัติ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ใคร ๆ เขาทำมานักต่อนักแล้ว ถึงกระนั้นการนำเรื่องเก่าโบราณกาลมาทำซ้ำแบบไม่ให้ซ้ำคนอื่นนับเป็นเรื่องยากและท้าทาย แต่กวีผู้นี้ทำได้ดีอย่างน่าชื่นชม โดยใช้ชั้นเชิงกวีมานำเสนอในมุมมองใหม่ ๆ อย่างมีวรรณศิลป์ และมีเสน่ห์ ที่สำคัญผู้เขียนมีความช่ำชองในจังหวะจะโคนของโคลง กลอน ทำให้ผู้อ่านได้อรรถรสและความรู้ควบคู่กันไป

เด็กชายชนะ เด็กพิเศษที่ไม่อยากเป็นคนพิเศษ

เรื่องชีวิตของเด็กชายชนะผู้พิการขาลีบ   มีพ่อแม่ที่มีทั้งความรักและความเข้าใจดูแลให้ดำเนินชีวิตอย่างปกติ   ผู้เขียนตั้งใจจะสื่อถึงความรู้สึกของเด็กพิการที่ไม่ต้องการความสงสารแต่ต้องการรัก ความเข้าใจ  การส่งเสริมและให้โอกาสอยู่ในสังคมเช่นเดียวกับเด็กปกติ  และสะท้อนข้อคิดเกี่ยวกับการที่ผู้ใหญ่ปกป้องเด็กพิการโดยการเน้นความแตกต่างกับเด็กอื่น ๆ

ลมแล้งเริงระบำ

เป็นเรื่องราวของ “คำดั้ว” และเพื่อนบ้าน กับวิถีชีวิตของคนอีสานในหน้าแล้ง ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน  ความเป็นอยู่  ประเพณี และภาษาอีสาน  เหมาะสมที่จะให้เยาวชนได้อ่านเพื่อเรียนรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับภาคอีสาน

ทางสืบทอด

เป็นเรื่องของ “ทัน” คนรุ่นใหม่ที่ซาบซึ้งในคำสอนของครูพิชิต  ครูมักจะนำเรื่องราวที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น วิถีชีวิตแบบไทยที่กินอยู่อย่างพอเพียงมาบูรณาการกับการเรียนการสอนวิชาต่างๆ  ส่งผลให้ “ทัน” ผู้เป็นลูกศิษย์ได้เรียนรู้  จดจำ  สนใจ ใฝ่รู้เรื่องราวของวิถีชีวิตชาวชนบท  และตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทย

เงาตนบนรอยซาย

สารคดีเชิงธรรมชาติวิทยาของกวางผาสัตว์ป่าสงวนของไทย ผ่านมุมมองและประสบการณ์ของนักเขียนที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพสัตว์ป่าขั้นสูง ผู้สนใจศึกษาทั้งวิถีชีวิตของกวางผา และชนเผ่าบนดอยสูงที่ผูกพันกับสัตว์ป่าที่น่าทึ่งชนิดนี้ ผ่านกระบวนการนำเสนอด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์กึ่งเรื่องสั้นหรือนวนิยาย ทว่าเป็นเรื่องจริงที่อ่านสนุก ชวนติดตาม ทำให้ผู้อ่านได้ซึมซับความรู้เรื่องกวางผา ตระหนักในคุณค่าธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ชั้นชนอย่างเท่าเทียม

ความจริงที่หายไป

นำเสนอเรื่องราวทางธรรมชาติวิทยาและปัญหาสิ่งแวดล้อมของไทย ด้วยกระบวนการค้นคว้าข้อมูลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์และอย่างรอบด้าน ผ่านชั้นเชิงการเขียนที่ชวนอ่านก่อให้เกิดจิตสำนึกในการปกป้องรักษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมโดยมีการสัมภาษณ์บุคคลในพื้นที่ทำให้ข้อมูลหนักแน่น น่าเชื่อถือ ทำให้ได้แง่คิดว่า ความรู้อาจหาอ่านได้จากตำรา แต่หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วได้ความคิด ความสำนึกในความถูกต้อง ความเป็นธรรมและความรักหวงแหนธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ก่อเกิดพลังการต่อสู้ เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งแวดล้อม สมบัติสาธารณะ

50 เรื่องต้องรู้อยู่กับโลกร้อน

นำเสนอปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลก ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต   เพื่อลดโลกร้อน ด้วยภาษาสำนวนกระชับ เรียบง่าย ชวนอ่าน และน่าเชื่อถือด้วยข้อมูลเชิงวิชาการที่ผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยอย่างดียิ่ง สร้างความตระหนักรู้และปลูกฝังจิตสำนึกรักโลก รักสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าสนใจ

โลกร้อน ทุกสิ่งที่เราทำเปลี่ยนแปลงโลกเสมอ

นำเสนอผลกระทบจากภาวะโลกร้อนให้ผู้อ่านตระหนัก ด้วยข้อมูลที่น่าเชื่อถือ โดยใช้ภาษาสำนวนที่เข้าใจง่ายแต่ส่งผลสะเทือนต่อความรับรู้ของคนเราอย่างรุนแรง นั่นคือเราทุกคนมีส่วนทำให้โลกร้อน และเราทุกคนสามารถ              ลดโลกร้อนได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง เป็นหนังสือที่สามารถเปลี่ยนชีวิตผู้อ่านให้ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตรกับโลกได้

ถอดรหัสอัจฉริยะ เลโอนาร์โด ดาวินชี

นำเสนอชีวิตและความคิดบุคคลสำคัญของโลก ผู้เป็นทั้งศิลปินลือนามและนักวิทยาศาสตร์ผู้ปราดเปรื่อง ผ่านกระบวนการค้นหาที่มาแห่งความเป็นอัจฉริยะของเขาด้วยภาษาสำนวนชวนอ่านชวนติดตาม ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจเชิงสร้างสรรค์ทั้งทางศิลปะและทางวิทยาศาสตร์

พงศาวดารพิภพ

“พงศาวดารพิภพ” ของ ธีรภัทร เจริญสุข เป็นผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นฝีมือของคนเขียนบทกวีรุ่นใหม่                    ที่สามารถสืบทอดขนบการประพันธ์ที่มีท่วงทำนองแบบโบราณได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนสามารถใช้ฉันทลักษณ์ได้หลากหลายรูปแบบ นำเสนอเนื้อหาที่มีกลิ่นอายของวรรณคดีมรดกได้อย่างน่าชื่นชม เมื่อพิจารณาจากความลื่นไหลของภาษาผสานกับเนื้อหาที่มีฉากและตัวละครชวนให้ติดตาม “พงศาวดารพิภพ”  จึงนับเป็นผลงานที่มีอรรถรสและความรื่นรมย์อีกเล่มหนึ่ง

บ้านประชาธิปไตย

“บ้านประชาธิปไตย”  ของ วิชัย โถสุวรรณจินดา ผลงานสะท้อนสังคม-การเมือง ของนักกลอนอาวุโส          มากด้วยประสบการณ์ ผู้ย้อนวันเวลากลับมาสร้างสรรค์ผลงานครั้งใหม่ ความคมคายในกลวิธีการประพันธ์จึงยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด หากลับคมทางภาษาอีกระยะหนึ่ง ความเป็นมือกลอนรุ่นเก่าจะเปล่งประกายเจิดจ้าจนต้องจับตามองยิ่ “บ้านประชาธิปไตย”  ของ วิชัย โถสุวรรณจินดา ผลงานสะท้อนสังคม-การเมือง ของนักกลอนอาวุโส          มากด้วยประสบการณ์ ผู้ย้อนวันเวลากลับมาสร้างสรรค์ผลงานครั้งใหม่ ความคมคายในกลวิธีการประพันธ์จึงยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด หากลับคมทางภาษาอีกระยะหนึ่ง ความเป็นมือกลอนรุ่นเก่าจะเปล่งประกายเจิดจ้าจนต้องจับตามองยิ่งกว่านี้ เมื่อพิจารณาในด้านเนื้อหาแล้ว “บ้านประชาธิปไตย” นับว่าเป็นผลงานที่มีสาระชวนให้ครุ่นคิดได้ไม่น้อย งกว่านี้ เมื่อพิจารณาในด้านเนื้อหาแล้ว “บ้านประชาธิปไตย” นับว่าเป็นผลงานที่มีสาระชวนให้ครุ่นคิดได้ไม่น้อย

ทอรักถักโลก

“ทอรักถักโลก” ของ วรภ วรภา แสดงให้เห็นเชิงกลอนที่ช่ำชอง พลิกพลิ้วลีลาภาษาได้อย่างน่าตื่นใจ ผู้เขียนได้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบันได้อย่างชวนคิด สามารถเล่นกับภาษาสมัยใหม่ที่เป็นผลผลิตของยุค “ไซเบอร์” ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในทางกลับกันการพลิกพลิ้วกับลีลาภาษาจนเกินพอดีในบางจุด  อาจทำให้พลังของ “สาร” ที่ต้องการจะสื่อกับผู้อ่านเกิดการพร่าเลือนไปได้ แต่โดยรวมนับว่าเป็นงานที่แสดงให้เห็นศักยภาพทางภาษาของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี

ใบสอนว่าซั่น

หนังสือแสดงวิถีชีวิตของชาวอีสาน เป็นตำนานที่สร้างความภาคภูมิใจให้อนุชนคนรุ่นหลัง เพราะได้สะท้อนให้เห็นขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานกับการดำเนินชีวิตของชนบท และสิ่งสำคัญคือเป็นแหล่งรวมศูนย์ความรู้อันหลากหลาย นำเสนอด้วยภาษาวรรณศิลป์ที่มีชีวิตชีวาได้อรรถรส เข้มข้นด้วยสาระน่าประทับใจ มีการใช้ภาษาไทยปนลาวอย่างกลมกลืน ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในวัฒนธรรมลาวฝั่งไทยอย่างชัดเจน จึงนับว่าทรงคุณค่าแก่การเป็น “หนังสือแนะนำให้อ่าน” เล่มที่ 3

“ไทดำ” เมืองแถง “ทรงดำ” ถิ่นสยาม จากหนองแฮด ถึง หนองปรง

สารคดีบันทึกเรื่องราวการปรับเปลี่ยนของกลุ่มชาติพันธุ์ “ไทดำ” หรือในชื่อเรียกอื่นอีกหลายชื่อ คือ ผู้ไท ไททรงดำ หรือ ลาวโซ่ง ซึ่งยังรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และพิธีกรรมอันเป็นอัตลักษณ์ตนไว้อย่างน่าชื่นชม แม้ในห้วงสองศตวรรษที่ผ่านมา ชาวไทดำจะถูกกวาดต้อนให้อพยพโยกย้ายกระจัดกระจายไปตั้งถิ่นฐานในหลายพื้นที่ของภูมิภาคอุษาคเนย์ก็ตามที ทั้งนี้ ผู้เขียนยกกรณีศึกษาชาวไททรงดำ บ้านหนองปรง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีหลักฐานว่าแต่ดั้งเดิมอพยพมาจากบ้านหนองแฮด ณ เมืองแถง หรือเดียนเบียนฟู ปัจจุบันเป็นหจังหวัดหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม โดยผู้เขียนเดินทางเข้าไปสำรวจ ศึกษาและวิจัยขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวไทดำบ้านหนองแฮดอย่างละเอียด แล้วนำมาเปรียบเทียบกับวัฒนธรรมประเพณีของชาวไททรงดำบ้านหนองปรง ก่อนที่จะนำมาถ่ายทอดเป็นสารคดีชาติพันธุ์วิทยา ด้วยภาษาสำนวนที่เข้าใจง่าย ชวนอ่านชวนติดตาม ก่อให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของภูมิปัญญาพื้นบ้าน วัฒนธรรมพื้นถิ่น อันควรแก่การปกปักรักษาไว้ จึงนับว่าทรงคุณค่าแก่การเป็น “หนังสือแนะนำให้อ่าน” เล่มที่ ๒

เด็กชายกับนกเงือก ความงาม ความหวัง เผ่าชนคนเดินทาง

สารคดีชนเผ่าอันหลากหลายบนดอยสูงแห่งภาคพื้นพายัพของประเทศไทย อันประกอบด้วย ชาวปกาเกอะญอ คะฉิ่น ลีซู ดาระอั้ง เย้า ล่าหู่ ลัวะ อาข่า และไทใหญ่ นำเสนออย่างมีลีลาทางวรรณศิลป์ โดยสอดแทรกนิทานพื้นบ้าน ตำนานท้องถิ่น คติชนนิยมของแต่ละเผ่าพันธุ์ อันเกิดจากากรลงไปคลุกคลีกับผู้คนบนดอยสูงเป็นเวลายาวนาน ทำให้เป็นหนังสือชวนอ่าน ชวนติดตาม และสร้างจิตสำนึกเชิงสร้างสรรค์ในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ท่ามกลางความแตกต่าง ผู้เขียนเล่าถึงพิธีกรรม จารีตวัฒนธรรม เอกลักษณ์เครื่องแต่งกาย ภาษา ฯลฯ อันแสดงให้เห็นถึงคุณค่า ความหมาย ที่ทำให้เกิดเผ่าพันธุ์หนึ่งขึ้นมา แต่ประเด็นสำคัญคือ สถานการณ์ของชีวิตที่ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง ความขัดแย้งต่าง ๆ กับอารยธรรมอื่น ปัญหาเรื่องดินแดน การแย่งชิงทรัพยากร การคุกคามชีวิต สมควรที่บุคคลภายนอกจะทำความเข้าใจกับความหลากหลายเหล่านี้ จึงนับว่าทรงคุณค่าแก่การเป็น “หนังสือแนะนำให้อ่าน” เล่มที่ 1

อุ้มลูกโอบโลก

อุ้มลูกโอบโลก ของ กอนกูย  รวมบทกวีฉันทลักษณ์ที่มีเนื้อหาหลากหลายชวนอ่าน แบ่งเป็น 4 ภาค คือ หม่นเมืองสมัยไกลสมาน, คุ้งหนาวร้าวนานกาลครั้งหนึ่ง, กรุ่นดินกลิ่นฟางยังตราตรึง, โลกรำพึงฝากฝันนิรันดร เนื้อหาว่าด้วยสรรพชีวิต ความรัก ความหวัง ความฝัน การเมือง ธรรมชาติ ชีวิตชนบท วิถีคนเมือง และสิ่งรอบตัว ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างล้วนเจตนาดีต่อโลก อยากเห็นความสงบร่มเย็นเกิดขึ้นบนโลกใบนี้  

โลกแห่งรัก

โลกแห่งความรัก ของ  กานติ ณ ศรัทธา  เป็นกวีนิพนธ์ฉันทลักษณ์แนวขนบ แม้เนื้อหาจะว่าด้วยความรัก แต่ผู้ประพันธ์กล่าวถึงความรักหลายรูปแบบ ด้วยจังหวะลีลากลอนที่พลิ้วไหว จึงไม่ทำให้รู้สึกว่าน่าเบื่อ  หลายชิ้นงานยังโยงไปถึงความรักเพื่อนมนุษย์ รักธรรมชาติ รักโลก ในขณะที่บางชิ้นก็แฝงด้วยสัจธรรม และปรัชญาชีวิตอย่างมีชั้นเชิง ผู้อ่านสามารถซึมซับได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของหนังสือเล่มนี้