กรองและค้นหา

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 5

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 5

รอยนฤมิต

“รอยนฤมิต” ของอชันตะ มีแนวคิดเกี่ยวกับชีวิต สังคม โลก    ความรัก มีความจัดเจนในการใช้ภาษา เสมือนมีคลังแห่งถ้อยคำ สามารถนำมาเรียงร้อยรับใช้เนื้อหาได้อย่างลงตัว แม้ว่าในบางบทดูเหมือนผู้เขียนจงใจ ‘เล่นคำ’ เล่นสัมผัสอักษร จนเนื้อหาอ่อนพลังไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นบทกวีสวยงาม เนื้อหาโดยรวมเป็นผลงานที่มีคุณค่า มีความคิดลึกซึ้ง      โดยผู้เขียนมีความปรารถนาอันแรงกล้าอยากให้เพื่อนมนุษย์มีความหวัง   มีกำลังใจ และดำเนินชีวิตอย่างสันติสุข “เราอาจพ่ายถูกพรากไปจากฝัน                      คืนและวันเร่ไปไร้แหล่งหลัก เหนื่อยและร้อนอ่อนล้าว้าเหว่นัก                                    แต่ความรักในใจไม่เคยล้า ทางจะไกลเท่าไกลแค่ใจคิด                                              จิตกับจิตติดตามข้ามเขตหล้า     ฟ้าจะห่างเท่าห่างระหว่างฟ้า                                           แต่ด้วยรักด้วยศรัทธาจะฝ่าทาง”

ระเบียงตะวัน

“ระเบียงตะวัน” ของสุขุมพจน์ คำสุขุม โดยภาพรวมผู้เขียนเสนอเรื่องราวอดีต ที่เป็น ‘ร่องรอยการพบ-พรากของชีวิต’ อ่านแล้วทำให้หวนระลึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์มนต์ขลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมชนบท ซึ่งบรรยากาศเหล่านั้นแม้แต่ในยุคปัจจุบันก็ยังคงอยู่ เนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเรื่องราวชีวิตผู้คน สังคม รวมถึงฉายภาพสะท้อนปัญหาต่าง ๆ โดยผู้เขียนไม่สรุปว่าต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ ปล่อยให้ผู้อ่านได้คิดเอง นี่คือเสน่ห์ และเสน่ห์อีกอย่างในงานเล่มนี้ คือ มีอารมณ์ขัน ในส่วนของเชิงชั้นทางวรรณศิลป์ ถือว่าชั้นเชิงดี มีความชัดเจน แม่นยำในฉันทลักษณ์           “นัยน์ตาใสซื่อสื่อสัมผัส                                  แจ่มชัดเป็นมิตรไร้ปริศนา ถ้อยคำชาวบ้านไร้มารยา                                     ดวงหน้าดวงใจมิไกลกัน แลกเปลี่ยนความรัก  แลกผักหญ้า                                   ปูปลากุ้งหอยมาก-น้อยนั่น ราคาสูงต่ำไม่สำคัญ                                           หมู่บ้านผูกพันแบ่งปันกิน”   หรือ…           “พวกผู้แทนเชื่อไม่ได้  มึงไม่รู้                      มึงเชื่อกูอีวันทา  มึงอย่าขำ  มันแจกเงินแจกทองมึงต้องจำ                                      รับแล้วทำเออออ  ป้อยอมัน”

ลมมลายู

“ลมมลายู” ของวิสุทธิ์ ขาวเนียม  เป็นผลงานรวมกวีที่เขียนถึงเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดทั้งเล่ม โดยเรียงร้อยต่อกันตั้งแต่บทที่ 1-45 แม้เรื่องราวจะไม่เรียงตามลักษณะการเดินเรื่อง เปรียบเสมือนผ้าหลากสีอยู่ปาเต๊ะผืนเดียวกัน โดยรวมแล้วมีเอกภาพ         มีความสด โดดเด่น และหนักแน่นในเนื้อหา เพราะสิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอเป็นเรื่องปัจจุบันที่สะท้อนสถานการณ์ในแง่มุมต่าง ๆ อย่างเห็นภาพชัด ทำให้ผู้อ่านมองเห็นปัญหา ซึ่งอาจนำไปสู่การขบคิด ทบทวน และช่วยกันแก้ปัญหา   ด้านรูปแบบการนำเสนอ ผู้เขียนใช้กลอนสุภาพเป็นหลัก โดยสลับกับกาพย์ฉบัง 16 เป็นระยะ จึงทำให้น่าอ่าน ยิ่งลีลาในเชิงกวีที่ลื่นไหล สัมผัสนอกสัมผัสในอย่างได้จังหวะ ยิ่งทำให้ได้รสวรรณศิลป์                     “ต่างเชื้อชาติ  ศาสนา  ภาษาสื่อ                   ในหลากสิ่งยึดถือโลกคือบ้าน หลังเดียวและหลังสุดท้ายกลางสายธาร                          อุกกาบาตเดือดพล่านเอกภพ ไม่ต้องแค้น  ไม่ต้องฆ่า  ไร้อาวุธ                                    ไม่ต้องขุดดินนุ่มเป็นหลุมศพ ไม่คร่ารักเรืองรอง  ไม่ต้องรบ                                          ศานติภาพสุขสงบย่อมนิรันดร์”