กรองและค้นหา

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 18

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 18

ERASMUS GENERATION

คนจำนวนมากเป็นนักเรียนทุนที่ได้เดินทางไปเรียนต่อในต่างประเทศ หนังสือเล่มนี้ก็เล่าถึงประสบการณ์เช่นนั้น แต่ทุนอีราสมุสแตกต่างจากทุนอื่น ตรงที่ผู้ได้รับทุนสามารถเลือกเดินทางตระเวนไปได้ในหลายประเทศเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ผู้เขียนบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้พบเห็นในหลายประเทศ หลากวัฒนธรรม ด้วยสำนวนภาษาเรียบง่ายแต่จูงใจ  

โปรดโอบกอดมนุษย์ลูก

คำถามที่ว่า เราควรเลี้ยงลูกอย่างไร เป็นคำถามที่เกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย หนังสือเล่มนี้เป็นคำแนะนำจากแม่คนหนึ่งถึงแม่และผู้ปกครองคนอื่น ๆ ในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เราต้องยอมรับว่า ห้วงเวลานี้คือห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านขนานใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ทุกสิ่งเปลี่ยนไป การเลี้ยงลูกก็เปลี่ยนไปด้วย ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ของตัวเองและของคนอื่น ๆ ที่ได้พบเห็นด้วยภาษาที่งดงามและมีมุมมองที่แปลกใหม่แต่ลุ่มลึก  

“จากศึกบางกุ้งถึงศึกอะแซหวุ่นกี้ : เผยโฉมยุทธศาสตร์พม่ารบไทยยุคธนบุรี”

หนังสือเล่มนี้นำเสนอแง่มุมในประวัติศาสตร์การทหารในยุคที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงมากนัก นั่นคือยุคของสมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยฉายภาพการหยั่งเชิงและประลองกำลังกันระหว่างพม่าและไทย ในฐานะของกรุงอังวะและกรุงธนบุรี ทำให้เกิดสงครามระหว่างกันมากถึง ๑๕ ครั้ง ผู้เขียนได้แยกแยะศึกที่ว่ามานี้ออกเป็นรูปแบบต่าง ๆ และวิเคราะห์การศึกนับตั้งแต่ครั้งแรกที่บางกุ้ง กระทั่งถึงครั้งสุดท้ายในศึก อะแซหวุ่นกี้ ด้วยหลักฐานที่หนักแน่นและฉายภาพลึกไปถึงการเมืองในระดับภูมิภาคด้วย  

ทักษะความสุข

หนังสือเล่มนี้นำเสนอแง่คิดและมุมมองต่อโลกและสังคมรอบด้าน ที่จะสร้างสุขให้ผู้คนทั่วไปได้ไม่ยาก ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยในต่างประเทศ มาผสมผสานกับประสบการณ์ส่วนตัวได้อย่างกลมกลืน จึงมีคุณค่าในทางความคิด การดำเนินชีวิต ทัศนะในการมองโลกตามความเป็นจริง ทั้งที่เป็นและควรจะเป็น รวมถึงการดำรงตน ความรักความเมตตา ความกรุณา  ความสุขแท้จริงที่เกิดจากการให้ ความเสียสละ  ความพอเพียง ไม่เห็นแก่ตัว ลีลาการนำเสนออ้างอิงแนวคิดของนักคิดทั้งไทยและสากลมาอธิบายสนับสนุนได้อย่างน่าเชื่อถือ ด้วยสำนวนความเรียงที่มีลีลาน่าอ่าน เพลิดเพลิน เข้าใจง่าย ประกอบตัวอย่างจากประสบการณ์จริงของผู้เขียนและบุคคลที่มีชื่อเสียง เขียนได้อย่างมีอรรถรส ภาษาสละสลวย อ่านสบาย และงานเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอ่านได้อย่างดี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ทักษะความสุข”  ของ นิ้วกลม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

ให้โลกทั้งหลายเขาลือ : “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ

สารคดีประวัติชีวิตราชนิกุลเคยมีผู้เขียนไว้หลายโอกาส แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้สร้างงานสารคดีจากการสืบค้นจากเอกสารจำนวนมาก และนำมาเรียบเรียงได้อย่างน่าสนใจ และสามารถเสนอมุมมอง  ใหม่ ๆ ได้ แม้เจ้าของชีวประวัติ คือ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จะได้รับความเคารพสักการะจากคนไทยเยี่ยงเทพที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ทว่าผู้เขียนมุ่งถวายคืนความเป็นมนุษย์ โดยนำเสนอข้อมูลรอบด้านในพระชนม์ชีพ ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน และที่สำคัญคือได้ความเข้าใจว่าเหตุใดพระองค์จึงได้รับการนับถือประหนึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ ผ่านการศึกษาข้อมูลหลักฐานเอกสารทางวิชาการ แต่นำเสนอด้วยลีลาที่มีเสน่ห์ ชวนติดตาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ให้โลกทั้งหลายเขาลือ  : “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรฯ” ของ ศรัณย์ ทองปาน  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

ลมพัดมิรู้ล่วงหน้า : จารึกโรงสี ลูกจีนโพ้นทะเล

ลมพัดมิรู้ล่วงหน้า : จารึกโรงสี ลูกจีนโพ้นทะเล  เป็นงานเขียนประวัติชีวิตของบุพการีที่หนักแน่นด้วยข้อมูล จากการลงพื้นที่ สัมภาษณ์บุคคล และค้นคว้าเอกสาร มานำเสนออย่างมีชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ เนื้อหามีคุณค่า ให้ทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์จากคำบอกเล่าและการค้นคว้าหลักฐานอ้างอิงเชิงวิชาการ ประวัติศาสตร์ชุมชน ท้องถิ่น ชาติพันธุ์ สารคดีชีวประวัติของสามัญชนที่ละเอียดและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เช่นนี้หาได้ไม่ง่ายนัก แม้เป็นเรื่องราวของครอบครัวเชื้อสายจีนในดินแดนสยามช่วงก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ ที่อยู่ในอำเภอเล็ก ๆ ของจังหวัดไกลโพ้น ทว่ากลับสัมพันธ์กับโครงสร้างการเมืองการปกครองในยุคสมัยต่าง ๆ ฉายภาพให้เห็นการเริ่มต้น ความรุ่งเรือง กระทั่งถึงความร่วงโรยของธุรกิจโรงสี โดยใช้ภาษาที่ลุ่มลึก แต่บอกเล่าให้เข้าใจง่าย ให้บรรยากาศชวนติดตาม ผู้อ่านจึงได้รับอรรถรสทางภาษาสำนวนและความรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมกัน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ลมพัดมิรู้ล่วงหน้า : จารึกโรงสี ลูกจีนโพ้นทะเล” ของ   สุกัญญา หาญตระกูล    ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม

“โข่ง” เด็กชายผู้เล่าเรื่อง “ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม”  พาผู้อ่านย้อนอดีตไปสัมผัสชีวิตชาวนาที่เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต หากการเอื้อเฟื้อแบ่งปันใส่ใจกันในหมู่เครือญาติและเพื่อนบ้านคือความสุขในความอัตคัด และเป็นรากฐานอันมั่นคงให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาด้วยความรักความผูกพัน สำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ จนไม่รู้สึกว่าตนเองขาดอะไร นอกจากภาพชีวิตในชนบท วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงภาพการศึกษาของไทยในอดีตที่ดำเนินไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเสียสละของครูที่มุ่งมั่นจะพัฒนาลูกศิษย์ให้มีคุณภาพ หยิบยื่นโอกาสอันนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น วรรณกรรมเรื่องนี้ถ่ายทอดความรักความอบอุ่นของสายสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ เพื่อนพ้อง ครูกับศิษย์ และคนกับสัตว์ในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในชนบทที่หล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งได้เรียนรู้ เข้าใจ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งรอบตัว คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม”  ของ เอกอรุณ  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

แมววัด

“แมววัด” เป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าขนาดสั้น ๘๒ เรื่อง ที่เรียบเรียงด้วยสำนวนภาษาเรียบ ง่าย กระชับ เชื่อมโยงสัมพันธ์กันด้วยตัวละครหลัก ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่มีความหลากหลายผ่านมุมมองของ “นินจา” แมววัดเพศเมีย ที่เกิด เติบโตและอาศัยอยู่ในวัด ด้วยการเล่าเรื่องในทัศนคติเชิงบวก ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง สัตว์ต่าง ๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด  ที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ขณะบวชเป็นสามเณรช่วงปิดเทอม ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เมื่ออายุ ๙ ปี เนื้อหาของหนังสือนอกจากให้ความสนุกเพลิดเพลิน ยังให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ  ชี้แนวความประพฤติที่เหมาะสม  และสอดแทรกข้อคิดด้านคุณธรรมพื้นฐาน  เช่น การทำความดี  การให้อภัย และ                  สัจธรรมของชีวิต ที่สอดคล้องกับเนื้อหาแต่ละตอนอย่างแนบเนียน  โดยอ้างถึงคำสั่งสอนของพระที่                เลี้ยงดู  มีภาพประกอบโดยผู้เขียน หนังสือเรื่อง “แมววัด” จึงเป็นหนังสือดีที่อ่านง่าย  ให้ความรู้  ความเพลิดเพลิน  และจรรโลงใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้  “แมววัด” ของ ยูโตะ  ฟุคะยะ  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ              อันดับ  ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY

“การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY” เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ผู้เขียนได้นำประสบการณ์ขณะยังเป็นนักจิตวิทยาฝึกหัดที่โรงพยาบาลบาร์เน็ต  กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเรียบเรียงเป็นเรื่องสั้นทั้งหมด ๑๒ เรื่อง เนื้อหาเป็นเรื่องราวของ “ลิซ่า” นักจิตวิทยาฝึกหัดกับ ๑๒ กรณีศึกษาของเด็กและวัยรุ่น ๑๒ คน  เป็นชาย ๗ คนและหญิง ๕ คน  ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักและเข้าใจบทบาทของจิตแพทย์และนักจิตวิทยามากขึ้น ว่าการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นเรื่องปกติเหมือนเช่นเวลาที่ร่างกายของเราเจ็บป่วย เราสามารถไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาได้ จิตแพทย์และนักจิตวิทยาจะช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำ อันจะทำให้ได้แนวทางแก้ปัญหา หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้แก่ผู้อ่านโดยนำวิชาการด้านจิตเวชกับการทำงานของจิตแพทย์และนักจิตวิทยามาเขียนเรียบเรียงได้อย่างเหมาะสมลงตัว ทำให้รู้ถึงการวางแผนงานที่จะใช้รักษาคนไข้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น เนื้อหาแต่ละเรื่องชวนอ่าน ชวนติดตาม แม้จะเป็นเรื่องทางการแพทย์ แต่ภาษาเขียนที่ดีทำให้เข้าใจง่าย  เป็นหนังสือที่ให้ประโยชน์เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่จะนำไปปรับใช้ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกทั้งมีภาพประกอบสวยงามเหมาะสมกับเนื้อหาของทุกเรื่อง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY” ของ เมริษา ยอดมณฑป ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

บินไปเหนือสะพานข้ามดาว

“บินไปเหนือสะพานข้ามดาว” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน ๑๒ เรื่อง ของ ประชาคม ลุนาชัย  สะท้อนให้เห็นแง่มุมของความเป็นมนุษย์และภาพสังคมหลากหลาย นอกจากเรื่องที่มีกลิ่นอายแห่งท้องทะเลและชีวิตที่กร้านแดดฝนบนเรือประมงแล้ว  ผู้เขียนยังนำบอกเล่าเรื่องราวและคิดค้นแง่มุมเนื้อหาสาระในแต่ละเรื่องให้ร่วมสมัยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็นำเอาสัตว์ต่าง ๆ มาเป็นสัญลักษณ์สะท้อนให้เห็นชีวิตผู้คนและด้านมืดที่้เกิดขึ้นในยุคนี้  ทั้งยังแสดงทัศนะที่มีต่อเหตุการณ์ทางการเมือง   ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และความอยุติธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  บางเรื่องได้ใช้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมที่มีชื่อเสียงของโลกมาต่อยอดความคิดเป็นเรื่องใหม่อีกด้วย ผู้เขียนมีความคิดที่ลุ่มลึกนำเสนอเรื่องราวด้วยกระบวนวิธีเรียบง่าย ผ่านภาษาประณีตงดงาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น “บินไปเหนือสะพานข้ามดาว” ของ ประชาคม ลุนาชัย ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง

“สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๘ เรื่อง ของ ตินกานต์ มีเนื้อหาและวิธีการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ มุ่งสะท้อนถึงความสิ้นสลายของมนุษย์ในหลากหลายสถานะ หลากหลายรสอารมณ์  ผ่านภาพชีวิตความสัมพันธ์ของคนธรรมดา ๆ ที่ต่างเพศต่างวัยและต่างอาชีพในสังคม โดยเฉพาะในครอบครัวซึ่งมีบาดแผลให้เจ็บปวดรวดร้าวจากนานาปัจจัย อาทิ ปัญหาชีวิตคู่และการพยายามฟื้นฟู เรื่องเด็กกำพร้าที่ความทุกข์วัยเด็กส่งผลถึงชีวิตปัจจุบัน เรื่องคนชราผู้อยู่โดดเดี่ยว หรือเรื่องชนชั้นกลางผู้ทำงานหนักเพื่อสู้กับชะตากรรม ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่การถ่ายทอดเรื่องราวอย่างประณีต ละเอียดลออในทุกด้าน มีแนวคิดสำคัญของเล่มเป็นเรื่องจิตวิทยาที่ลุ่มลึก แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ว่า กว่าจะเป็นคนมีคุณภาพและมีความสุขได้นั้น ต้องใช้ปัญญามากกว่าอารมณ์ ทั้งหมดเสนอผ่านภาษาที่ลื่นไหลงดงาม      สื่อภาพ แสง สี เสียง และอารมณ์ความรู้สึกตัวละครได้ชัดเจน มีชีวิตชีวาและสมจริง  ก่อให้เกิดจิตสำนึกในการดำเนินชีวิตแก่คนในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม คณะกรรมการตัดสินจึงมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น “สลายสิ้นซึ่งความหวังรังรอง” ของ  ตินกานต์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

คืนปีเสือและเรื่องเล่าของสัตว์อื่น ๆ

        “คืนปีเสือและเรื่องเล่าของสัตว์อื่น ๆ” ของ จเด็จ กำจรเดช เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๑ เรื่อง มุ่งสะท้อนภาพวิถีและชีวิตชาวบ้าน เน้นหนักในพื้นที่ภาคใต้ โดยชี้ให้เห็นภาพชีวิตแบบเดิมที่เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร สิงสาราสัตว์ และการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย กับชีวิตที่ถูกเทคโนโลยีสมัยใหม่รุกล้ำตามความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ โดยตั้งต้นด้วยเรื่องเล็ก ๆ แต่เกี่ยวพันหรือยึดโยงไปสู่เรื่องใหญ่ หรือเรื่องหลักของประเทศหรือแม้กระทั่งเรื่องของโลก  บางครั้งแสดงความรู้ด้านตำนาน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วรรณกรรม  ฯลฯ มากจนอาจกล่าวได้ว่า แหวกขนบของเรื่องสั้น ผู้เขียนมีวิธีการนำเสนอเรื่องเล่าที่แปลกใหม่แตกต่าง  ทำให้ซับซ้อนขึ้นด้วยวิธีเล่าสลับไปสลับมาทั้งย้อนไปในอดีตและก้าวไปในอนาคต และไม่ใช่ครั้งเดียวในแทบทุกเรื่อง  รวมทั้งการเล่นกับโลกภายในที่เต็มไปด้วยจินตนาการจนแยกไม่ออกจากโลกภายนอก  และอาศัยความเหลื่อมกันของสองโลกนี้เป็นตัวทำให้เกิดความคลุมเครือได้อย่างงดงามและกระแทกใจ เป็นเรื่องสั้นที่มีความเป็นสมัยใหม่  มีเสน่ห์ สมยุคสมสมัย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น “คืนปีเสือและเรื่องเล่าของสัตว์อื่น ๆ”  ของ จเด็จ กำจรเดช ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

แด่ความคิดถึง

“แด่ความคิดถึง”  ของ ทนุธรรม เป็นเรื่องราวของวินกับทนิน ชายหนุ่ม ๒ คนที่แบ่งเช่าห้องชุดในคอนโดมิเนียมด้วยกัน วินจ่อมจมอยู่กับความเจ็บปวดจากอดีต ส่วนทนินหมกมุ่นอยู่กับความฝันอยากเป็นนักเขียน แม้จะอยู่ในห้องชุดเดียวกัน แต่สัมพันธภาพของคนทั้งสองห่างเหินเพราะต่างคนต่างมีโลกส่วนตัว จนวันหนึ่งทั้งสองเปิดใจเชื่อมมิตรภาพระหว่างกัน แต่ต่อมาก็กลับเกิดเหตุขัดใจจนต้องลาจากกัน นวนิยายเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตของใครบางคน แต่เรื่องธรรมดานี้สะท้อนชีวิตของคนในเมืองใหญ่ที่ต่างคนต่างอยู่ ไม่สนใจใครแม้แต่คนใกล้ตัว ความเหงาลึกจึงก่อตัวขึ้นอย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางความซับซ้อน สับสน และผู้คนมากมายที่อยู่รอบตัว หลายคนพึ่งพาโซเชียลมีเดียเป็นที่ระบายความในใจแทนการสนทนากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผู้เขียนใช้กลวิธีนำเสนอด้วยบันทึกของทนิน ไปพร้อมกับความคืบหน้าในบทต่าง ๆ ของนวนิยายที่ ทนินจำใจเขียน สาระว่างเปล่าของนวนิยายรักเป็นภาพล้อคู่ขนานไปกับความเปราะบางของสัมพันธภาพที่กว่าทนินจะประจักษ์ในคุณค่าของความเป็นเพื่อน ความเข้าใจถึง และห่วงใยจิตใจของผู้อื่นอย่างจริงใจ ก็สายเกินไป “ผมหลับตาลงแล้วนึกว่า ถ้ามีโอกาสพูดกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ผมจะพูดว่าอย่างไร มันนึกออกได้ไม่ยากเลย คงเป็นคำว่า ‘คิดถึง’ อย่างแน่นอน” น่าเสียดายที่โอกาสของทนินไม่เคยหวนกลับมาอีกเลย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “แด่ความคิดถึง” ของ ทนุธรรม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน

“หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน เป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคมที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้คนในชุมชนแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตยึดโยงอยู่กับผู้มีอิทธิพลในชุมชนซึ่งทำธุรกิจร้านนวดที่แฝงการค้าบริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เม็ดเงินจากธุรกิจสีเทาเช่นนี้สร้างรายได้และความกินดีอยู่ดีให้แก่ชาวบ้าน พระเดชและพระคุณของผู้มีอิทธิพลในชุมชนจึงทำให้ชาวบ้านสมัครใจเข้าร่วมในวงจรนี้ เพื่อให้อิ่มท้อง มีงานทำ มีคุณภาพชีวิต มีอนาคตและมีความหวัง ยิ่งผู้มีอิทธิพลในชุมชนจับมือกับนักการเมืองท้องถิ่นนำธุรกิจของตนไปควบรวมไว้กับโครงการสวยหรูของรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแนบเนียน ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจสีเทาได้รับการฟอกขาวจนสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตอลังการมากยิ่งขึ้น แต่ในท่ามกลางความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ ปัญหาสังคมนานาประการก็ก่อเกิดขึ้น ทั้งเรื่องการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ แม่ทิ้งลูก พ่อปฏิเสธความรับผิดชอบ ลูกกำพร้าที่ถูกทิ้งขว้าง การละทิ้งบ้านเกิด การถูกลดทอนความเป็นมนุษย์ การไม่พึ่งพาตนเอง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ชีวิตไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งหมด ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าความรักคือสิ่งประคับประคองหล่อเลี้ยงใจให้ก้าวข้ามความท้อแท้เจ็บปวดในแต่ละวันแต่ละคืนไปได้ ผู้อ่านจะประจักษ์ในความรักบริสุทธิ์ระหว่างหญิงชาย ระหว่างเพื่อน ระหว่างปู่ย่ากับหลาน ระหว่างพ่อแม่กับลูก และความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมทุกข์ อีกทั้งผู้เขียนยังทำให้ตระหนักรู้ว่าครอบครัวเข้มแข็งคือรากฐานที่แข็งแกร่งของสังคม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หากข้ามคืนนี้ หัวใจไม่แหลกยับเยินเสียก่อน” ของ รมณ กมลนาวิน ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

การเดินทางของบรรณาธิการ

หนังสือเรื่อง “การเดินทางของบรรณาธิการ” เป็นการ์ตูนแนวเหนือจริงเชิงสัญลักษณ์สะท้อนปัญหาสภาวะการสร้างงานต้นฉบับของนักเขียนการ์ตูน และภารกิจหนักอึ้งของผู้เป็นบรรณาธิการ ตลอดจนสภาวะตกต่ำของธุรกิจสิ่งพิมพ์ โดยจำลองภาพเป็นการเข้าไปสู่โลกเสมือน เป็นเรื่องราวของชายผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือการ์ตูนมาจนแทบจะทั้งชีวิต ต้องเข้าไปอยู่ในโลกที่ล่มสลาย โลกที่เงินตราไม่มีความหมาย ไม่มีการเจรจาแลกเปลี่ยน ไม่มีการประนีประนอมให้ผู้อ่อนแอ จะมีเพียงแต่การต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์เพื่อแย่งชิงและเอาชีวิตรอด ทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกเสมือนจริง  โดยใช้ภาพของอสูรกาย และสัตว์ร้ายแทนอุปสรรคดังกล่าว ธัญลักษณ์ เตชศรีสุธี เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ด้วยลายเส้นที่สนุกสนาน การจัดภาพและดำเนินเรื่องได้น่าตื่นเต้น มีความเป็นอิสระและสไตล์ของตัวเอง นำเสนอเรื่องราวมีเนื้อหาให้แนวคิดอย่างสร้างสรรค์ และได้มีการค้นคว้าความรู้ทางสากล เป็นการเพิ่มคุณค่าของหนังสือเล่มนี้ นับว่าเป็นหนังสือการ์ตูนที่น่าส่งเสริมและสนับสนุน ผู้เขียนยังได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการอยู่รอดและการต่อสู้ของอาชีพบรรณาธิการทั้งในโลกแห่งความเป็นจริงและโลกเสมือน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “การเดินทางของบรรณาธิการ” ของ ธัญลักษณ์ เตชศรีสุธี  ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

My Playlist

หนังสือเรื่อง “My Playlist” เป็นการผสมผสานงานร่วมกันของ ๒ ศิลปิน ๒ สาขา คือ มุนินฺ (มุนินทร์ สายประสาท) นักวาดการ์ตูน และแสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) นักร้องนักดนตรีเพลงป๊อป  โดยนำ ๕ เพลงรักของแสตมป์ จากเพลย์ลิสต์โปรดของเธอ มาขับลำนำเสียงเพลงผ่านการ์ตูนรัก ๕ เรื่อง ที่เธอบอกว่าทำให้                  เพลย์ลิสต์นี้มีความหมายยิ่งกว่าเดิม มุนินฺนำ ๕ เพลงรักของแสตมป์ คือ เพลง 1% , แอบดี, ความคิด, ครั้งสุดท้าย, เพลงที่นานมาแล้วไม่ได้ฟัง มาตีความใหม่ตามอารมณ์ซาบซึ้งของเธอเองว่า เป็นเพลงที่ร้องเบา ๆ คนเดียวเวลาเหงา เป็นเพลงที่อยู่เป็นเพื่อนตอนเราแอบรักเพื่อน เป็นเพลงที่อยู่ข้าง ๆ ตอนเราอกหัก เป็นเพลงที่กอดเราตอนที่สูญเสียใครในชีวิต มุนินฺ ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาเป็นลายเส้นการ์ตูนได้อย่างอ่อนหวาน มีสีสันแสงเงานุ่มนวล การจัดองค์ประกอบภาพ สัดส่วนตัวการ์ตูนที่สมส่วน เรียบง่าย ดูสบาย  และเป็นจุดเด่นพิเศษมาก คือ การนำ QR Code แต่ละเพลงมาให้ผู้อ่านสแกนแล้วฟังผ่านแอปพลิเคชัน Spotify ฟังคลอไปกับการดูภาพการ์ตูนแต่ละ                    เรื่องเป็นการเติมความสวยงามให้กับเสียงเพลง ทำให้ฟังเพลงเพราะและดูการ์ตูนได้ชีวิตชีวามากขึ้น นับว่าหนังสือเรื่อง “My Playlist” มีคุณค่าและมีความคิดสร้างสรรค์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “My Playlist” ของ มุนินฺ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด  ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

LOST & FOUND

“LOST & FOUND” เป็นหนังสือการ์ตูนที่ออกแบบแบ่งเนื้อหาและรูปเล่มออกเป็น ๒ เรื่อง เรื่องละครึ่งเล่ม   โดยมีปกหน้าทั้ง ๒ ด้าน เนื้อหาทั้ง ๒ เรื่องไม่สัมพันธ์กันแต่มีเส้นเรื่องเกี่ยวข้องกับทะเลเหมือนกัน   และตั้งชื่อ หนังสือให้ล้อกันว่า “LOST & FOUND”  เรื่อง “LOST” เป็นผลงานเขียนเรื่องและภาพโดย manasawii (มนัสวี โรจนพรรณ) เป็นผลงานเพื่อสำเร็จ   การศึกษาระดับปริญญาโท สาขา Visual Art : Illustration จากประเทศอังกฤษ เป็นการบันทึกความรู้สึกและ   ประสบการณ์ที่ได้กลับมาวาดการ์ตูนอีกครั้งของ manasawii โดยนําเสนอ เรื่อง “LOST” ผ่านตัวการ์ตูนเด็กสาวที่บอก   ว่าตัวเองเหน็ดเหนื่อยกับการใช้ชีวิตที่ไร้จุดหมาย ทั้งยังมีความกลัว ทําให้ชอบแอบซ่อนตัวอยู่ในโลกจินตนาการ  จนวันหนึ่งต้องตื่นจากภวังค์ด้วยการถูกน้ำทะเลกลืนกินทุกอย่างรอบตัวหายไปหมด เหลือเพียงเรือกระดาษ ทําให้เธอจมสู่ใต้ทะเลที่มีเมืองอันมืดมิด เธอร่วมกับตัวประหลาดขนปุกปุย และแมงกะพรุน ช่วยกันตามหานางเงือกที่หายไป  ทําให้เมืองใต้ทะเลกลับมามีแสงสว่างดังเดิม และช่วยให้เด็กสาวได้กลับสู่โลกของตัวเอง เรื่อง “FOUND” เป็นผลงานเขียนเรื่องและภาพโดย โฟล์ 19 (รณรงค์ พลบุตร)  และ พิม 04                     (ศุภัชฌา ประสพพรสุข)  บอกเรื่องราวของโลกซึ่งเชื่อมโยงระหว่างชีวิตกับทะเลและมหาสมุทร ที่มีความสดใสและ  ลึกลับ ผ่านตัวการ์ตูนเด็กชายชื่อโอเชี่ยน และเพื่อนสัตว์ประหลาดตัวเล็ก ชื่อมูฟี่ ทั้งคู่ออกตามหาพ่อของโอเชี่ยนที่เป็นนักชีววิทยาทางทะเลซึ่งหายตัวไป โอเชี่ยนออกตามหาโดยผจญภัยไปตามที่ต่าง ๆ มีเพื่อนเป็นชายสวม หน้ากากแก๊สชื่อดีน และชาวยิปซีทะเล คอยช่วยเหลือ โอเชี่ยนสามารถเข้าไปสู่ “โลกไร้ซึ่งกาลเวลา” จนสุดท้ายก็ช่วยพ่อจากกลุ่มโจรที่มากับเรือดําน้ำได้ หนังสือ “LOST & FOUND” ออกแบบรูปเล่มหนังสือได้โดดเด่นทันสมัย การวาดภาพที่สวยงาม มีความละเอียด ประณีต มีความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานเทคนิคภาพถ่าย และผู้วาดสามารถถ่ายทอดจินตนาการเป็นภาพและเรื่องราวที่สนุกสนานได้อย่างมีคุณค่าทางศิลปะ การจัดองค์ประกอบภาพที่เหมาะสมทําให้อ่านง่าย มีเนื้อหาที่สร้างความมั่นใจในตัวเอง จรรโลงสังคมให้ตระหนักรักธรรมชาติ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “LOST & FOUND” ของ manasawii และ 19.04  ได้รับรางวัลชนะเลิศ   รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

พิชิตโควิดด้วยจิตกวี

“พิชิตโควิดด้วยจิตกวี”  รวมงานร้อยกรองของ ด.ญ.รินรัก แซ่โค้ว ยุวกวีที่มีมานะมุ่งมั่นเรียงร้อยสร้อยอักษรอันงดงามออกมาเป็นงานประพันธ์ด้วยฉันทลักษณ์ กาพย์ยานี ๑๑ เนื้อหาสาระกล่าวถึงสภาพเหตุการณ์ ข่าวสาร ในช่วงที่ไวรัสโควิดกำลังระบาดหนักทั่วโลก  เป็นงานเขียนบริสุทธิ์ที่พรั่งพรูออกมาจากพัฒนาการทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญาของผู้เขียน  สำนวนภาษา  เรียบง่ายเหมาะสมกับวัย  เช่น “ไข้หวัดโคโรน่า  อยากบอกว่าน่ากลัวจัง  แค่หนูนั้นได้ฟัง  เป็นข่าวดังที่โหดร้าย”    “หน้ากากอนามัย  ฉันสงสัยเป็นนักหนา  ทำไมมีราคา แพงนักหนักหนาแพงเกินไป  หรือผ้าทำจากทอง  ฉันก็มองอย่างสงสัย  ดูแล้วก็ไม่ใช่ แล้วทำไมขายแพงจัง”    “หมอคือเทวดา  นางฟ้าคือพยาบาล พวกเราควรสงสาร  พยาบาลและคุณหมอ” พลังการเขียนด้วยใจรักงานวรรณศิลป์ของเด็กหญิงวัยแปดขวบที่กำลังมีพัฒนาการทั้งร่างกายและจิตใจ  เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง  นับเป็นการเริ่มต้นภาษากวีที่ซื่อใส รอวันบ่มเพาะประสบการณ์ต่อไป  ผู้เขียนตั้งใจเขียนตามความรู้สึกของตนได้อย่างมีลีลา  ความหมายแจ่มแจ้งชัดเจน  นับเป็นงานสร้างสรรค์ที่น่าชื่นชม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติมอบเกียรติบัตรรางวัลเสริมสร้างกำลังใจให้แก่ ด.ญ.รินรัก  แซ่โค้ว ผู้เขียน  “พิชิตโควิดด้วยจิตกวี” เพื่อสนับสนุน ให้กำลังใจแก่เยาวชนต้นแบบการสืบสานขนบวรรณศิลป์ของไทย

แผนแผ่นพ่างเมืองแมน

รวมบทร้อยกรอง “แผนแผ่นพ่างเมืองแมน” ของ ปรัชญา  พวงเพ็ชร นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์และรสชาติชีวิต โดยแบ่งเป็น ๔ ภาค ดังนี้ ปฐมภาค แผนแผ่นรักแห่งอักษรา กล่าวถึงการถวายความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระบรม          ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แรงบันดาลใจจาก “คุณยายนักเล่า”  ความศรัทธาในภาษาและบทกวี รวมทั้งบทกราบครูกลอนสุนทรภู่ ทุติยภาค ผืนแผ่นฟ้าแห่งความฝัน กล่าวถึงความฝันและ “ความอยากเป็น” ในรูปแบบต่าง ๆ ตติยภาค ร้อยรักสลักประพันธ์ กล่าวถึงความรักหลากหลายรูปแบบ ทั้งสมหวังและผิดหวัง รวมทั้งความรักต่อผู้มีพระคุณ จตุรภาค หยัดยืนยันโลกความจริง นำเสนอการเผชิญปัญหา อุปสรรคและการยอมรับความเป็นไปในโลก ด้านรูปแบบคำประพันธ์ ส่วนใหญ่ใช้กลอนสุภาพ นอกจากนี้ยังมีกลอนดอกสร้อยและสักวา กาพย์ยานีและโคลงสี่สุภาพ  ผู้เขียนแสดงถึงภูมิหลังการอ่านวรรณคดีโบราณ เช่น นิราศนรินทร์และนำมาประยุกต์ใช้ด้วยความหวังที่จะสืบสานกานท์กวี คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทร้อยกรอง “แผนแผ่นพ่างเมืองแมน”  ผลงานของ ปรัชญา  พวงเพ็ชร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียน          รุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

หมอกสางม่าน

รวมบทกวี “หมอกสางม่าน” ของ นนทพัทธ์  หิรัญเรือง ประกอบด้วยบทกวี ๑๗ บท ใช้คำประพันธ์ประเภทโคลงและกลอน รวมทั้งกลอนเพลงพื้นบ้าน นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งความรุนแรงทางร่างกายและวาจาระหว่างพ่อแม่กับลูก  ปัญหาครอบครัวแตกแยกที่ทำให้ปู่ย่าตายายกลายเป็นผู้ทำหน้าที่เลี้ยงดู  ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการศึกษา และปัญหาความขัดแย้งทางความคิดในสังคมไทย ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาเป็นสองภาค “ภาคแรก ข้างในหมอก” กล่าวถึงปัญหาที่แฝงเร้นในครอบครัว โรงเรียนและสังคมเปรียบเสมือนม่านหมอกที่ปิดบังปัญหาที่แฝงเร้น ส่วน “ภาคหลัง ข้างนอกม่าน” เมื่อม่านหมอกจางไป ปัญหาก็ปรากฏเด่นชัดและคลี่คลาย  ทุกคนจึงควร “สางม่านหมอก” แห่งปัญหาเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หมอกสางม่าน” ผลงานของ นนทพัทธ์  หิรัญเรือง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

เพลงรักจากตักแม่

“เพลงรักจากตักแม่” กวีนิพนธ์ ของ วัชระ บุญทานัง เป็นผลงานที่มุ่งเน้นให้เห็นถึงความรัก ความผูกพัน ที่ “ลูก” มีต่อ “แม่” อย่างลึกซึ้ง โดยกล่าวถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ที่มีต่อแม่ในแง่มุมต่าง ๆ ผ่านรูปแบบของครอบครัวที่หลากหลาย ผู้เขียนสามารถใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม มีชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ไม่น้อย หลายบทมีสำนวนกินใจ หลายวรรคก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ กระทบใจได้เป็น            อย่างดี “แม่ทำทุกเรื่องราวเกินกล่าวอ้าง    เป็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างยิ่งใหญ่           แม้แม่ถูกกำหนดบทบาทใด                  แต่หัวใจยังเป็นแม่อย่างแท้จริง” เนื้อหา “เพลงรักจากตักแม่” ครอบคลุมและสอดคล้องกับชื่อปกที่กำหนดแนวคิดสำคัญของเล่มไว้ จึงทำให้เกิดเอกภาพในด้านเนื้อหา ท่ามกลางความหลากหลายของฉันทลักษณ์และอารมณ์ของเรื่องที่นำมาร้อยเรียง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “เพลงรักจากตักแม่” ผลงานของ วัชระ บุญทานัง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

สถานกาลบังคับ

“สถานกาลบังคับ” ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี เป็นรวมบทกวีที่สะท้อนภาพชีวิตของผู้คนและสรรพสิ่งบนโลกควบคู่ขนานไปกับกาลเวลา เหตุการณ์ความเป็นไปของผู้คน ถูกบีบรัดด้วยกาลเวลา  ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม มองเห็นเป็นความสุข ความเศร้า ความทรงจำ และความดีงาม แม้สุดท้ายในความเป็นปัจเจกบุคคลจะจบลงด้วยการจากลาทุกอย่าง มิได้โอบกอดสิ่งใดเอาไว้ แต่ผลงาน การกระทำ อันเป็นคุณแก่โลกเท่านั้นที่จะยังปรากฏอยู่ในท่ามกลางวันเวลาที่ดำเนินต่อไป ผลงานชุดนี้ แบ่งออกเป็น ๒ ภาคส่วน คือส่วนที่เป็นตัวตนของข้าพเจ้า “ภาค ๑ ข้าพเจ้าในห้วงการณ์-เวลา” กับส่วนที่สัมพันธ์กับสังคม  “ภาค ๒ กาลเวลาต่างดุ่มเดินไปยังสังคม” ทั้ง ๒ ภาค เป็นภาพการมองโลกจากตัวตนของข้าพเจ้า แสดงให้เห็นว่าชีวิตของคนยังผูกพันกับคติความเชื่อ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง และความฝันเพื่อหาทางออกให้กับชีวิต ซึ่งกาลเวลาผ่านไปทุกขณะเป็นพลังบังคับให้เดินหน้าไปสู่ความปรารถนานั้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “สถานกาลบังคับ” ของ ณรงค์ชัย แสงอัคคี ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

ฮ่วงเฮ้า

กวีนิพนธ์เรื่อง “ฮ่วงเฮ้า” ผู้ประพันธ์เรียกผลงานชุดนี้ว่าเป็น “คันธชาตินิพนธ์ภาษาไทยถิ่นอีสาน” ของ คำเมือง ราวะรินทร์ เป็นรวมบทกวีที่ประพันธ์ด้วยภาษาไทยถิ่นอีสาน ตามขนบวรรณศิลป์ดั้งเดิมของวัฒนธรรมไทยอีสาน นำเสนอภาพวิถีชีวิต ประเพณีและวัฒนธรรมของชาวไทยพื้นถิ่นที่ผูกพันกับธรรมชาติ ด้วยลีลาทางวรรณศิลป์ โดยนำคำต่าง ๆ มาเรียงร้อยตามลำดับอักษร พร้อมอธิบายศัพท์อย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังจดจารกวีนิพนธ์นี้ด้วยอักษรธรรมแบบอีสาน  ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิต พร้อม ๆ ไปกับการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาถิ่น  ฉันทลักษณ์โบราณที่นับวันจะถูกลืมและสูญหายไป  จึงกล่าวได้ว่าผู้ประพันธ์มีความวิริยะอุตสาหะและปณิธานแรงกล้าในการสืบสานมรดกวัฒนธรรมทางหนังสือที่กำลังจะสูญหายไป คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติมอบรางวัลเสริมสร้างกำลังใจให้ คำเมือง ราวะรินทร์ ผู้ประพันธ์   “ฮ่วงเฮ้า” เพื่อสนับสนุน ให้กำลังใจและยกย่องชมเชยความวิริยะอุตสาหะในการสืบสานภาษาและขนบ วรรณศิลป์พื้นถิ่นของไทย

หัวใจป่า

หนังสือกวีนิพนธ์ “หัวใจป่า”  ของ พล พิมพ์โพธิ์ เป็นผลงานรวมบทกวีนิพนธ์ใช้คำประพันธ์ ประเภทกลอนสุภาพเป็นหลัก มีกาพย์ยานีแทรกเล็กน้อย แบ่งเป็น ๓ ตอนด้วยกัน คือ ตอนที่ ๑  ป่าไม้ ประกอบด้วยผลงาน ๑๔ สำนวน พูดถึงเรื่องราวธรรมชาติของแมกไม้มวลดิน  น้ำและป่า สวนดอกไม้ ชีวิตสัมพันธ์ของบ้าน คน และป่าไม้ “คนอยู่อิงอาศัยเพราะได้ป่า  สัตว์นานาก็พึ่งพิงอิงอาศัย  ป่าคือบ้านทุกชีวิตทุกจิตใจ หมู่บ้านใหญ่รวมร่วมผูกพัน ใครอยู่ป่าคือเจ้าถิ่นดินแดนป่า ต้องพิทักษ์ต้องรักษาต้องสร้างสรรค์ เสือไก่หมีชะนีค่างไม่ต่างกัน คือเจ้าบ้านทั้งนั้นของป่านี้” สำนวนโวหารเรียบง่าย ไพเราะงดงาม ตอนที่ ๒ ป่าเมืองประกอบด้วยผลงาน  ๙ สำนวน  กล่าวถึงชีวิตที่สัมพันธ์อยู่ในชุมชนเมือง “หากจะลองไถ่ถามสนามหญ้า  จะแบ่งมาก็ไม่เหลือสักเนื้อที่  ข้อจำกัดข้อเก่าที่เรามี จึงถูกตีกรอบกฎกำหนดชัด  แต่ในกรอบขอบคั่นอันคับแคบ  ดูเหมือนแทบย่ำแย่เพราะแออัด  กำแพงรั้วหลังโรงเรียนติดรั้ววัด   ยังพอจัดพื้นที่สีเขียวเติม”  ฉันทลักษณ์ถูกต้องตามกฎเกณฑ์  เนื้อหาสาระเหมาะสมกลมกลืน  การใช้ถ้อยคำได้อรรถรสชัดเจน มีบทเด่น เช่น เงินทองของแม่  อาณาจักรแห่งลมหายใจ  เป็นต้น ตอนที่ ๓ ป่าใจ  ประกอบด้วยผลงาน ๑๕ สำนวน เป็นการบอกเล่าจิตสำนึกภายในของกวี “ปลูกต้นจิตสำนึกให้ลึกสุด   เริ่มต้นที่จิตมนุษย์ใช่ใครอื่น  เพื่อให้พอต่อหวังอย่างยั่งยืน  ก่อนขมขื่นเกาะกินแผ่นดินใจ  เอาน้ำใจน้ำรินแผ่นดินชุ่ม ความอาทรปกคลุมต้นกล้าใหม่  รานเหยียดหยัดต้นทะยานแผ่   ก้านใบ  แย้มดอกไม้ช่อผลบนลานรัก”  มีอีกหลายบทกลอนที่อ่านแล้วทำให้รู้สึกได้ว่า “โลกเรานั้นมีสีทอง  คืออาทิตย์ฉายส่องจากห้องสวรรค์  ปลุกชีวิตให้ฟื้นตื่นชีวัน  จุดไฟฝันทอประกายสายลมบน” สามารถใช้รสคำรสความได้อย่างเหมาะสมพอสมควร คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หัวใจป่า” ผลงานของ พล  พิมพ์โพธิ์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทกวีนิพนธ์  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔  

เรื่องจริงจริง ในโลกลวงลวง

รวมบทกวี “เรื่องจริงจริง ในโลกลวงลวง” ของ วรภ วรภา เป็นรวมบทกวีที่มีเนื้อหาหลากหลาย จัดแบ่งเป็น ๒ กลุ่ม คือ “ในฤดูผลิบาน” และ “ผู้คนบนเฟซบุ๊ก” บทกวีในกลุ่ม “ในฤดูผลิบาน” นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้คนในสังคมที่ต้องต่อสู้ชีวิตในบริบทและท่วงทำนองที่หลากหลายแตกต่าง ผ่านทั้งช่วงเวลาผลิบานและอุปสรรคปัญหาที่ต้องเผชิญ ประหนึ่งเป็น “นักรบชีวิต”  บทกวีมีทั้งขนาดสั้นและบทกวีชุดซึ่งเป็นเรื่องเล่าขนาดยาวของชีวิตในช่วงเติบโตและพลิกผัน เช่น บทกวีชุด “พราวพริ้งแห่งหญิงสาว” และชุด “ตรุษ” ซึ่งแสดงความยึดมั่นในประเพณีแม้ต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ  ภาพชีวิตหลากหลายมิติทั้งในครอบครัว สังคมไทยและสังคมโลกทำให้บทกวีมีความหลากหลายทางอารมณ์ทั้งสดใสในวัยดรุณ  เข้มข้นในยามวิกฤต รวมทั้งชั้นเชิงกลอนและการเล่นคำ เช่นเรื่องเล่าในครอบครัวชุด “สามีปฏิวัติ” นำเสนอด้วยท่วงทำนองสนุกสนาน สร้างอารมณ์ขัน โดยใช้วลีและถ้อยคำร่วมสมัย เรื่องเล่าเหตุการณ์ในสังคมภาคใต้ ในชุด “บันทึกถึงเทพา” และสถานการณ์ความขัดแย้งในโลก ในชุด “ยังอาเพศนะปาเลสไตน์” เป็นต้น บทกวีในกลุ่ม “ผู้คนในเฟซบุ๊ก” นำเสนอชีวิตของผู้คนในสังคมโลกเสมือนที่ทั้งให้ภาพความเป็นไปและวิพากษ์ความหมายในเบื้องลึกของตัวตนผู้คนในโลกออนไลน์  ลีลากลอนล้อเล่นกับภาษาที่ใช้คมคาย สนุกสนาน ลักษณะเด่นของบทกวีของ วรภ วรภา คือการผสานขนบวรรณศิลป์แบบเดิมกับความเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล ทั้งภาษา และการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยให้ความหมายระดับลึกของปรากฏการณ์เหล่านั้น แม้ตระหนักว่าชีวิตล้วนมีอุปสรรคและปัญหาแต่ก็ยังคงมีความหวังและกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไป เพียงเจ้ารู้พอใจในจุดหนึ่ง                    เพียงเจ้าซึ้งสมดุลแห่งคุณค่า เพียงเจ้าเห็นแจ้งชัดในปรัชญา           ใดหมายว่าพอเพียง…ก็เพียงพอ “เพียงเจ้ารู้พอเพียง-ก็เพียงพอ” คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี “เรื่องจริงจริงในโลกลวงลวง” ของ วรภ  วรภา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔

ประเทศในเขาวงกต

กวีนิพนธ์ชุด “ประเทศในเขาวงกต” ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ แบ่งเนื้อหาเป็น ๔ ภาค ภาคแรก :ฟ้าค่ำนี้อาจสีเศร้า ภาคสอง : บนบรรทัดประวัติศาสตร์ ภาคสาม : ประวัติศาสตร์กำลังเดินทาง ภาคสี่ : ขอบฟ้าอนาคต  ภาพรวมว่าด้วยสังคม การเมือง เหตุการณ์ความรุนแรง ปัญหาความขัดแย้งทางความคิด ความเชื่อ ปัญหาเหลื่อมล้ำ ฯลฯ ลักษณะเด่นอยู่ที่ความหนักแน่น เข้มข้นในเนื้อหาสาระ ใช้คำเท่าที่จำเป็น ทุกคำจึงมีความหมาย ทั้งที่ใช้คำธรรมดาสามัญ แต่เมื่อใช้อย่างถูกกาลเทศะ ทำให้ลงตัวงดงาม ทรงพลัง และเนื่องจากรวมบทกวีเล่มนี้ไม่เคร่งครัดฉันทลักษณ์  กวีอาศัยความจัดเจนทางภาษา จังหวะจะโคน จึงเห็นความโดดเด่นด้านชั้นเชิงวรรณศิลป์แจ่มชัด ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของ “ประเทศในเขาวงกต” คือความคิดที่แหลมคม อาจเรียกได้ว่าคมคำ คมความคิด และสำคัญสุด วรรณกรรมเล่มนี้มิใช่แค่รายงานสถานการณ์ หรือมิเพียงสะท้อนว่าทุกองคาพยพของประเทศกำลังตกอยู่ในเขาวงกต กวีได้พยายามเสนอทางออก ชี้ประวัติศาสตร์ให้ทบทวนบทเรียนเพื่อก้าวสู่เส้นทางใหม่ ๆ หลายช่วงฉายภาพและตอกย้ำให้เห็นปัญหา แล้วเปิดปลายให้ผู้อ่านนำไปขบคิดต่อ ขณะที่หลายชิ้นงานตั้งคำถามต่อสังคมแบบคมคายเป็นการกระตุกกระตุ้นให้ตื่นจากวังวนเดิม ๆ เป็นที่น่าสังเกตว่า ผลงานภายในเล่มหลายสำนวน เขียนขึ้นตามวาระต่าง ๆ แต่มีนัยกว้างออกไป ไม่จำกัดเฉพาะวาระพิเศษนั้น ๆ นี่คือเสน่ห์ และถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของพัฒนาการด้านกวีนิพนธ์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมบทกวี “ประเทศในเขาวงกต” ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔