เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 13
Flowers Hunter
FLOWERS HUNTER ฝีมือการวาดภาพพอใช้ การลำดับภาพดูสับสน เนื้อเรื่องดีมีจินตนาการสมวัย โครงเรื่องสร้างสรรค์ได้ลึก เล่าถึงนักเก็บดอกไม้ไปเก็บดอกไม้ซึ่งมีทั้งดอกไม้สดใส และดอกไม้มืดมน เพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นอาภรณ์วิเศษที่เนินเขาเวทมนตร์ อาภรณ์วิเศษจะสวยงามหรือหมองหม่นไม่ได้ขึ้นกับดอกไม้สดใสหรือมืดมน แต่ขึ้นอยู่กับความคิดที่มีต่อดอกไม้ เรื่องให้แง่คิดว่า “จงยอมรับความมืดมน แต่อย่ายอมแพ้” จงเปลี่ยนความมืดมนในตัวให้กลายเป็นความเข้มแข็ง ดังนั้น FLOWERS HUNTER ของ ปัทมพร ชัยศุภกิจสินธ์ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดนิยายภาพ (การ์ตูน) ประจำปีพุทธศักราช 2559
MY TIME
MY TIME ฝีมือการวาดพอใช้ได้ มีการจัดองค์ประกอบภาพที่ดูสะอาดตา ลำดับภาพได้อย่างน่าตื่นเต้นสนใจ การเขียนบทเนื้อหาได้กระชับ วางโครงเรื่องง่าย ๆ เด็กคนหนึ่งที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเพราะพ่อเสียชีวิต วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเกิดรถชนสลบทั้งคู่ เด็กรู้สึกตัวก่อน พร้อมกับความทรงจำอดีตที่ผ่านมาปรากฏเป็นลำดับ เป็นความรักของแม่อันยิ่งใหญ่ และความดื้อรั้นตามวัยของตัวเอง กระทั่งสุดท้ายด้วยความโกรธของตัวเองทำให้แม่และตนเองถูกรถยนต์ชน เด็กสำนึกผิดขณะแม่สูญเสียความทรงจำ โครงเรื่องและเป้าหมายของเรื่องสร้างความสะเทือนอารมณ์ได้พอสมควร เขียนบทกระชับ ดังนั้น MY TIME ของ อรณิชา ชัยสิงหาญ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดนิยายภาพ (การ์ตูน) ประจำปีพุทธศักราช 2559
เรื่องเล่าของเพื่อนร่วมโลก
เรื่องเล่าของเพื่อนร่วมโลก เป็นเรื่องที่ผู้เขียนถ่ายทอดด้วยความรู้สึกเข้าถึงอารมณ์ของสัตว์ และความมีชีวิตจิตใจของสัตว์ ที่ล้วนดำรงชีวิตอยู่ตามสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เรื่องเล่าของเพื่อนร่วมโลกทั้ง 3 เรื่อง แสดงให้เห็นถึงความใสซื่อของสัตว์โลก โดยเฉพาะ “เรื่องเล่าของยูโร” ค่อนข้างโดดเด่น เนื้อหาสนุกสนาน มีเสน่ห์ ชวนติดตาม ทั้งแฝงข้อคิดให้มนุษย์เมตตาและไม่เบียดเบียนสัตว์ให้ต้องทุกข์ทรมาน “ยูโร” เป็นลูกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ ที่มุดรั้วหนีไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน จึงได้พบและผูกพันกับเจ้าดำสุนัขจรจัดในซอย และเมื่อยูโรถูกสุนัขเจ้าถิ่นกลุ้มรุมทำร้าย เจ้าดำซึ่งปกติเป็นสุนัขขี้ขลาดกลับเข้าช่วยปกป้องจนถูกกัดเป็นแผลฉกรรจ์ ยิ่งทำให้ทั้งสองรักใคร่ผูกพันกันยิ่งขึ้น ครั้นเจ้าดำห่างหายไปหลายวัน ยูโรก็ออกตามหาจนถูกแก๊งขโมยสุนัขจับตัวเอาไว้ด้วย สุนัขกว่า 50 ตัวที่ถูกกักขังต่างทนทุกข์ทรมาน กว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ บาดแผลแห่งความหวาดกลัวก็ถูกประทับไว้จนยากที่จะลบเลือน เรื่องเล่าของเพื่อนร่วมโลก ให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ อ่านแล้วทำให้ตระหนักถึงคุณค่าของสัตว์ร่วมโลกที่ควรได้รับความเมตตาธรรม และพึงได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมจากมนุษย์ผู้เจริญกว่า ผลงานเรื่องนี้จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2559
ชราทารก
ชราทารก เป็นรวมเรื่องสั้นจำนวน 10 เรื่อง สะท้อนปัญหาผู้สูงอายุที่ขาดความอบอุ่น ความรุนแรงในครอบครัว ความยากลำบากในทำมาหากิน และการถูกเอารัดเอาเปรียบในสังคม ผู้เขียนนำเสนอในแง่มุมที่หลากหลาย เช่น “เรื่องชราทารก” และ “เรื่องลูกรัก” กล่าวถึงผู้สูงอายุที่ขาดความอบอุ่นและลูกหลานไม่เข้าใจ ไม่ดูแล ทำให้ต้องอยู่โดยลำพัง มีจุดเด่นที่สะท้อนภาพของผู้สูงอายุในยุคปัจจุบันได้ดี สื่อถึงความตั้งใจที่จะให้ผู้คนรู้จักและเข้าใจผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น ชราทารก ของ อธิวัฒน์ พงษ์สุระ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2559
ลมหายใจในสัญญะ
ลมหายใจในสัญญะ เป็นผลงานรวมบทกวีของ ภูวนาท เรืองฤทธิ์ ที่ใช้รูปแบบฉันทลักษณ์ประเภทกลอนแปดทั้งชุดเช่นเดียวกัน โดยผู้เขียนได้จัดแบ่งหมวดหมู่ไว้ 3 ภาค คือ “1. เธอคือลมหายใจ 2. ลมหายใจของชายขอบ และ 3. ลมหายใจในรอยทาง” ด้านเนื้อหาค่อนข้างหลากหลาย เป็นเรื่องราวที่เรารับรู้หรือพบเห็นกันอยู่ ซึ่งผู้เขียนสะท้อนปัญหาให้ผู้อ่านได้ตระหนักคิด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสังคม (คุณภาพชีวิต) การเมือง รวมถึงสถานการณ์รุนแรงใน 3 จังหวัดชายภาคใต้ นอกจากนี้ยังพูดถึงวัฒนธรรม ท้องถิ่น-พื้นบ้านได้อย่างมีเสน่ห์ ทั้งในแง่ของคุณค่า โหยหา และใจหายกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน ส่วนรูปแบบที่นำมาใช้ในการเล่าเรื่อง แม้ว่าจะอ่อนด้อยในเชิงฉันทลักษณ์อยู่บ้าง แต่เนื้อหาค่อนข้างหนักแน่นและมีพลัง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ ลมหายใจในสัญญะ ของภูวนาถ เรืองฤทธิ์ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2559
ไปโรงเรียน
ไปโรงเรียน ของ รังสิมันต์ จุลหริก เป็นผลงานกวีนิพนธ์นำเสนอในรูปแบบกลอนแปดที่ยึด ขนบค่อนข้างเคร่งครัด และมีความแม่นยำในเชิงฉันทลักษณ์พอสมควร ลักษณะเด่นของผลงานชุดนี้ คือผู้เขียนตั้งใจให้มีความเป็นเอกภาพทั้งรูปแบบเนื้อหา แม้แต่การวางลำดับชื่อเรื่องในแต่ละเรื่องก็จงใจเรียง เช่น เริ่มเปิดเรื่อง (เปิดหนังสือ) ด้วยบท เรื่องที่ 1 “รวมกันเป็น 1 : รั้ว ความรัก และนักเรียน” เรื่องที่ 2 “ชู 2 นิ้ว : ตัวแทนถ้อยคำ” เรื่องที่ 3 “ปราการทั้ง 3 ความฝัน ความลวง ความจริง : ผู้ค้นพบในความสงบนิ่ง” เป็นต้น ด้านเนื้อหา เป็นการเล่าผ่านความรู้สึก ความคิด มุมมองของเด็กนักเรียน ด้วยสำนวนภาษาที่งดงาม ปลุกปลอบใจ ทำให้ผู้อ่านเกิดแรงบันดาลใจสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ แก่ตนเองและสังคม ดังนั้น ผลงานชุดนี้เหมาะสำหรับเด็กและเยาวชน ดังนั้น รวมบทกวีไปโรงเรียน ของ รังสิมันต์ จุลหริก จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2559
สะกดรอยสินไซ
สะกดรอยสินไช เป็นงานสารคดีเต็มรูปแบบ เล่าเรื่องราวของวรรณกรรมสินไซ อันเป็นวรรณคดีท้องถิ่นประจำภาคอีสานของไทย และของท้องถิ่นอุษาคเนย์ เสน่ห์ของผลงานชิ้นนี้อยู่ที่การเล่าเรื่อง ผู้เขียนพาเราก้าวสู่วรรณกรรมสินไซด้วยวิธีการของนักสืบวรรณกรรม คือสืบค้นด้วยตัวผู้เขียนเอง ประกอบเข้ากับภาษาราบรื่นเรียบง่าย แต่ครบรสชาติ ให้ทั้งความรู้และความสนุกจากการเดินทาง นับเป็นสารคดีที่พร้อมทั้งเนื้อหาสาระและกลวิธี
ไม่มีขาใช่ว่าไม่มีลมหายใจ
ไม่มีขาใช่ว่าไม่มีลมหายใจ เป็นสารคดีที่มีความสละสลวยของภาษาที่ใช้ ดำเนินเรื่องอย่างต่อเนื่องราบรื่น นำเสนอชีวิตของคนที่น่าจะสิ้นหวังแต่ไม่สิ้นหวัง ทั้งยังมีความลุ่มลึกให้กำลังใจแก่ผู้อ่านที่อาจรู้สึกว่าชีวิตด้อยโอกาส โดยมีลีลาภาษาเขียนที่สวยงาม ราบรื่นเพลิดเพลิน และสะเทือนใจ
BON VOYAGE! บนเส้นทางข้าแผ่นดิน
Bon Voyage! บนเส้นทางข้าแผ่นดิน บันทึกเรื่องราวชีวิตข้าราชการสองคนที่เป็นพ่อและลูก โดยลูกเป็นผู้เล่าเรื่อง สะท้อนให้เห็นการปฏิบัติงานราชการอย่างซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ สะท้อนชีวิตข้าราชการในอดีต ผู้เขียนได้เห็นภาพ มีรายละเอียดของยุคสมัย เห็นสัมพันธภาพของคนในครอบครัวอันอบอุ่นและงดงามผ่านกลวิธีทางวรรณศิลป์ที่ทำให้เรื่องมีรสชาติ มอบบทเรียนสำคัญให้ผู้อ่านว่าด้วยความสุจริตที่รอบคอบ กล้าหาญ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เป็นแบบอย่างให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก
MOSTLY CLOUDY มีเมฆเป็นส่วนมาก นำเสนอประเด็นแปลกใหม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในโลกแห่งอนาคต ทั้งวิเคราะห์และวิพากษ์เทคโนโลยี รวมถึงผูกโยงให้เห็นว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่มีความสัมพันธ์กับสังคมและวัฒนธรรมอย่างไร แม้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะสลับซับซ้อนและปรับเปลี่ยนเร็วมาก แต่ผู้เขียนจับประเด็นได้ดีและมีจินตนาการเฉียบคมในการเล็งเห็นถึงผลกระทบต่อชีวิตและสังคมมนุษย์ทั่วโลก เป็นหนังสือที่ให้ความรู้ สะท้อนความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แสดงถึงความแตกต่างระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริง เป็นตัวแทนวิธีคิดและการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ มีลีลาการเขียนที่สนุก เร้าใจ และชวนติดตาม จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
มหาวิทยาลัยบนคันนา ชาวนาอัจฉริยะ 1 ไร่ 1 แสน
มหาวิทยาลัยบนคันนา ชาวนาอัจฉริยะ 1 ไร่ 1 แสน เป็นเรื่องเล่าจากชีวิตจริงที่หลากหลายด้วยภาษาที่เรียบง่าย ถ่ายทอดหลักการและแนวทางขององค์ความรู้เกษตรสรรพสิ่ง 1 ไร่ 1 แสน อันเป็นนวัตกรรมการเกษตรอินทรีย์แห่งยุคสมัย โดยนำเสนอแนวคิดใหม่ในการเกษตรที่อิงแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำการเกษตรให้คนรุ่นใหม่ตระหนักว่าวิชาชีพเกษตรกรเป็นวิชาชีพที่มีเกียรติ และสามารถสร้างฐานะอันพออยู่พอกินได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมหรือเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ผู้เขียนยังมองทะลุไปถึงบริบททางสังคม ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และความไม่สมดุลกันระหว่างชนบทกับเมือง ให้ความรู้ที่มีคุณค่า เหมาะกับความต้องการของสังคมไทย คือการปลูกข้าวให้มีคุณภาพสูงสุด ประหยัด และรักษาสิ่งแวดล้อมให้มีคุณค่า คือดินอุดม น้ำสะอาด อากาศบริสุทธิ์และทัศนียภาพสวยงาม ให้ความสำคัญกับหลักการปลูกข้าวที่ประณีต ใส่ใจ ตั้งใจ และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ โดยใช้วรรณศิลป์นำเสนอแนวคิดให้เข้าใจได้กระจ่างแจ้ง เพลิดเพลิน มีเทคนิคการนำเสนอหลายรูปแบบ จึงอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน มีตัวอย่างประกอบอย่างสมเหตุสมผลและเหมาะกับการดำเนินเรื่อง เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ
WHEN I WAS THERE หน้าพระลานไม่นานนี้
When I was there : หน้าพระลานไม่นานนี้ เป็นงานเขียนแนวปกิณกะ เล่าเรื่องด้วยภาพสีน้ำสวยงาม ประกอบคำบรรยาย กล่าวถึงสถานที่ อาคาร ร้านค้า ตลอดจนผู้คนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยศิลปากร ครอบคลุมบริเวณหน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ข้ามฟากไปถึงฝั่งวังหลัง เลือกจุดที่น่าสนใจจากมุมมองที่หลากหลายและจากความทรงจำของผู้เขียนสมัยเป็นนักศึกษามัณฑนศิลป์ ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักสถานที่บรรยากาศ และชีวิตของคนบริเวณนั้นในอดีต ในแง่มุมที่น่าสนใจ และชวนติดตาม
เมื่อเกรียนไปเรียนธรรม
เมื่อเกรียนไปเรียนธรรม เป็นงานประพันธ์แนวอัตชีวประวัติ สะท้อนชีวิตที่ผกผันของวัยรุ่น นักศึกษาศิลปะ จาก “เด็กแนว เด็กติสต์ เด็กเกรียน” ผู้มีมุมมอง อุดมการณ์ และความมุ่งหวังจะแสวงหาตัวตนที่แท้จริง มาสู่สมณเพศด้วยการบวช ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาธรรมะสำหรับใช้ดำเนินชีวิตหลังเรียนจบ ทำงาน และสร้างครอบครัว โดยหวังจะกลับมาบวชอีกครั้งหลังผ่านชีวิตแบบฆราวาสแล้ว แต่เมื่อได้สัมผัสธรรมะและตระหนักถึงความจริงของชีวิตที่มีเวลาจำกัด จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตมุ่งสู่ทางธรรมะตราบจนปัจจุบัน หนังสือเรื่องนี้แม้จะมิใช่บันเทิงคดี แต่ดำเนินเรื่องชวนติดตามแบบการสนทนา เนื้อหามีสาระและแทรกคติธรรมไว้อย่างเหมาะสม สำนวนภาษาสละสลวย มีอารมณ์ขัน จึงเหมาะสมและมีคุณค่าสำหรับเยาวชนวัยรุ่นในช่วงวัยที่มีความสับสนในชีวิต ได้แนวคิดและการปฏิบัติเพื่อรู้จักตนเอง ขจัดความทุกข์และมีความสุขอย่างร่มเย็น
ความทรงจำอยู่ที่ไหน ความคิดถึงอยู่ที่นั่น
ความทรงจำอยู่ที่ไหน ความคิดถึงอยู่ที่นั่น เป็นเรื่องที่หลานชายเล่าถึง “อี๊” ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโตในตึกแถวย่านเยาวราช เมื่อหลานมองย้อนกลับไปได้เห็นความรักความเอาใจใส่ที่ได้รับ แม้อี๊ไม่ได้เรียนหนังสือแต่เห็นคุณค่าของการศึกษา จึงทุ่มเทให้หลานชายได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ซื้อหนังสือราคาแพงให้หลาน ส่วนอี๊ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับการทำงาน และไปเที่ยวไหว้พระทำบุญกับเพื่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเล่าเรื่องทำให้เห็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ยึดมั่นความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าทำให้ชีวิตดีขึ้น สะท้อนให้เห็นการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและความคิดของคนต่างวัย กลวิธีการเขียนใช้ภาษาเรียบง่าย สละสลวย บทสนทนาเป็นธรรมชาติ ตัวละครมีความชัดเจนสมจริง จึงเป็นหนังสือดีมีคุณค่า สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
ห้องเรียนไม่มีฝา
ห้องเรียนไม่มีฝา นำเสนอชีวิต ความเป็นอยู่และการศึกษาของสามเณร โดยเฉพาะการศึกษาวิชาบาลี ผ่านเรื่องราวชีวิตของ ‘มูเล’ เด็กชายชาวใต้ บุตรเจ้าของค่ายมวย ผู้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตตนเองและความมุ่งหวังของบิดาจากสายการต่อสู้บนผืนผ้าใบมาสู่เส้นทางสายพุทธศาสนา ด้วยการสนับสนุนและชี้นำของ ‘หลวงลุง’ เจ้าอาวาสวัดประจำหมู่บ้านผู้เป็นที่เคารพอย่างสูงในท้องถิ่น ‘สามเณรมูเล’ ได้ไปศึกษาวิชาบาลี ณ วัดป่าแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข หลังสำเร็จการศึกษาสอบผ่านเปรียญธรรมประโยค 1-2 ‘สามเณรมูเล’ ได้กลับถิ่นกำเนิดเพื่อนำประกาศนียบัตรไปถวายให้ ‘หลวงลุง’ ผู้มีพระคุณและพบหน้าบิดามารดา ผู้มีความปีติในความสำเร็จและก้าวหน้าทางธรรมะของบุตร ในทำนองเดียวกับที่ ‘สามเณรมูเล’ มีความสุขและภาคภูมิใจ ที่ได้บวชและศึกษาธรรมะแผนกบาลี ทำให้ผู้มีพระคุณมีความสุข ซึ่งเชื่อกันว่าตัวเองก็ได้บุญ พ่อแม่ก็ได้บุญ การนำเสนอเนื้อหาได้แบ่งเป็นตอนสั้น ๆ เริ่มต้นอย่างชวนอ่านและจบอย่างน่าติดตาม ตัวละครมีความสมจริง เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา สอดแทรกสาระและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องอย่างเหมาะสมและแนบเนียน ผ่านการบรรยายและบทสนทนา มีการเปรียบเทียบคมคายเห็นภาพพจน์ การบรรยายเรื่องเรียบง่าย สละสลวย ชัดเจน เรื่องราวเกี่ยวกับพระและเณร เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะผู้บวชเรียน หนังสือเรื่อง ห้องเรียนไม่มีฝา จึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทอดโดยผู้มีประสบการณ์ตรงและมีความสามารถทางภาษาอย่างดียิ่ง หนังสือเรื่องนี้จึงเปี่ยมด้วยสาระและบันเทิงที่บริสุทธิ์ ทำให้ผู้อ่านเบิกบานและสุขใจ จึงเป็นหนังสือดีมีคุณค่า สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ลูกชายแดน
ลูกชายแดน เป็นหนังสือที่สะท้อนให้เห็นถึงความทุกข์ยากของคนที่อยู่ชายแดน แม้ผู้เขียนจะนำเสนอในรูปแบบของบันเทิงคดี แต่เป็นความจริงของชีวิตที่ทำให้ผู้อ่านได้รู้ถึงวิถีชีวิตของคนไทย ยามได้รับผลกระทบจากสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เขียนเสมือนตัวละครเอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจากภัยสงคราม ครอบครัว ญาติพี่น้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก พ่อกับแม่ที่เป็นชาวนาต้องดิ้นรนทำมาหากิน ซึ่งผู้เขียนได้ให้รายละเอียดจากชีวิตจริงและประสบการณ์ในการทำนา มาถ่ายทอดได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ ผู้เขียนยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาว่าจะช่วยให้พ้นจากความยากจน ทั้งเป็นโอกาสที่จะพ้นจากภัยสงคราม โดยสอดแทรกไว้ในกลวิธีนำเสนออย่างแนบเนียน สงครามในกัมพูชาจบลงแล้ว แต่อดีตยังฝังใจผู้เขียน ซึ่งได้รับผลกระทบจากระเบิดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รอยบาดแผลยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ ผู้เขียนได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวให้เราอ่านอย่างชวนติดตาม โดยดำเนินเรื่องสลับเหตุการณ์ สภาพสงคราม การทำมาหากินโดยเฉพาะการทำนา ชีวิตในวัยเด็ก โรงเรียนและบุคคลในหมู่บ้านที่ผู้เขียนรู้จัก และนำเสนอตัวละครอย่างเด่นชัดเป็นตอน ๆ ไป หนังสือเรื่อง ลูกชายแดน ของ เชาวลิต ขันคำ จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน
YOUNG & WILD
เรื่องเล่าทั้ง 7 เรื่อง ในหนังสือ YOUNG & WILD ของ จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์ มีที่มาจากเรื่องราวของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ 7 คน ที่กล้าเดินออกมาจากวิถีการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่(น่าจะ)ราบเรียบและปลอดภัย เพื่อมาสร้างเส้นทางสายใหม่ที่เชื่อว่าถูกต้องและเหมาะสมสำหรับตน ผู้เขียนมิได้เสนอภาพคนเหล่านั้นออกมาตรง ๆ แต่เลือกหยิบแง่มุมบางส่วน มาใส่ไว้ในเรื่องสั้นที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของตน จนเป็นเรื่องสั้นที่สร้างสรรค์และแฝงนัยซับซ้อน มีการนำเรื่องประเภทเหนือจริงมาสอดแทรกไว้ในเนื้อหาสาระได้อย่างแนบเนียน หนังสือเล่มนี้ ยังมีความแปลกใหม่ที่นำประวัติของบุคคลซึ่งเป็นที่มาของเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง มาผนวกไว้ท้ายเรื่องด้วย นับเป็นแนวทางทดลองในการนำเสนอเรื่องสั้น และหนังสือรวมเรื่องสั้นอีกรูปแบบหนึ่ง YOUNG & WILD จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2559
เรากำลังกลายพันธุ์
เรากำลังจะกลายพันธุ์ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 8 เรื่องของเกริกศิษฏ์ พละมาตร์ มีความน่าสนใจในด้านศิลปะการเขียน การสะท้อนภาพและความคิดของผู้คนในสังคมทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ผู้เขียนนำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและคตินิยม มาผสมผสานกับวิถีชีวิตปัจจุบัน และนำเรื่องเหนือจริงมาซ้อนทับกับเรื่องจริงได้อย่างน่าสนใจ ผู้เขียนมีความสามารถทั้งในการใช้ภาษา บรรยายและพรรณนาได้อย่างเห็นภาพ ใช้กลวิธีการนำเสนอหลายลักษณะ ทั้งเรียบง่าย และซับซ้อน เพื่อแสดงปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม หนังสือรวมเรื่องสั้น เรากำลังจะกลายพันธุ์ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่น บุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2559
แผนพัฒนาความฉลาดของเมืองคนโง่
แผนพัฒนาความฉลาดของเมืองคนโง่ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 24 เรื่องของอภิชาติ จันทร์แดง ที่ใช้รูปแบบของเรื่องสั้น-สั้น อย่างมีศิลปะและเปิดปลายให้ผู้อ่านขบคิดต่อ การถ่ายทอดความเป็นจริงที่หลากหลายในสังคมนั้นเต็มไปด้วยชั้นเชิงที่ซ่อนเงื่อน ให้ตีความได้หลายนัย ด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ใช้ภาษาที่มีท่วงทำนองแปลกใหม่ สั้นกระชับแฝงไปด้วยความหมาย ผู้เขียนสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีสาระผูกโยงทั้งด้านการเมือง สังคม ชีวิต ในลักษณะที่เป็นปัจเจก เน้นความรู้สึกของตัวละครโดยมิได้พิพากษา กระตุ้นให้คิดโดยไม่ได้ตั้งคำถามและไม่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน แต่แสดงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงร้อยรัดกันอย่างลึกซึ้งระหว่างวัตถุและจิตใจ เช่นเรื่อง “สนามเด็กเล่น” ที่ไม่ได้เป็นแค่สนามเด็กเล่น หรือ เรื่อง “ใครสักคนอยู่ตรงนั้น:ร่ม” ร่มอาจไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์กันฝนเท่านั้น เรื่องสั้น 24 เรื่อง เป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนสภาพสังคมในมุมต่าง ๆ เมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันก็ทำให้เห็นภาพรวมความชำรุดของสังคม เป็นเรื่องสั้นชุดหนึ่งที่ท้าทายกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับจิตสำนึกของคนในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี รวมเรื่องสั้น แผนพัฒนาความฉลาดของคนเมืองคนโง่ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2559
หุ่นไล่กา
หุ่นไล่กา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เรื่องของไพฑูรย์ ธัญญา แต่ละเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งทั้งในสังคมเมืองและในสังคมชนบท ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายคือ “มหานครล่มสลาย” นั้น บรรดาปัญหาและความขัดแย้งดังกล่าวได้ถูกนำมาประมวลไว้อย่างครอบคลุม และสื่อแนวคิดร่วมของทั้งเล่มเกี่ยวกับเรื่อง “ความจริงและความลวง” ได้อย่างน่าสนใจว่า ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ (แม้เพียงสองคน) ตราบนั้นความจริงและความลวงก็ยังดำรงอยู่ในสังคม ความโดดเด่นของหนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา อยู่ที่ความจัดเจนในการใช้ภาษาของผู้เขียนที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย เป็นธรรมชาติเหมาะแก่ลักษณะของเรื่อง ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่หนักอึ้งและแนวคิดที่แหลมคม ด้วยลีลาการเขียนที่มีท่วงทำนองยั่วล้อ เสียดสี ประชดประชัน แต่ชวนคิด ถ้อยคำ สำนวนโวหารและภาพพจน์ทั้งในการบรรยาย การพรรณนา และบทสนทนาสามารถสร้างภาพและบรรยากาศได้อย่างมีสีสัน มีชีวิตชีวา ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างหลากหลายโดยเฉพาะอารมณ์ขันซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้เพลินอ่าน หนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ.2559
JUICE YOUNG BLOOD
JUICE 2 YOUNG BLOOD ฝีมือการวาดภาพอยู่ในระดับดี แสดงบุคลิกตัวละครและอารมณ์ตัวละครได้ดี มีการจัดองค์ประกอบของภาพหลากหลายพอประมาณ เนื้อเรื่องเป็นเรื่องส่วนหนึ่งของชีวิตวัยรุ่น บอกเล่าการแสวงหา ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะแสวงหาอะไร แสดงความรู้สึกสับสนวุ่นวายและมองเป้าหมายอนาคตไม่ชัดเจนแน่วแน่ คุณค่าของเรื่องนี้ คือ ผลกระทบที่สะท้อนให้เห็นความคิดเห็นระหว่างคนต่างวัย และคนในวัยเดียวกัน และอาจมองพฤติกรรมของวัยรุ่นโดยใช้บรรทัดฐานของตนเอง JUICE 2 YOUNG BLOOD จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน)
Loser Rainbow
LOSER RAINBOW อย่าผูกคอตายใต้สายรุ้ง เป็นภาพลายเส้นแนวกราฟิกมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปแบบลายเส้นที่เกินพอดี แต่แฝงความขบขันสะใจ และจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด โครงเรื่องเป็นเรื่องที่บอกเล่าประสบการณ์ของผู้คนอาชีพต่าง ๆ ในเล่มเป็นการรวมการ์ตูน 6 เรื่อง เนื้อเรื่องทันสมัย แต่ละเรื่องดำเนินเรื่องแตกต่างกันไป ทว่ามีเป้าหมายชัดเจนที่ต้องการให้ผู้อ่านตระหนักถึงวิถีทางอันถูกต้องซึ่งมนุษย์พึงมุ่งมั่นและกระทำ แต่ละเรื่องมีตัวเอกที่สังคมบอกว่าเป็นผู้แพ้ อันที่จริงผู้แพ้แต่ละรายล้วนมีคุณค่า มีความมุ่งมั่น มีความรักความเอื้ออาทรความเสียสละ “แม้สังคมจะบอกว่าพวกเขาคือ ผู้แพ้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเขายังไม่เคยชนะต่างหาก” คุณค่าของหนังสือการ์ตูนเล่มนี้ ชี้ให้เห็นว่าทุกคนมีประสบการณ์ของความพ่ายแพ้ แต่ความพ่ายแพ้ไม่ใช่บทสรุปของบทเรียนชีวิต ไม่สามารถทำร้ายความสุข ความมุ่งหวัง และความฝันของมนุษย์ได้ LOSER RAINBOW อย่าผูกคอตายใต้สายรุ้ง จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน)
ใต้แสงธูป
ใต้แสงธูป เป็นหนังสือการ์ตูนที่ผู้เขียนมีความกล้า มีอิสระในการนำเสนอแต่ไม่นอกกรอบรูปแบบนิยายภาพ มีฝีมือทักษะในการลำดับภาพอย่างต่อเนื่อง เขียนภาพได้ประณีตละเอียดสวยงาม ลายเส้นทันสมัยมีน้ำหนักมีมิติเก็บรายละเอียดได้ดี การจัดองค์ประกอบของช่องการ์ตูนและลำดับภาพดูมีความเคลื่อนไหวน่าสนใจและชวนติดตาม โดยให้ภาพแสดงการเล่าเรื่องมากกว่าคำบรรยาย การสร้างภาพประสานกับเรื่องได้อย่างดี มีอารมณ์บุคลิกกลมกลืนกับเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องมีการลำดับเรื่องดี บทต่อบทตอนต่อตอนของเรื่องดี เค้าโครงเรื่องบอกเล่าความสัมพันธ์ของหญิงสาวกับวิญญาณในมิติร่วมสมัย โดยใช้วิญญาณเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ที่บอกเล่าแก่นแท้ของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีความกล้า ความกลัว ความเชื่อ ความเหงา ความต้องการเพื่อนในมุมมองโลกแง่ดี ผู้เขียนได้จินตนาการภาพน่าสนใจและน่าติดตาม ใต้แสงธูป ให้คุณค่า สะท้อนแง่คิดความเชื่อด้านปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับวิญญาณในมิติร่วมสมัย การจัดรูปเล่มและองค์ประกอบของภาพโดดเด่นสื่อสารได้ดีมีคุณค่า จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทนิยายภาพ (การ์ตูน)
รักในรอยบาป
รักในรอยบาป นำเสนอความ “แตกสลาย” อันเป็นชะตากรรมร่วมกันของตัวละคร ภายใต้เงื้อมเงาของ เงาจันทร์ แผลแรกจากประสบการณ์ผลักหลายชีวิตเข้าสู่วังวนแห่งทุกข์ที่ยากจะพบทางออก ชีวิตของตัวละครดุจดังแก้วที่แตกหักจากการเฆี่ยนตีของผู้เขียนซึ่งมิได้ปรารถนาจะ “ซ่อม” สู่ความบริบูรณ์ การอ่านนิยายเล่มนี้ คือการตอบรับคำเชิญให้ก้าวเข้าสู่มุมหม่นของโชคชะตา ซึ่งแท้จริงคือจุดอับ ที่ผู้เขียนขับต้อนตัวละครให้ “จนมุม“ อย่างศิโรราบอยู่ก่อนแล้ว ผู้อ่านมิอาจร่วมคิด ร่วมหวัง ร่วมฝัน ถึงทางออกอันสว่างไสวใด ๆ ได้เลย ทำได้แค่เพียงยอมจำนนต่อบาดแผลของตัวละคร โดยมอบตัวเองเป็นผู้เฝ้าดูการเดินทางสู่ความอับปางในชีวิต อภิสิทธิ์ในฐานะของพยานคือ การที่ผู้อ่านได้ประจักษ์ถึงสุนทรียภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในความร้าวรานของสรรพสิ่ง ในความวิปริตของตัวละครมีความวิจิตรอย่างยิ่งยวด มีความงามแตกเส้นสายออกมาจากการมองโลกที่บิดเบี้ยว คลื่นอารมณ์ยามดำดิ่งก่อระลอกเป็นความแปรผันอันซับซ้อน ความดี-ความชั่วคือการสร้างภาพเชิงศิลปะ สิ่งสามัญที่ถูกมองข้ามฉับพลันกลับมีสีสันเจิดจ้าน่าพิศวง ความแปร่งปร่ากลับเร้าความปรารถนาให้ใคร่ลิ้มลอง “ทิพยรส” อันจะเกิดขึ้นกับจิตที่ผิดปกติเท่านั้น การเตลิดไปดื่มด่ำกับภาวะ “หลุดลอย” ของเหล่าตัวละครเพียงชั่วครู่ กลายเป็นประสบการณ์น่าตื่นใจของผู้อ่าน …ที่สุดแล้ว เราคงไม่จำเป็นต้อง “ซ่อม” แก้วที่แตกหัก เพราะอาจทำให้พลาดการได้ยลแถบรุ้งงาม …ที่สุดแล้ว การเป็นผู้พินิจ อาจทำให้พบความวิจิตรในเสี้ยวชีวิตที่แตกสลาย ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยายจึงมีมติให้ นวนิยายเรื่อง รักในรอยบาป ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปีพุทธศักราช 2559
ข้ามสมุทร
ข้ามสมุทร ของ วิษณุ เครืองาม เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ นำเสนอเรื่องราวชายหนุ่มนาม พจน์ ใน พ.ศ. 2542 หรือ ค.ศ. 2000 นักเรียนไทยในปารีส ที่เดินทางข้ามเวลา ข้ามทวีป ข้ามชาติภพไปยังกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2228 ตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กลายเป็น แสน ผู้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่ในฐานะล่ามติดตามคณะราชทูตของออกพระวิสูตรสุนทร (ปาน) ที่เชิญพระราชสาส์นเจริญสัมพันธไมตรีไปทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส รอนแรมไปถึงหกเดือน และเดินทางกลับมากรุงศรีอยุธยาที่ช่วงรอยต่อระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับสมเด็จพระเพทราชา ที่เข้มข้นด้วยวิกฤตการเมืองภายในและความตึงเครียดของการเมืองภายนอก ท้ายที่สุด พจน์ ก็ได้เดินทางกลับมาจุดเดิม เวลาเดิม และได้ค้นหาเติมเต็มสิ่งที่ใคร่รู้ที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ความหนา 925 หน้า 30 บท ของนวนิยายเรื่องนี้อัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้ามาอย่างละเอียดลออ ทั้งข้อมูลจากฟากของฝรั่งเศสและข้อมูลจากฟากพงศาวดารไทยเท่าที่จะมีจารึกไว้ ผู้เขียนได้ใช้จินตนาการรังสรรค์ประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในรูปแบบของนวนิยาย ผู้อ่านจะพลอยได้รับความรู้ด้านกุศโลบายทางการทูตและการเมืองที่ชิงไหวชิงพริบเพื่อรักษาผลประโยชน์และเกียรติภูมิของประเทศชาตินอกเหนือไปจากเพลิดเพลินไปกับอรรถรสของนวนิยายที่ดำเนินเรื่องโดย พจน์ หรือ แสน ผู้เดินทางข้ามสมุทร อันกินความถึง ข้ามเวลา ข้ามทวีป และข้ามชาติภพ พร้อมกับเกิดความตระหนักถึงภูมิปัญญาของแผ่นดิน และสำนึกรู้คุณของบรรพบุรุษที่รักแผ่นดินเกิด ซึ่งเห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ นับได้ว่านวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง ข้ามสมุทร ได้ทำหน้าที่อย่างภาคภูมิในการผนวกสาระข้อมูลเข้ากับจินตนาการของผู้เขียนได้อย่างกลมกลืน คณะกรรมการพิจารณาตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด ประเภทนวนิยายจึงมีมติให้นวนิยายเรื่อง ข้ามสมุทร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ในปีพุทธศักราช 2559
แม่น้ำที่สาบสูญ
แม่น้ำที่สาบสูญ ของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ เป็นหนังสือรวมบทกวีบอกเล่าเรื่องราวของอารมณ์และความรู้สึก ที่กวีมีต่อชีวิตและสถานที่ที่ได้เข้าไปสัมผัสสัมพันธ์ แบ่งเนื้อหาออกเป็น 9 หมวดหมู่ โดยเริ่มจาก “มาจากดิน” กวีหวนคำนึงถึงรกรากที่จากมาด้วยอาวรณ์ ส่องสะท้อนความหลังครั้งเยาว์วัยด้วยหัวใจอันเต็มตื้น กวีพาผู้อ่านท่องไปยังโลกภายในของผู้เขียนผ่านกาละและเทศะอันหลากหลาย ก่อนจบลงตรง “คืนสู่ดิน” ด้วยการกลับไปสู่เรื่องราวของเด็กช่างฝันในท้องทุ่งจินตนาการ ผู้ท่องเทียวอยู่กับโลกด้านในผ่านฤดูกาลของชีวิตอันสัมพันธ์กับฤดูกาลภายนอก แม่น้ำที่สาบสูญ แสดงให้เห็นถึงเนื้อแท้ของความสุขอันเกิดจากวิถีเกษตรกรรมที่มีรกรากเดียวกันทั้งโลก ก่อนจะเกิดพรมแดนแผนที่และพรมแดนชีวิตเช่นปัจจุบัน ยิ่งกวีออกเดินทางกวีก็ยิ่งค้นพบว่าตัวเองสัมผัสสัมพันธ์กับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งจนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งบทกวี ชีวิต และความฝันบรรพกาล ในด้านของภาษา เรวัตร์สามารถใช้ภาษาเพื่อสื่อความรู้สึกให้ผู้อ่านต้องจมดิ่งอยู่ในมนตราของอารมณ์อันคมเข้ม ทั้งหม่นมัวและสดใส ตามแต่กาละและเทศะที่ต้องการจะสื่อสารมายังผู้อ่านได้อย่างมีพลังสะเทือนอารมณ์ กระทบความรู้สึกไม่น้อย แม้ว่าจะปรากฏความซ้ำซ้อนทางเนื้อหาอารมณ์ในหลายบทหลายตอนก็ตาม รวมบทกวี แม่น้ำที่สาบสูญ ของ เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
ทางจักรา
ทางจักรา โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ เป็นหนังสือกวีนิพนธ์เรื่องยาว ร้อยความดำเนินเรื่องให้เกี่ยวเนื่องไปกับกงล้อแห่งสัญญะ “จักรา” ซึ่งหมายถึงการเดินทางของสาระความคิด โดยอาศัยวงล้อของจักรยานเป็นความเปรียบที่มีทั้งจังหวะปั่นให้เร็วขึ้นและถีบปกติอย่างเชื่องช้า โดยมีตัวละคร 2 ตัวเป็นพลังขับเคลื่อนแท้จริงของกงล้อ ด้วยวิธีปุจฉา-วิสัชนาไปตลอดทาง ฉากและผู้คนที่เคลื่อนเข้ามาประกอบอย่างมีจังหวะ เป็นส่วนเติมให้เห็นสภาวะความเป็นมนุษย์ เห็นสังคมอันหลากหลาย นำพาผู้อ่านไปสู่ประสบการณ์ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ด้านกลวิธีการประพันธ์ ทางจักรา ได้แสดงลีลาวรรณศิลป์ในการนำเสนอ การใช้ภาษาเรียบง่าย ชี้ให้เห็นวัฏฏะที่นอกเหนือจากชีวิตอันเวียนว่ายแล้ว ยังมีการเคลื่อนเปลี่ยนโลกภายในและภายนอกที่ทับซ้อนเกี่ยวเนื่องต่อกัน ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ จึงตัดสินให้ทางจักรา โดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2559
บางคนอาจเดินสวนทางเราไป
บางคนอาจเดินสวนทางเราไป ของบัญชา อ่อนดี เป็นหนังสือรวมบทกวีจำนวน 39 เรื่องที่นำเสนอเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยทั้งในสังคมไทยและสังคมโลก ซึ่งผู้เขียนเปรียบโลกปัจจุบันว่าเป็น “โลกเสมือน” หรือยุค “สังคมก้มหน้า” ที่แม้ในเมืองจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนแต่ก็ห่างเหิน ไร้ความใส่ใจซึ่งกันและกัน ในลักษณะ “ใกล้ตัว ใกล้ตา ไกลใจ” โลกอยู่ในยุค “สงครามใบ้” กับโลกเสมือนที่ “แรงถล่ม wi-fi เกินไซโคลน” ผู้ประพันธ์เล่าเรื่องราวของผู้คนในกระแสของความเปลี่ยนแปลงทั้งในเมืองและชนบท ในขณะที่ชาวชนบทอพยพย้ายถิ่นมาใช้แรงงานในเมืองหลวงด้วยหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่ไม่เป็นไปดังหวัง ยังคงทุกข์ยาก ใช้แรงงานหนักและได้เพียงฝันกลางวันเพื่อรำลึกโหยหาชีวิตและความสุขในชนบท ส่วนชาวเมืองก็ไปบุกรุกชนบทให้เป็นรีสอร์ต ทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาวชนบทแต่งงานกับชาวต่างชาติและไม่ปรารถนาจะใช้ชีวิตในชนบท แม้ “โลกเสมือน” จะเป็นโลกแห่งเทคโนโลยี แต่ความเชื่อของคนไทยบางส่วนยังคงงมงาย อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างกำไรจากความเชื่อ เช่น การสแกนกรรม การเปิดเว็บไซต์ขายสวรรค์ โดยมิได้ใส่ใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ด้านศิลปะการประพันธ์บทกวี ของบัญชา อ่อนดี มีความแม่นยำ ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ ใช้ภาษาเรียบง่ายและภาษาร่วมสมัยเพื่อเล่าเรื่องราวอันหลากหลายของปัจเจกบุคคลโดยเฉพาะชนชั้นล่างของสังคมโดยดำเนินเรื่องอย่างมีโครงเรื่องชวนติดตาม ด้วยลีลาและท่วงทำนองกระชับฉับไว สามารถผสมผสานสีสันชนบททั้งด้านการใช้คำ ฉากและบรรยากาศทำให้บทกวีทุกเรื่องราบรื่นเรียบง่าย ชวนอ่านและชวนให้ขบคิด ดังนั้น รวมบทกวีบางคนอาจเดินสวนทางเราไป ของ บัญชา อ่อนดี จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2559