กรองและค้นหา

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 20

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 20

คำ | สาร | ภาพ

คำ | สาร | ภาพ ของ วรพจน์ ทรัพย์เมฆ เป็นรวมบทกวีฉันทลักษณ์หลากรูปแบบ ทั้งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ซึ่งผู้เขียนวางแนวคิดรูปแบบและเนื้อหาสอดคล้องกัน เปิดเล่มด้วยเรื่องราวดึกดำบรรพ์ในสำนวนที่ชื่อ ‘ระหว่างบรรทัดก่อนประวัติศาสตร์’ ก่อนจะเข้าสู่ ‘กรุงเก่ากำสรด’ ในบทถัดมา ขณะเดียวกัน ‘คำ’ ที่นำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นภาษาที่ใช้ในกวีนิพนธ์โบราณ แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนมีคลังคำและมีพื้นฐานด้านวรรณคดี โดยบางชิ้นงานได้นำ ‘โคลงกำสรวล’ และ ‘โคลงนิราศนรินทร์’ มาต่อยอดในผลงานของตนเอง ทั้งนี้ เรื่องราวในเล่มไม่จำเพาะเพียงสมัยอยุธยา แต่ไล่เรียงมาสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงยุคปัจจุบันปรากฏการณ์โรคระบาด เนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย บางสำนวนน้ำเสียงเชิดชูกวีผู้มาก่อน บางชิ้นบูชาหนังสือ อีกด้านหนึ่งก็เสียดสีสังคม ประชดประชันคนไม่ขวนขวายใฝ่รู้ ส่วนผู้เขียนเองมีอหังการ์ความเป็นกวีซ่อนอยู่ แต่โดยรวมอารมณ์บทกวีค่อนไปทางหม่นเศร้า ด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่อชุด ‘คำ | สาร | ภาพ’ นัยหนึ่งถือเป็น ‘คำสารภาพ’ แนวทางกวีของผู้เขียน อีกประการสำคัญ ผู้เขียนต้องการสื่อสารแยกเป็น ๓ พยางค์เพื่อบ่งบอกความหมายของ ‘คำ-สาร-ภาพ’ ในตัวเองอย่างชัดเจน ดังบทส่งท้ายที่ว่า คำ คือภาษาภายใน สาร หลั่งไหลเนื้อนามความรู้สึก ภาพ สะท้อนซ้อนคิดฝันอันล้ำลึก คำ-สาร-ภาพ ตกผลึกสำนึกกวี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ คำ | สาร | ภาพ ผลงานของ  วรพจน์ ทรัพย์เมฆ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก

ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี เป็นรวมบทกวีแต่งด้วยกลอนสุภาพ มีโคลงสี่สุภาพแทรกอยู่บ้าง  เนื้อหาแบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคแรก ยิ้มที่ควรจะเป็นของเธอ เนื้อหาเป็นการสำรวจและทบทวนตนเองหลังผ่านประสบการณ์ในชีวิตช่วงที่เติบโต มีทั้งช่วงเวลาที่สุขและเศร้า เหงาและโดดเดี่ยว การกลับมาเพ่งพินิจตัวตนในบท “ยิ้มให้คนตรงหน้ากระจกบ้าง”   “เราจะยิ้มอีกครั้งหลังร้องไห้” และ “วันนี้จะเป็นอดีตของวันพรุ่งนี้” ทำให้เข้มแข็งและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนมีและมั่นใจ เพราะ “วันนี้จะเป็นอดีตของพรุ่งนี้   จงโอบกอดที่เธอมีที่เธอเป็น” ภาคที่สอง ขายโลกก็ขายชีวิต นำเสนอโลกที่ธรรมชาติถูกทำลายและทำร้ายด้วยน้ำมือมนุษย์  โลกยุคใหม่ที่ล้วนเต็มไปด้วย “แม่ค้าป่าออนไลน์” จนฝูงผึ้งในป่าอดอยาก ธรรมชาติเริ่มแปรปรวนเพราะขาดความสมดุล  ผู้ประพันธ์เรียกร้องให้มนุษย์ร่วมกันหยุดการ  “ขาย” หรือทำลายธรรมชาติเพื่อให้โลกธรรมชาติกลับสู่สมดุล “จงเป็นผึ้งช่วยดอกไม้กับดอกไม้   เพื่อต่อลมหายใจให้มวลมนุษย์” ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก เด่นด้านการนำเสนอแนวคิดเปรียบเทียบ  สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศที่มนุษย์เป็นผู้กระทำ  ผู้ประพันธ์สามารถสรรคำมาใช้ได้อย่างมีวรรณศิลป์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ ฤดูฝูงผึ้งป่าอดอยาก ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เล่นแร่แปลภาพ ประวัติศาสตร์สยามจากเบื้องหลังภาพถ่าย

สารคดีที่นำเสนอเรื่องเล่าผ่านภาพที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์  ผู้เขียนรวบรวมภาพถ่ายต่าง ๆ ที่หาดูได้ยาก และค้นคว้าเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังภาพเหล่านั้น ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ล้านนาผ่านเจ้าดารารัศมี เป็นต้น

ชีวิตและความฝันใฝ่ของคนรุ่นใหม่สมัยคณะราษฎร

ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และพัฒนาการของเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย การต่อสู้ทางความคิดระหว่างพลังใหม่ที่ก้าวหน้ากับพลังอนุรักษ์นิยม สะท้อนบรรยากาศความตื่นตัวของราษฎรเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพ ภราดรภาพ    จากหลายเหตุการณ์ที่ไม่ปรากฏในหนังสือทางวิชาการเล่มอื่น ๆ เนื้อหาจึงมีคุณค่า กระตุ้นความตื่นตัวทางการเมือง ผ่านการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่หนักแน่น กว้างขวาง น่าเชื่อถือ แต่เรียบเรียงด้วยภาษาอ่านง่าย น่าติดตาม

แม่ ฉัน และอัลไซเมอร์

งานเขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่มีแม่เป็นอัลไซเมอร์ ฉายภาพการต่อสู้ของลูกที่ต้องทำงานพร้อมกับดูแลแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์ไปด้วย แม้เป็นเรื่องเศร้า แต่นำเสนอด้วยทัศนะมุมบวก อ่านแล้วต้องอมยิ้ม ไม่รู้สึกเศร้าหมอง ผู้เขียนนำมาเล่าได้ชวนอ่าน ชวนติดตาม ทำให้สังคมได้เรียนรู้ถึงสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลผู้ป่วยโรคนี้ที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

A HISTORY OF CATS

งานเขียนของผู้เขียนที่คลั่งไคล้แมว บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของแมวอย่างลุ่มลึก สอดคล้องกับยุคสมัยแห่ง “ทาสแมว” เต็มไปด้วยเกร็ดเรื่องแมวที่นึกไม่ถึง แสดงให้เห็นว่าผู้เขียนค้นคว้ามาอย่างดี

ควอนตัม จากแมวพิศวง… สู่ควอนตัมคอมพิวเตอร์

แม้ควอนตัมฟิสิกส์จะเป็นศาสตร์ที่เข้าใจยากที่สุด แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้ย่อยเนื้อหาที่เป็นวิทยาศาสตร์ทั้งหมดออกมาโดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐานทางควอนตัมเข้าใจได้ง่าย เหมาะกับคนที่ต้องการทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างยิ่ง

แม่นาก ภาคสมบูรณ์ : MAE NAK CLASSICAL GHOST OF SIAM

งานเขียนของนักเขียนสารคดีแถวหน้าผู้ทำงานค้นคว้าประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน หนังสือเล่มนี้ใช้เวลาศึกษาอย่างต่อเนื่องกว่า ๔๐ ปี จึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “แม่นาก” ได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากเนื้อหาในการเขียนแล้ว ยังมีภาพประกอบอันทรงคุณค่าอีกมากมาย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ แม่นาก ภาคสมบูรณ์ : MAE NAK CLASSICAL GHOST OF SIAM ของ เอนก นาวิกมูลได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

Ultraman เส้นชัยไร้เหตุผล

บันทึกประสบการณ์ตรงของผู้เขียน ผ่านการวิ่งครั้งสำคัญในชีวิต ที่ยาวไกลและเสี่ยงอันตรายกว่าการวิ่งมาราธอน เพราะคือการวิ่งระยะอัลตรามาราธอน ที่ไกลถึงกว่าร้อยกิโลเมตร โดยต้องผจญภัยไปกับพื้นที่ภูเขาของฮ่องกง ความง่วง ความยากลำบาก และถึงขั้นเสี่ยงชีวิต แต่ผู้เขียนเอาชนะมาได้ด้วยพลังใจ ผู้เขียนเก็บรายละเอียดในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อย่างชวนติดตาม โดยนำประสบการณ์การวิ่งไปเปรียบเทียบกับแง่มุมต่าง ๆ ของชีวิต ทั้งยังเขียนได้อย่างมีอรรถรส สำนวนภาษาชวนติดตามอย่างยิ่ง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Ultraman เส้นชัยไร้เหตุผล ของ นิ้วกลม        ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖

กุหลาบเปอร์เชียในแดนสยาม

โลกาภิวัตน์ผ่านการค้าขายและระบบมรสุมเกิดขึ้นมานับพันปีแล้ว หนังสือเล่มนี้เป็นหลักฐานยืนยันเรื่องนี้ได้ดี แม้เป็นงานค้นคว้าทางวิชาการ แต่ใช้ภาษาที่รื่นรมย์เพลิดเพลิน ผสมผสานเนื้อหาสาระกับลีลาภาษา จนเป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง ประวัติศาสตร์ชาวสยามมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม การค้า การศาสนา การเมืองการปกครองกับนานาอารยประเทศมาเนิ่นนานแล้ว คำไทยมากมายจัดเป็น “คำยืม” จากภาษาต่างประเทศ แม้กระทั่งจากภาษาเปอร์เซีย เช่น กุหลาบ มัสมั่น ข้าวหมกไก่ หรือแม้กระทั่งของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง “ผ้าขาวม้า” ก็มาจากภาษาเปอร์เซียว่า “กามาร์ บันด์” (Kamar Band) หนังสือเล่มนี้ค้นคว้าเรื่องราวเช่นนี้อย่างมีวรรณศิลป์ และเปี่ยมด้วยข้อมูลความรู้ จึงมีคุณค่าสมกับรางวัลชนะเลิศประเภทสารคดี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ กุหลาบเปอร์เชียในแดนสยาม ของ กุสุมา รักษมณี ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

มหัศจรรย์ พรรณพฤกษ์ (อยู่วังสระปทุม ๓)

มหัศจรรย์ พรรณพฤกษ์ (อยู่วังสระปทุม ๓) ให้ความรู้เกี่ยวกับวังสระปทุมและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อเสด็จฯ มาประทับที่วังแห่งนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นต้นมา พระองค์ทรงให้ความสำคัญในการรักษาต้นไม้เก่าแก่ที่มีอยู่เดิม รวมทั้งเสาะหามาปลูกเพิ่มทั้งไม้ใบ ไม้ผลและไม้ดอก โดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแล นอกจากนี้ยังมีแปลงพืชผัก สวนสมุนไพร สวนครัว ซึ่งทรงทำเป็นตัวอย่างนำไปประกอบผลิตภัณฑ์อาหารสร้างรายได้อีกด้วย ตัวละครสำคัญในการเล่าเรื่อง คือ เจ้าแมวเหมียว หนึ่งในบรรดาสัตว์เลี้ยงในพระอุปถัมภ์              สัตว์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในวังก็มาช่วยกันเล่าเสริมด้วย ช่วยให้อ่านสนุก ชวนติดตาม ภาพประกอบสวยงาม ทั้งภาพถ่ายพระราชทานและภาพวาด

ญิฮาดในรัฐอิสลาม

ญิฮาดในรัฐอิสลาม เป็นวรรณกรรมเชิงวิชาการ ที่ผู้เขียนร้อยเรียงเนื้อหาออกมาเป็นนิยายที่ดี ให้ความรู้เรื่องศาสนาอิสลาม ถือเป็นประตูกล ที่เปิดออกมาให้เห็นความงดงามของโลกมุสลิม ที่นอกจากจะเปิดสู่ความเข้าใจ แล้วยังเป็นประตูมิตรภาพที่ทำให้เข้าใจมุสลิมดีขึ้น แม้จะมีการสะกดคำภาษาไทยผิดอยู่บ้าง แต่แก่น และเนื้อหาของเรื่อง ที่ผสมผสานข้อมูลทางประวัติศาสตร์กับจินตนาการได้อย่างดี สามารถคลายความคลุมเครือในโลกมุสลิมได้ดีในหลาย ๆ ข้อสงสัย

คลองที่แสงดาวเต็มฝั่ง

คลองที่แสงดาวเต็มฝั่ง เป็นงานเขียนที่ผู้ประพันธ์ เล่าเรื่องราววิถีชีวิตชนบทในอดีต ในรูปแบบสาระบันเทิง ดำเนินเรื่องโดยเด็กหญิงที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับอาหาร การละเล่น ประเพณี วัฒนธรรมของท้องถิ่น มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเนื้อหา อธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี สำนวนภาษาดี อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน ภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง

โคโค่กับนกฟีนิกซ์ที่หายไป

ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน การพลัดพรากนำมาซึ่งความทุกข์  สติจะทำให้ตระหนักรู้ในที่สุดว่าทั้งหมดทั้งมวล มิได้มีตัวตน วงเวลา ผู้ประพันธ์เรื่อง โคโค่กับนกฟินิกซ์ที่หายไป ได้วางโครงเรื่อง โดยสร้างตัวละคร กำหนดฉาก เวลาและสถานที่ อธิบายแนวคิดในเชิงปรัชญาข้างต้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจว่ามาจากความคิด ความรู้สึกที่ยึดติดกับอดีตและความวิตกกังวลถึงอนาคต  การมีสติรู้เท่าทันปัจจุบัน นำไปสู่ความเบิกบานจากการตื่นรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน แต่มิอาจถือมั่นให้เป็นตัวตนได้ มูมู คือนกฟินิกซ์ เพื่อนรักของโคโค่ ที่เถ้าถ่านจากการเผาไหม้ตัวเองปลิวกระจายหายไป  เพื่อให้เสียงเพลงอันไพเราะที่นกฟินิกซ์ขับขานทุกเช้า อันทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตในดินแดนแห่งวันนี้กลับมามีความสุข เหล่าสัตว์ทั้งหลายเอาใจช่วยให้โคโค่ออกตามหามูมู การตามหาเริ่มจากดินแดนแห่งเมื่อวาน ตามคำแนะนำของผู้เฒ่านกฮูก โคโค่ได้ช่วยให้แพนด้าที่ยึดติดกับความแปลกแยกจากเผ่าพันธุ์ยอมรับหนทางที่ตนเลือก เมื่อเดินทางไปตามหามูมูต่อในดินแดนแห่งพรุ่งนี้ โคโค่ช่วยให้ดักแด้ที่ไม่ยอมออกจากเปลือกที่ห่อหุ้มคลายกังวล เปลี่ยนแปลงเป็นผีเสื้อที่สวยงามและโบยบินอย่างเป็นอิสระ แม้การตามหานกฟินิกซ์ในดินแดนแห่งเมื่อวานและพรุ่งนี้จะล้มเหลว โคโค่ได้เรียนรู้จากกับดักทางความคิดของแพนด้าและดักแด้ว่าความยึดติดกับอดีตและความวิตกต่ออนาคตทำให้เกิดความทุกข์   อีกทั้งคำแนะนำจากผู้รู้ใช่จะแก้ปัญหาได้เสมอไป  โคโค่จึงประมวลความคิดต่อไปว่าหากสรรพสิ่งเบิกบานได้เพราะเสียงเพลงจากนกฟินิกซ์  ก็ย่อมนำเสียงเพลงจากนกฟินิกซ์กลับมาได้เช่นกัน แทนที่จะออกตามหานกฟินิกซ์มูมูด้วยใจเป็นทุกข์ โคโค่จึงกลับมารับฟัง คลายทุกข์ให้สรรพสัตว์ดังที่เธอได้ทำให้กับแพนด้าและดักแด้  เธอใช้เวลานานกว่าจะทำให้บรรดาสัตว์ค่อย ๆ แช่มชื่นขึ้น แต่มูมูก็ยังไม่กลับมา ในที่สุดเมื่อโคโค่ มองเห็นความงามของปัจจุบันด้วยใจที่เป็นสุขทำให้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า สรรพสิ่งในธรรมชาติทั้งมวลต่างพึ่งพาอาศัยไม่อาจแยกขาดจากกัน ทุกสิ่งมีความสุขได้เพราะไม่ได้แบ่งแยกเป็นเมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้  นกฟินิกซ์ไม่ได้จากไปไหน และไม่ได้มาจากที่ใด  ด้วยความตระหนักรู้นี้ มูมูนกฟินิกซ์ในเรื่องจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงเพลงอันไพเราะ สาระของเรื่อง โคโค่กับนกฟินิกซ์ที่หายไป จึงมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ถึงความทุกข์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะความคิดและความรู้สึก การพินิจความทุกข์ให้ถ่องแท้นำไปสู่การหยั่งรู้ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียว การให้ความสำคัญกับปัจจุบันคือความสุขที่แท้หรือกล่าวได้ว่าคือความเบิกบานจากการตื่นรู้นั่นเอง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ โคโค่กับนกฟีนิกซ์ที่หายไป ของ วงเวลา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เจ้าปลาสายรุ้ง

เจ้าปลาสายรุ้ง  เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มกับลูกสาวที่ผันตัวเองจากเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัดกับพ่อแม่ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกชายของเพื่อนผู้จากไป ด้วยการสอนวิธีเลี้ยงปลากัดหลากหลายชนิด ตั้งแต่การจับปลา การหาพันธุ์ปลา การเลี้ยงดู การให้อาหารอย่างถูกต้อง จนเด็กชายสามารถพัฒนาสายพันธุ์ปลากัด จำหน่ายเพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวเล็ก ๆ ของเขา ผู้เขียนมีวิธีเล่าเรื่องโดยแบ่งเป็นตอนสั้น ๆ ทำให้อ่านง่าย สนุก ชวนติดตาม มีชั้นเชิงในด้านวรรณศิลป์ พร้อมทั้งอธิบายถึงปลากัดชนิดต่าง ๆ  อย่างละเอียด เช่น ปลากัดป่าที่มีสีซีด ปลากัดลูกหม้อสีเข้มดูน่าเกรงขามที่เลี้ยงไว้เพื่อส่งลงสนามต่อสู้ในบ่อนกัดปลา รวมถึงปลากัดแฟนซีสีสวยงามสดใส ทำให้ได้ความรู้เรื่องปลากัดของไทยเป็นอย่างดี เปรียบได้กับสารคดีที่ผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เจ้าปลาสายรุ้ง ของ วรรณมันตา  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เหมือนหั่นหัวหอม

เหมือนหั่นหัวหอม วรรณกรรมเยาวชนสะท้อนปัญหาของเด็กที่ถูกล้อเลียน ทำให้เศร้าเสียใจ เสียน้ำตา มุ่งสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจ ลดละการกระทำที่สร้างบาดแผลในใจให้ผู้อื่น เหมือนหั่นหัวหอม นำเสนอเรื่องราวสนุก ซุกซน ปนเศร้าของ วิน โม่ มาย แก้ม และเพื่อน ๆ นักเรียนชั้น ป.๔ โรงเรียนแห่งหนึ่ง วิน ลูกแม่ค้าขายข้าวแกงหน้าโรงเรียน ฐานะยากจน จึงรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าเพื่อน  โม่ เด็กชายตัวอ้วนที่มีอาม่าเลี้ยงดูด้วยความรัก บำรุงด้วยอาหารดี ๆ  อบรมสั่งสอนให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต   มาย ลูกสาวแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยเห็นหน้าพ่อตั้งแต่เกิด   แก้ม เด็กหญิงตัวเล็ก เรียนเก่ง ซึ่งพ่อแม่หวังให้เป็นหมอเหมือนพ่อ ไม่มีโอกาสเลือกทำในสิ่งที่ตนเองชอบ เด็กทั้งสี่คนมีปมในใจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ถูกซ้ำเติมจากเพื่อนที่นำปมด้อยของแต่ละคน มาตั้งฉายาล้อเลียนทำให้เศร้าเสียใจ ปมปัญหาของเด็ก ๆ ค่อย ๆ คลี่คลาย ด้วยความรัก ความเข้าใจ ของพ่อแม่ และญาติมิตร ผู้ใหญ่บางคนยอมปรับพฤติกรรมของตน เพื่อส่งเสริมกำลังใจเด็ก ๆ ให้เติบโตอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข ครูแก้ปัญหาการล้อเลียนโดยใช้หัวหอมเป็นสื่อ ให้นักเรียนได้พูดสื่อสารความในใจที่ทำให้รู้สึกเสียใจน้ำตาไหลเหมือนหั่นหัวหอม ทำให้เด็กเข้าใจ และรับรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อน ว่าไม่มีใครชอบถูกล้อ  แม้แต่ผู้ที่ล้อคนอื่น ก็ไม่อยากให้ใครมาล้อตนเอง  ยอมรับความผิดพลาด กล้าที่จะขอโทษ ให้อภัย ช่วยเหลือกัน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เหมือนหั่นหัวหอม เป็นเรื่องราวในมุมมองของเด็ก อ่านสนุก ภาพประกอบสวยงาม มีสาระ ความรู้  สอดแทรกข้อคิดคำคมไว้อย่างน่าสนใจ เป็นประโยชน์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ สามารถนำไปปรับใช้สร้างความเข้มแข็งให้ตนเองและคนรอบข้าง โดยไม่ล้อเลียนผู้อื่น และรับมือกับการถูกล้อเลียนได้อย่างเหมาะสม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เหมือนหั่นหัวหอม  ของ สองขา ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัล                 เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ทัศนียภาพที่เคลื่อนไหล

ทัศนียภาพที่เคลื่อนไหล ของ นรเศรษฐ์ ทับทิมทอง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๓ เรื่อง ที่นำชีวิตของผู้คนในสังคมธรรมดาที่อยู่รายรอบตัวเรา ผ่านสายตาของผู้เขียน โดยเล่าเรื่องอย่างง่าย ๆ แต่สร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี ผู้เขียนใช้ภาษาที่ราบรื่น งดงาม และกลมกลืนกับเนื้อเรื่องที่มีลักษณะแปลกใหม่ เน้นความเคลื่อนไหวของตัวละคร ทั้งยังบรรยายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีชีวิตชีวาน่าติดตาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น ทัศนียภาพที่เคลื่อนไหล ของ นรเศรษฐ์ ทับทิมทอง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน

เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน ของ อุเทน พรมแดง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๑ เรื่อง ที่เสนอเรื่องราวของคนในโลกยุคใหม่ ทั้งในเมืองและชนบท ตั้งแต่ผู้มีอันจะกินจนถึงผู้ยากจนข้นแค้นในทุกช่วงวัย โดยสะท้อนภาพชีวิตที่ต้องดิ้นรน ทนทุกข์ และขัดเคือง เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก  ปัญหาชีวิต หรือแม้กระทั่งความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคม ผู้ประพันธ์มีความสามารถในการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายด้วยภาษาที่งดงาม  ดำเนินเรื่องไปสู่ตอนจบที่ทำให้ผู้อ่านคาดไม่ถึง  และในขณะเดียวกันก็สร้างความหวังและมุมมองด้านบวกของชีวิต สมกับชื่อหนังสือ เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน คณะกรรมการตัดสินจึงมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น เรายังยิ้มได้ ดอกไม้ยังแย้มบาน   ของ  อุเทน พรมแดง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

สู่อนาคตกาล

สู่อนาคตกาล ของ อุเทน พรมแดง เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์ ๘ เรื่อง ที่นำความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีมาเสนอภาพปัญหาและอิทธิพลต่อสภาพสังคมปัจจุบัน  ด้วย   ชั้นเชิงการเล่าเรื่องอย่างแยบยลและสมจริง แม้โครงเรื่องจะใช้ฉากของโลกอนาคต  หรือเหตุการณ์เหนือจริง แต่ก็มิได้ทิ้งหลักเหตุผลและความเป็นไปได้  สะท้อนภาพสังคมไทยในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความยอกย้อนสับสนได้อย่างเด่นชัดและน่าสนใจ ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้  อยู่ตรงที่นำเสนอสารัตถะและองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาสอดประสานกับเนื้อหาทางด้านสังคมและการเมือง ด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่มีวรรณศิลป์  และสร้างความสะเทือนอารมณ์ได้อย่างน่าประทับใจยิ่ง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น สู่อนาคตกาล ของ อุเทน พรมแดง  ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

Z Diary

Z Diary ของ พัณณิดา ภูมิวัฒน์ คือบทบันทึกการโคจรมาพบกันของผีดิบตัวสุดท้ายกับมนุษย์ชราคนสุดท้าย ในฉากโลกอนาคตที่โรคระบาดร้ายแรงได้คร่าล้างมนุษย์จนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ การ (อาจจะ) เป็น “สิ่งสุดท้าย” ในชีวิตกันและกันของสองตัวละครหลัก ค่อย ๆ เปลี่ยนบทบาทจากนักล่าและผู้ถูกไล่ล่าให้กลายเป็นความผูกพันระหว่างพ่อกับลูกชาย อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อแสวงหา “ชีวิตอื่น” ซึ่งอาจจะเป็นทางรอดของพวกเขาทั้งคู่ ความโดดเด่นของนวนิยายวิทยาศาสตร์ (Sci-fi) เรื่องนี้ อยู่ที่การหยิบยกประเด็นร่วมสมัยเรื่องพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดของโลกไซเบอร์และสมองกลหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) มา “ทดลองคิด” และจินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสังคมมนุษย์อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะเมื่อเอไอสามารถถือกำเนิดขึ้นเองจากมหาสมุทรแห่งข้อมูล กลายเป็นจิตสำนึกที่สามารถคิด ตัดสินใจ และมีชีวิตของตัวเอง เมื่อผนวกกับความสามารถในการปฏิบัติการได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และเข้าถึงความรู้ของมนุษย์อย่างไร้ขีดจำกัด ยิ่งทำให้เอไอดูราวกับเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ และมีสถานภาพไม่ต่างอะไรไปจากพระเป็นเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุด (Sovereign) ซึ่งเป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย นอกจากนี้ ความโดดเด่นอีกประการที่เดินเคียงคู่ไปกับคำเตือนว่าโลกจะมีแนวโน้มไปในทิศทางใดภายใต้เงื่อนไขใหม่ ๆ ของวิทยาการล้ำยุค คือการ “ทดลองตอบ” และหาทางออกเพื่อกอบกู้โลกและเผ่าพันธุ์มนุษย์ โดยนำเอานิทานเรื่องพิน็อคคิโอมาเล่าและตีความใหม่ (Pinocchio Retelling)  และใช้เป็นกลวิธีในการดำเนินเรื่องจนคลี่คลายไปสู่ตอนจบที่อบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความหวัง ที่สุดแล้ว..จุดหมายปลายทางของทุกการแสวงหาและหัวใจแห่งความรอดเพื่อฟื้นฟูโลกและธำรงเผ่าพันธุ์ อาจเป็นคำตอบเดียวกันกับที่ทำให้หุ่นไม้อย่างพิน็อคคิโอและผีดิบอย่างไพน์ใฝ่ฝันและปรารถนาที่จะเป็นมนุษย์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Z Diary ของ พัณณิดา ภูมิวัฒน์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖  

หนึ่งนับวันนิรันดร

หนึ่งนับวันนิรันดร เป็นเรื่องราวของความรักความผูกพันและความทรงจำของ “เพียงขวัญ” ที่มีต่ออดีตอันงดงามรุ่งเรืองในสิ่งแวดล้อมซึ่งคุ้นเคยแต่ก็อาจแปลกแยกแตกต่างในบางวัน ทำให้เธอต้องตั้งคำถามอยู่เสมอว่า เพราะเหตุใด ความทรงจำของเธอที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอันมีฉากหลังเป็นบันทึกเรื่องราวของ “ใครสักคน” หรือฉากของวรรณกรรมอมตะ เช่น ข้างหลังภาพ, สี่แผ่นดิน, คู่กรรม,  เพชรพระอุมา,  ฟ้าจรดทราย,  ลับแลแก่งคอย,  ยุคสมัยแห่งความสิ้นหวัง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นปริศนาอันชวนฉงน แม้ในแต่ละวันที่ความจำของเธอจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “ตราวุธ” ชายหนุ่มที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิดทุกวันและทุกเวลา และแล้วเธอก็รำลึกได้ว่า ตราวุธและเธอคือใคร นาทีอันมีค่านี้ช่างน่าปีติยิ่งนัก แม้จะเพียงหนึ่งวันเมื่อเธออายุ ๘๑ ปี นวนิยายเรื่องนี้ ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวของตัวละครที่ป่วยเป็นโรคภาวะสมองเสื่อมสูญเสียความทรงจำ (Alzheimer’s Disease) ด้วยการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามและสร้างปมสงสัยตลอดเรื่อง ใช้ภาษางดงามสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนของความรัก ความอบอุ่นทั้งแจ่มใสและหม่นมัว อันสะเทือนอารมณ์ ส่งสารถึงผู้อ่านให้รับรู้อย่างน่าประทับใจ และเข้าใจสภาวะของผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้น ภาพที่เรามองเห็นอาจไม่ใช่ภาพจริง และภาพจริงอาจมิใช่ความจริงที่เรามองเห็น ภาพชีวิตของเพียงขวัญและตราวุธ ที่ดำรงอยู่ด้วยความรัก ความห่วงใยเอื้ออาทรจึงกระทบใจผู้อ่านอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าความรักนั้นจะเริ่มนับหนึ่งในทุกวันและจะเป็นเช่นนี้ชั่วนิรันดร คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ หนึ่งนับวันนิรันดร ของ กิตติศักดิ์ คงคา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

หมาป่ากลางมหาสมุทร

ชื่อของประชาคม ลุนาชัย กับประสบการณ์ลูกเรือประมงมาคู่กัน นวนิยายเกี่ยวกับเรื่องลูกทะเล หลายเรื่องของเขาได้รับรางวัลทั้งจากการประกวดหนังสือดีเด่นของกระทรวงศึกษาธิการ และเซเว่นบุ๊คอวอร์ด จนนักอ่านหลายคนคิดว่า คลังลูกเรือประมงของเขาต้องหมดและไม่มีช่องว่างให้เขียนอีก แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขายังสร้างความแตกต่างได้           หมาป่ากลางมหาสมุทร เป็นนวนิยายที่ใช้ฉากและบรรยากาศของชีวิตลูกเรือประมงเป็นพื้นหลังเพื่อสะท้อนแก่นแท้ของเรื่องคือจิตใจส่วนลึกของความเป็นมนุษย์ ผู้เขียนใช้วิธีเล่าผ่านมุมมองของตัวละครเอกด้วยสรรพนามบุรุษที่หนึ่งเพื่อให้สามารถลงลึกถึงความเป็นมนุษย์ได้อย่างถึงที่สุด โดยให้เขาเป็นผู้เล่าเชิงวิเคราะห์ชีวิตของลูกเรือทุกคน นับแต่กัปตันไปจนกระทั่งลูกเรือตัวเล็ก ๆ อันเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งจากสภาพทะเลและจากมนุษย์ด้วยกันเอง แต่ก็ยังสามารถดำเนินไปได้อย่างมีความหวัง หลังจากนั้นผู้เขียนได้พลิกเรื่องสะท้อนภาพของมนุษย์ที่มีจิตใจเป็นสัตว์ซึ่งเป็นฆาตกรฆ่าทุกคนบนเรือ มีตัวละครเอกรอดคนเดียว และเกิดสถานการณ์โชคล้อ (Irony) เมื่อตัวละครเอกและฆาตกรกระโดดหนีความตายมาเกาะอยู่บนแพเดียวกัน ภาวะนี้เอง ตัวละครเอกจึงแสดงความเป็นมนุษย์อย่างถึงที่สุดผ่านจิตใจภายใน ท่ามกลางความโหดร้ายของทะเลและการเอาตัวรอดทั้งจากทะเลและศัตรู เขาต้องต่อสู้กับความมีจิตเป็นมนุษย์กับความมีจิตเป็นสัตว์ร้ายระหว่างการเอาชีวิตรอด คล้ายเฒ่าผจญทะเลของเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ กับเศรษฐศาสตร์กลางทะเลลึกของอาจินต์ ปัญจพรรค์ ไปพร้อมกัน และกลายเป็นหมาป่ากลางมหาสมุทรแบบประชาคม ลุนาชัย ได้อย่างทระนงองอาจ ท้ายสุด ผู้เขียนได้นำไปสู่การลงจบที่ดี อาจกล่าวได้ว่า เมื่อได้ค้นพบความเป็นหมาป่าในจิตใจมนุษย์แล้ว ผู้เขียนประสงค์จะให้รางวัลแก่ตัวละครโดยให้ทุกอย่างลงเอยอย่างงดงาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ หมาป่ากลางมหาสมุทร ของ ประชาคม ลุนาชัย ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

My playlist KANIS x Whal&Dolph

My playlist KANIS x Whal&Dolph  เป็นการ์ตูนที่ผู้เขียนนำบทเพลงประทับใจ ของ Whal&Dolph ๔ เพลง มาเล่าผ่านการ์ตูน ๔ เรื่องคือ ๑) เก็บเธอเอาไว้ดูก่อน  ๒) ฉันยังเก็บไว้  ๓) ไม่รู้ทำไม และ ๔) รอให้เธอบอก  ซึ่งผู้อ่านสามารถสแกน QR CODE ที่วางไว้ก่อนเริ่มเรื่อง เพื่อฟังเพลงพร้อมกับดูการ์ตูนไปด้วยกัน การ์ตูนในรูปแบบมังงะ (นิยายภาพญี่ปุ่น) ของ KANIS มีลายเส้นสีสันเรียบง่าย สวยงาม อบอุ่นอ่อนโยนสอดคล้องกับอารมณ์เพลง ทุกเรื่องที่นำเสนอ เป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพในลักษณะให้ติดตามอารมณ์ของการ์ตูน ดูการเคลื่อนไหวไปทีละรูปทีละหน้า มีคำบรรยายน้อยและไม่มีคำบรรยาย ซึ่งทำให้อ่านได้ลื่นไหล ซึมซับอารมณ์ภาพกับเสียงเพลงไปในคราวเดียวกัน เนื้อหาทั้ง ๔ เรื่อง จาก ๔ บทเพลง เล่าถึงความรัก ความเศร้า ความผูกพันและความสูญเสีย ให้แง่คิดต่อชีวิตที่ดำรงอยู่ นับเป็นหนังสือที่ดี  มีคุณค่าทั้งเนื้อหาและรูปแบบ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ My playlist KANIS x Whal&Dolph โดย KANIS ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๖๖

10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า

10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า เป็นหนังสือการ์ตูนลายเส้นร่วมสมัย เล่าเรื่อง “หมาที่ไม่เห่า” ชื่อ “เม่าไห่” ได้อย่างมีชีวิตชีวา ตื่นเต้น สนุกสนาน ให้ความเพลิดเพลินและชวนติดตาม ผู้วาดแสดงให้เห็นว่ามีการเลี้ยง “เม่าไห่”  อย่างใกล้ชิด คลุกคลีและสังเกตอย่างละเอียดจนสามารถสรุปพฤติกรรม ๑๐ วีรกรรมที่แสนซ่าผ่านลายเส้นการ์ตูนและเนื้อหา  ทักษะการวาดและจัดองค์ประกอบภาพดี สมบูรณ์แบบ ตัวการ์ตูนโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ผู้วาดมีความรู้อย่างลึกซึ้งในการดูแลสุนัข สามารถอธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสัมพันธภาพของ               “เม่าไห่” กับ สมาชิกในครอบครัว 10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า นอกจากจะสวยงาม อ่านสนุก ได้ความรู้ แสดงให้เห็นถึงความผูกพันของครอบครัวกับสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังเป็นหนังสือที่มีคุณค่าแห่งความรักและการให้อภัยอีกด้วย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ 10 THINGS I HATE ABOUT MAOHAI บ้านนี้หมาไม่เห่า โดย  พลอยจะเพลิน  เผ่าพันเลิด ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ควันหลง และ หมอกขาว

ควันหลง และ หมอกขาว นำเสนอเรื่องราวผ่านการ์ตูนเด็กหญิงและเด็กชายกับแมว ประกอบภาพธรรมชาติต่าง ๆ ในลักษณะเชิงสัญลักษณ์ ด้วยรูปแบบภาพประกอบที่มีรายละเอียดและการจัดวางสวยงาม  ใช้เทคนิคผสมผสานในการทำให้ภาพโดดเด่นเป็นสากล หนังสือจัดแบ่งเป็น ๒ เรื่อง คือ เรื่อง “ควันหลง” ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านแมวดำ ชื่อ “ควันหลง” กับเด็กหญิง “ฟองฝัน”  ทั้ง ๒ พบและร่วมกันตามหาครอบครัวควันหลง และความฝันของฟองฝัน เรื่องนี้เล่าถึงความผูกพันห่วงหาอาทรของกันและกัน เรื่อง “หมอกขาว” เล่าผ่านเด็กชาย “สายลม” ที่สูญเสียคุณยายและคิดเสมอว่ายายจะเป็นผีเสื้อมาหา จนได้พบและผูกพันกับแมวขาวชื่อ “หมอกขาว” สายลมได้คลายทุกข์ โดยมีหมอกขาวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ สองเรื่องนี้ นิยามคำว่า “ครอบครัว” ที่แสดงถึงความผูกพัน สร้างสายใยชีวิตไม่จำกัดเพศวัย หรือสายเลือด ขอเพียงให้มีสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นและมีความรักความอบอุ่น “เป็นครอบครัวที่เราเลือกด้วยตนเอง” โดยใช้สัญลักษณ์ผ่านแมว ๒ ตัว ทั้ง ๒ เรื่อง สุดท้ายก็มาบรรจบสัมพันธ์กัน ควันหลง และ หมอกขาว ทำให้ผู้อ่านตระหนักถึงคุณค่าความรัก ความผูกพัน และสัมพันธภาพของชีวิต คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ ควันหลง และ หมอกขาว  ของ มนัสวี โรจนพรรณ ได้รางวัลชนะเลิศ  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ซ้อนซับกับโลกทึมเศร้า

ซ้อน ซับ กับ โลก ทึม เศร้า  กวีนิพนธ์ของ บัญชา อ่อนดี เป็นบทกวีที่มีเนื้อหาเข้มข้น ด้วยนำเสนอภาพวิกฤตการณ์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สงครามในประเทศยูเครน ความอดอยาก และผู้ลี้ภัยสงคราม ทั้งสะท้อนภาพคอร์รัปชัน และตั้งคำถามถึงจริยธรรมของนักการเมืองในประเทศ ผ่านลีลาการใช้คำที่กระชับ หนักแน่น มีการเลือกใช้คำทับศัพท์ร่วมสมัยซึ่งทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกร่วมและมีอรรถรสมากขึ้น “ซ้อน ซับ กับ โลก ทึม เศร้า” กล่าวถึงปัญหาที่ทับซ้อนอยู่บนพื้นที่ต่าง ๆ บนโลก ผู้เขียนเล่นคำว่า “โลกทึมเศร้า” และ “โรคซึมเศร้า” เพื่อสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เกิดขึ้น และเป็น “ราก” ของความทุกข์ทนหม่นเศร้าของผู้คนในปัจจุบัน นอกจากการกล่าวถึงปัญหาอย่างหลากหลายและตรงไปตรงมา กวีนิพนธ์เรื่องนี้ เด่นด้วยการใช้คำประพันธ์ประเภทกลอนเก้าในแต่ละวรรคที่ประกอบด้วยกลบท ทำให้เกิดจังหวะการอ่านที่สม่ำเสมอตลอดเรื่อง และสร้างอารมณ์ที่ต่อเนื่องให้กับผู้อ่านได้เป็นอย่างดี

การเวกครวญ

การเวกครวญ กวีนิพนธ์ของ พันดา  ธรรมดา  เป็นรวมบทกวีที่แต่งด้วยคำประพันธ์ที่ผู้แต่งเรียกว่า “กลอนด้น” หมายถึงกลอนที่ใช้ในการขับโนราหรือการเล่นหนังตะลุง เป็นกลอนแปดที่ไม่ได้เคร่งครัดจังหวะและสัมผัสในแบบสุนทรภู่  เนื้อหานำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตในบ้านเกิดท้องถิ่นใต้ ศิลปะการแสดงโนรา ชีวิตในครอบครัว  วิถีชิวิตพื้นถิ่น ประเพณีที่มีพุทธศาสนาเป็นแนวทางและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติรวมทั้งบันทึกประวัติศาสตร์ท้องถิ่นใต้ในสังคมร่วมสมัย ด้านศิลปะการประพันธ์มีความโดดเด่นด้วยการประสานศิลป์ ใช้ท่วงทำนองของศิลปะการแสดงโนรามานำเสนอในรูปแบบกวีนิพนธ์อย่างมีชั้นเชิงทางศิลปะ การใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบท่วงทำนองของเนื้อหาแต่ละตอนเหมือนเสียงขับขานและลีลาของนกที่มีในพื้นถิ่น โดยตั้งชื่อแต่ละภาคว่า การเวกครวญ กาเหว่าหวน วิมานสาลิกาและน้ำตานกเปล้า ใช้ท่วงทำนองการเล่าเรื่องเหมือนการขับขานโนรา แสดงถึงศักยภาพในการผสมผสานขนบการแสดงพื้นบ้านกับเรื่องเล่าในท้องถิ่นได้อย่างมีวรรณศิลป์ แสดงให้เห็นภูมิธรรมแห่งพื้นถิ่นด้วยความภาคภูมิใจในรากเหง้าของตน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติมอบรางวัลยกย่องการสืบสานขนบวรรณศิลป์ท้องถิ่น ให้  พันดา  ธรรมดา  ผู้ประพันธ์ การเวกครวญ เพื่อสนับสนุน ให้กำลังใจและยกย่องชมเชยความวิริยะอุตสาหะในการสืบสานภาษาและขนบวรรณศิลป์พื้นถิ่นของไทย

มิปรารถนาเป็นอื่น

มิปรารถนาเป็นอื่น  รวมกวีนิพนธ์ของ กวิสรา ม่วงงาม แบ่งกลุ่มเนื้อหาในเล่มออกเป็น ๔ ภาค ประกอบด้วย “ภาคแรก ดิน” “ภาคสอง น้ำ” “ภาคสาม ลม” และ “ภาคสี่ ไฟ” ใช้ท่วงทำนองการเล่าเรื่องแบบ Ballad จากชีวิตประจำวันของกวีผ่านวิถีของชาวสวนผู้เปี่ยมสุข สุขเพราะการค้นพบว่าวิถีกวีและการเป็นชาวสวนล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน การดูแลต้นไม้และสัตว์เลี้ยงแม้จะเป็นงานหนักแต่ก็ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้รับรู้ถึงความละเอียดอ่อนของชีวิตไม่ผิดกับการเขียนบทกวี ผ่านวิถีการทำงานที่อบร่ำด้วยความรักเมื่อได้ประจักษ์ถึงความทุกข์ที่ไม่จีรังยั่งยืน กวีเขียนถึงบรรดาสัตว์เลี้ยงของครอบครัวได้อย่างมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะเจ้าลูกม้าขี้อ้อนที่ชื่อ “บัวหลาด” ท่ามกลางบรรยากาศแมกไม้นานาพรรณของบ้านสวน กวียังย้อนความทรงจำถึงช่วงวัยเยาว์อย่างเข้าใจชีวิต เพื่อให้ผู้อ่านร่วมซึมซับประสบการณ์ในอดีตเทียบทาบกับความตระหนักรู้ในปัจจุบัน นับเป็นบทกวีที่เปี่ยมด้วยความหวังและกำลังใจอย่างมีนัยสำคัญ ด้านกลวิธีการประพันธ์ มิปรารถนาเป็นอื่น เป็นงานสร้างสรรค์ที่มีลีลาภาษาเรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมายที่กวีกลั่นออกมาจากใจ ผ่านการกรองคำตามลีลาเฉพาะตนที่ไม่ได้เดินตามขนบวรรณศิลป์ไปทุกวรรค  แต่มิปรารถนาเป็นอื่น จึงอาจเป็นได้ทั้งข้อด้อยและข้อเด่นในขณะเดียวกัน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี มิปรารถนาเป็นอื่น ของ กวิสรา ม่วงงาม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ดินแดนบันไดงู

ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม เป็นรวมบทกวีที่แสดงให้เห็นถึงโลกอันซับซ้อน ที่มนุษย์พยายามสร้างเงื่อนไข แล้วดำเนินชีวิตตามนิยามความคิด เพื่อเดินทางไปยังโลกอันแสนไกล โดยคิดว่านี่คือการขับเคลื่อนความจริงท่ามกลางความซับซ้อนและยอกย้อนตลอดเวลา ผู้เขียนได้แบ่งบทกวีออกเป็น ๓ ภาค คือ ชิ้นส่วนของประเทศ  พาเหรดซิมแปนซี และ ที่อยู่ของขอบฟ้า แต่ละภาคใช้ความเปรียบเหนือจริง ของจินตนาการ ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ผ่านบทกวีฉันทลักษณ์ที่ร้อยเรียงสัมผัสกันทุกบท ในภาค “ชิ้นส่วนของประเทศ” บอกถึงการประกอบสร้างสังคมซึ่งเดินหน้าด้วยความรู้และความเชื่อ ถอยห่างจากรกรากเดิม เดินผ่านเขาวงกตที่สร้างขึ้น เป็นการสร้างบ้านแปงเมืองเข้าสู่กับดักในท้องงูที่กลืนกินผู้คนเข้าไปในกลไกแห่งงูกล ขบวนมนุษย์ที่เป็น “พาเหรดของซิมแปนซี” ในภาคต่อมา อันเป็นขบวนของมนุษย์ที่เชื่อมั่นในความรู้ มีโลกกว้างแห่งจินตนาการอยู่ในบ้านจริงอันคับแคบ โลกที่นับถือความรู้และตรรกะจึงมองเห็นขอบฟ้าเพียงที่ประจักษ์ จึงได้แต่บูชาสิ่งปลอมเหล่านั้น ในภาค “ที่อยู่ของขอบฟ้า” หากกระโจนออกจากภาพลวงอันปรากฏอยู่ในกระจก เพื่อเต้นรำกับสายลม เห็นสายฝนที่ตกลงมาเป็นเพลงเศร้า เห็นแดดเช้าพร่ำรักกับแมวดำ ฯลฯ อันเป็นเทคนิควิธี “เหนือจริง” เหล่านี้แล้ว จะพบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ในดินแดนแห่งนี้เหมือนกำลังเล่มเกมบันไดงู เพื่อเดินทางไปพิสูจน์ที่อยู่ของขอบฟ้า ต่างล้วนมีโอกาสก้าวกระโดดลัดชั้นสูงขึ้นหรืออาจตกชั้นลงมาเริ่มใหม่ได้ตลอดเวลา ดินแดนบันไดงู งดงามด้วยองค์ประกอบทางวรรณศิลป์ และการสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการ ทำให้เกิดการตีความได้ลุ่มลึกหลากหลาย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม

เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม รวมบทกวีของ นิตา มาศิริ แบ่งเนื้อหาสาระเป็น ๖ ตอน ได้แก่ มือที่จับดินสอเขียนกอไก่  มนุษย์คือสัตว์ทดลองของพระเจ้า  เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม  ดูสิดวงใจของใครหนอ  สนิมบนขวานและบ้านของเรา และสายธารที่ท้นหลั่งกำลังใจ    โดยภาพรวมของทุกตอน เนื้อหาสาระง่ายงาม มีศิลปะในการใช้ภาษา เป็นเรื่องราวการผ่านพบปรากฏการณ์ทางสังคมและธรรมชาติ  ทำให้เกิดความรู้สึกและเห็นภาพได้กระจ่างชัด           เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม เป็นกวีนิพนธ์ที่มีคุณค่าและเชิงชั้นทางวรรณศิลป์ รูปแบบฉันทลักษณ์ใช้กลอนแปดเป็นหลัก แทรกด้วยกาพย์ยานี  โดดเด่นด้วยกวีโวหาร เลือกสรรคำและภาพพจน์มาใช้อย่างเหมาะสม  มีความคิดสร้างสรรค์  สร้างอารมณ์สะเทือนใจ  เช่น ฉันกับเรือใบในมหานคร  หน้ากากสีทอง นิทานดวงดาวและข่าวคราวของสงคราม เป็นต้น ด้วยการใช้จินตนาการ พร้อมถ้อยคำอย่างมีชั้นเชิง ผสมผสานความสุข ความเศร้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แต่น่าค้นหาข้อความจริงที่ผู้เขียนซ่อนไว้ ดังตัวอย่างจาก เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม                    “บนดาวดวงเดียวกัน สัมพันธภาพ          เคยไหมทาบทอแสงฉายแรงหวัง ไปบนผืนแผ่นดินถิ่นหยัดยัง                            ท่ามกลางความเกลียดชังที่ฝังใจ ดาวดวงที่ฉันอยู่ …ท้นรู้สึก                                      ว่าลึกลึก คืนวันฉันหวั่นไหว           โอบกอดความปวดร้าวมายาวไกล                     ณ แดนดินยากไร้…และไกลจันทร์…” หรือในบท โลกวันใหม่ ที่ว่า “ดาวจะอยู่อย่างไรหากไร้ฟ้า                 ผู้โอบอุ้มชีวาแห่งสมัย           หนอ, นิทานดวงดาวอันยาวไกล                       บอกว่าโลกวันใหม่ – ไม่เหมือนเดิม” คณะกรรมการจึงมีมติให้รวมบทกวี เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม ของ นิตา  มาศิริ ได้รับรางวัลชนะเลิศ  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖