กรองและค้นหา

เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 21

สวนชีวิต

สวนชีวิต รวมกวีนิพนธ์ของ ‘กุดจี่’ พรชัย แสนยะมูล เป็นงานฉันทลักษณ์ในรูปแบบกลอนแปดตลอดเล่ม จำนวนทั้งสิ้น ๓๘ สำนวน นำเสนอเรื่องราวได้อย่างมีเอกภาพ เนื้อหาโดยรวม กวีพูดถึงสวน ไม่ว่าจะเป็นสวนในบ้าน (ชานกรุง) สวนนอกบ้าน สวนบ้านนอก อันเป็นถิ่นเกิดของตัวละครผู้เล่าเรื่อง ซึ่งมีทั้งสวนเล็ก สวนใหญ่ สวนทะเล และสวนโลก แล้วหลอมรวมเป็น “สวนชีวิต” ตามชื่อหนังสือ ฉากต่าง ๆ นอกจากสวน ยังมีหนองคลองบึง สายน้ำความทรงจำในวัยเยาว์ เฉพาะอย่างยิ่งสำนวนที่ ๓๐ ชื่อ ‘ทุ่งชีวิต’ เป็นบทกวีขนาดยาว ๔๗ บท ที่เน้นไปทางท้องทุ่ง  หัวไร่ปลายนา ภาพลงแขกปักดำทำนา เป็นภาพจำอันแสนงาม เสน่ห์อีกอย่างของหนังสือเล่มนี้คือ ความรักความผูกพัน คนในครอบครัว เครือญาติ และเพื่อนเก่าที่เล่นผจญภัยมาด้วยกันตอนเด็ก ๆ แม้ตัวละครผู้เล่าจะจากถิ่นฐานมาอยู่เมืองหลวงนานเพียงใดก็ไม่เคยลืมรากเหง้า ที่สำคัญกวีเชื่อมโยงธรรมชาติสู่ชีวิต เขียนสายลม แสงแดดได้เห็นภาพ มองต้นไม้ มด แมลง แล้วย้อนมองตนเอง ทั้งยังชี้ให้เห็นว่าธรรมชาติสามารถเยียวยาจิตใจได้ และแฝงด้วยธรรมะ อ่านง่ายแต่งดงามได้พลังบวก

ท่ามกลางวิถีโลกพลิกผัน

ท่ามกลางวิถีโลกพลิกผัน  รวมกวีนิพนธ์ของ วรวุฒิ ภักดีบุรุษ เป็นกลอนแปดจำนวน ๓๘ บท แบ่งเนื้อหาเป็น ๓ ภาค คือ ภาคแรก : วิถีของบ้านเก่า  ภาคสอง : วิถีโลกพลิกผัน  ภาคสาม : วิถีแห่งฝัน ณ ปัจจุบันขณะ ท่ามกลางวิถีโลกพลิกผัน เสนอสาระในภาพรวมกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลกซึ่งเกิดอยู่ตลอดเวลา โลกหมุนไปพร้อมความเจริญรุดหน้า ไม่ว่ามนุษย์จะหลับหรือตื่น  แต่หากเป็นเพราะมนุษย์นั้นเองที่วิ่งแข่งกับโลกจนทำให้โลกพลิกผัน เกิดความผันผวนจนทิ้งคนบางคนไว้ข้างหลัง ติดกับค่ายกลของการเปลี่ยนแปลงจนหมดกำลังใจ ในท่ามกลางวิกฤตโลกเช่นนี้  กวีนิพนธ์ ท่ามกลางวิถีโลกพลิกผัน นำเสนอว่า มีแต่การกอดเกี่ยวไม่โดดเดี่ยวกันเท่านั้นที่จะเป็นทางรอดภายใต้เงาของแสงตะวันที่เป็นมูลเหตุในการหมุนของโลก ท่ามกลางวิถีโลกพลิกผัน นำเสนอในแบบนามธรรมพื้นฐาน เน้นการสื่อสารสำหรับคนทั่วไป จึงอ่านง่าย และมีความโดดเด่นในแง่กลอนตลาด ที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้

จักรวาลในชานเรือน

จักรวาลในชานเรือน รวมกวีนิพนธ์ของ รังสิมันต์ จุลหริก เป็นหนังสือรวมบทกวีซึ่งแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๔ ภาค โดยตั้งชื่อว่า ไป – มา – หา – สู่ บทกวีในแต่ละภาคต่างมีแนวคิดหลักร่วมกันคือ “ไป” คือการเดินทางไปในสังคมเมือง เพื่อหวนหาความสำคัญของบ้าน “มา” คือการกลับสู่ถิ่นที่อยู่เพื่อทำความเข้าใจตัวตน “หา”  คือการพิจารณาหาความหมายของสิ่งที่เป็นไปในสังคม “สู่” คือการก้าวไปข้างหน้าเพื่อไปสู่จุดหมาย เนื้อหาทั้ง ๔ ตอนเรียงร้อยกันอย่างมีสัมพันธภาพ การประพันธ์มีความเรียบง่าย ใช้กลอนเป็นคำประพันธ์ดำเนินเรื่องทั้งหมดทำให้เกิดความต่อเนื่องสม่ำเสมอ แต่โดดเด่นด้วยการใช้ภาษาเล่าเรื่องทำให้เกิดจินตภาพแก่ผู้อ่าน ทั้งยังนำเสนอประเด็นในสังคมที่หลากหลายได้อย่างน่าสนใจ

บังฟ้าเบิกอบาย

บังฟ้าเบิกอบาย  รวมกวีนิพนธ์ของ นายทิวา เป็นงานฉันทลักษณ์ในรูปแบบของกลอนสุภาพ แบ่งเป็นสองภาค ภาคแรก “ความจริงลวง” และภาคสอง “ความลวงจริง” ภาคแรก “ความจริงลวง” ถ่ายทอดเรื่องราวที่ได้พบเห็นและเป็นไปในสังคมปัจจุบัน เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า พระราหู  อสุรกาย เวทมนต์คาถาและพิธีกรรมต่าง  ๆ เช่น ในบท “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแม่บ้าน” “ราหูอมเรา” “มูเดินสายนอก” และ “มูเดินสายใน” ด้วยมุมมองและทัศนะที่หลากหลาย ภาคที่สอง “ความลวงจริง” มุ่งเน้นให้เข้าใจเห็นความเป็นมนุษย์ด้วยกัน พูดถึงความจริงที่อยู่คู่กับความลวงแต่มองไม่เห็น  ด้วยท่วงทำนอง ลีลา อันเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของกวี ด้านกลวิธีการประพันธ์ กวีมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของฉันทลักษณ์ การใช้ภาษา และการใช้สำนวนโวหารเชิงบรรยาย พรรณนา และเปรียบเทียบประชดประชันสอดแทรกด้วยอารมณ์ขัน เสนอประสบการณ์ร่วมไว้อย่างไร้ข้อจำกัด คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ บังฟ้าเบิกอบาย  ของ นายทิวา  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทกวีนิพนธ์  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

เรือนในรัก โลกในเรา

เรือนในรัก โลกในเรา รวมกวีนิพนธ์ของ พัฒนะ ปฐมพงศ์ แบ่งกลุ่มเนื้อหาในเล่มออกเป็น ๓ ภาค ประกอบด้วย ภาคที่ ๑ สายใยรักถักทอ “พ่อกับลูก” ถ่ายทอดความรู้สึกอันละเอียดอ่อนที่มีต่อลูกสาวและครอบครัว งดงามในความหมายแห่งสายใยรักและหนักแน่นด้วยอารมณ์อันคมเข้ม ภาคที่ ๒  ผูกพันในวิถีแห่งชีวิต บอกเล่าเรื่องราวในสังคม และสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความอาทรห่วงใย เสนอรายละเอียดชวนพินิจผ่านชะตากรรมของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ดิ้นรนอยู่ในสังคมปัจจุบันผ่านมุมมองเฉพาะตน และ ภาคที่ ๓ พินิจโลกทรรศน์สัจธรรม กวีเฝ้ามองความเป็นไปในธรรมชาติ ค้นหาปรัชญาชีวิต พร้อมไตร่ตรองมองตนเพื่อข้ามพ้นความทุกข์ ก่อนได้ข้อสรุปในท้ายที่สุดว่าท่ามกลางสภาพปัญหาสังคมปัจจุบัน ครอบครัวที่อบอุ่นด้วยความรักและความเข้าใจ ย่อมยังความสุขให้เกิดขึ้นได้ “รักเจ้าคือแรงผลักดัน  ได้หอมแก้มขวัญ   ร้อยพันภาพงามยามเยาว์   กรุ่นกลิ่นรักหอมห้อมเหย้า    แม้โลกโศกเศร้า   เรือนหอมกล่อมเราเจ้าเอย”   (เรือนหอมเจ้าเอย : หน้า ๑๙๘) ด้านกลวิธีการประพันธ์ เรือนในรัก โลกในเรา มีลีลาภาษางดงาม นำเสนอมุมมองหลากหลาย หนักแน่นด้วยความหมายที่กลั่นกรองผ่านถ้อยคำ หลายบทหลายวรรคสำแดงฝีมือสื่อความรู้สึกชวนประทับใจไม่น้อย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เรือนในรัก โลกในเรา   ของ พัฒนะ ปฐมพงศ์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทกวีนิพนธ์  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

อีกฟากด้านกระดานหก

                 อีกฟากด้านกระดานหก รวมกวีนิพนธ์ของ ศิวกานท์  ปทุมสูติ  จำนวน ๕๖ สำนวน ใช้ฉันทลักษณ์รูปแบบกลอนเป็นหลัก และกลอนเพลงพื้นบ้าน รวมทั้งกาพย์ฉบังบางบท ความโดดเด่นของกวีนิพนธ์เรื่องนี้อยู่ที่ชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ ผู้ประพันธ์มีความเชี่ยวชาญในการผสมผสานท่วงทำนองหลากหลาย ทั้งลีลาเพลงพื้นบ้านให้เข้ากับเนื้อหาและการใช้ถ้อยคำเข้าใจง่าย ลีลาสนุกสนานแม้จะนำเสนอเรื่องราวที่เป็นปัญหาให้ฉุกคิด ในขณะเดียวกันก็ชำนาญในการนำเสนอเนื้อหาเชิงธรรมะและศัพท์ทางศาสนาที่เป็นประเด็นคำถามเชิงปรัชญา บทกวีแต่ละบทจะมีกลวิธีการเล่าเรื่องแตกต่างกัน เช่น การเล่าเรื่องที่เป็นการตั้งคำถามแบบบทสนทนาเพื่อสื่อแนวคิดสำคัญแบบปุจฉา-วิสัชนา การนำเสนอเป็นเรื่องเล่าที่มีโครงเรื่อง ตัวละครและบทสนทนาง่าย ๆ แต่สื่อแนวคิดที่ลุ่มลึก แสดงถึงชั้นเชิงและความเชี่ยวชาญของผู้ประพันธ์ในการร้อยเรียงบทกวีที่มีเรื่องเล่าหลากหลาย เพื่อสื่อแนวคิดหลักของเล่มว่าหากเราคิดถึงความคิดที่ “อยู่อีกฟากกระดานหก” ซึ่งแตกต่างจากที่เราเคยเชื่อหรือคุ้นชินจะเป็นเช่นไร ด้านเนื้อหานำเสนอประเด็นปัญหาทั้งระดับประเทศและระดับโลก ความขัดแย้งและปัญหาของสังคมและการเมืองไทย โดยนำเสนอเป็นเรื่องเล่าที่ชวนติดตาม เช่น ในบท “ทางลม ผู้วางดอกไม้จันทน์” ซึ่งนำเสนอบทสนทนาทิศทางทางการเมืองและการขอคะแนนเสียงแม้ในงานศพ สงครามและความขัดแย้งในหลากหลายภูมิภาคของโลก เช่น ในบท “ดวงตาที่สาม เหนือลุ่มชลนากาฬทวีป” ที่นำเสนอว่ามนุษย์ยังคงเข่นฆ่ากันมิรู้จบสิ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะเสนอปัญหาระดับมหภาค ความโดดเด่นอีกประการหนึ่งคือผู้ประพันธ์นำรูปธรรมจากธรรมชาติเพื่อเสนอเนื้อหาที่หนักแน่นในเชิงมนุษยธรรม เช่น บทสนทนาของแม่ที่สอนให้ลูกปลูกผักในสวนเพื่อจะได้แบ่งปันให้เพื่อนบ้านซึ่งเป็นผู้อพยพ ในบท “แสงไฟในกระท่อม สุขแซมในเดียงสาราตรี” หรือในบท “บ้านในเวลา รังนกมิเคยกุมขังลูกนก” และบท “ทางสองแพร่ง ทางที่ใครไม่เลือก” เป็นต้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ อีกฟากด้านกระดานหก  ของ ศิวกานท์ ปทุมสูติ  ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทกวีนิพนธ์  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

สู้ดิวะ

นี่คืองานเขียนกอบกู้ความหวังและสร้างพลังใจให้ตนเอง ของนายแพทย์หนุ่มอนาคตไกล  ซึ่งตรวจพบมะเร็งระยะสุดท้ายในร่างกาย คือความจริงแห่งชีวิตของนายแพทย์หนุ่มที่ต้องเผชิญกับโรคร้ายโดยไม่คาดคิดมาก่อน แต่กลับบันทึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นด้วยการมองโลกเชิงบวก จึงมีคุณค่า เป็นตัวอย่างของการเข้าใจสัจธรรมเข้าใจชีวิตและยอมรับความเป็นจริง ด้วยลีลาภาษาเรียบง่ายแต่ชวนอ่าน

สถาปัตย์-สถาปนา : การ(เมือง)ดีไซน์พื้นที่ และความนัยสถาปัตยกรรม

หนังสือเล่มนี้ชวนผู้อ่านขบคิดถึงเรื่องราวของ ‘เมือง’ ที่เราอาศัยอยู่ ว่าการออกแบบพื้นที่และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ของเมืองนั้น มีความนัยอะไรซ่อนอยู่บ้าง ผู้เขียนชวนเราพิจารณาความสัมพันธ์เชิงอำนาจในมิติต่างๆ โดยเฉพาะอำนาจรัฐ ที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยในเมือง โดยใช้สำนวนภาษาเรียบง่ายและอ่านสนุก

โลก/สลับ/สี/ ชนินทร์ ชมะโชติ

ชนินทร์ ชมะโชติ คือผู้บุกเบิกรายการสารคดีทางโทรทัศน์ในสังคมไทยเป็นคนแรกมาตลอด ๔๐ ปี รายการที่เขาร่วมสร้างสรรค์ล้วนแต่คุ้นหูคนไทย เช่น รายการโลกสลับสี ทะเลไทย ฯลฯ ประสบการณ์ในการทำ สารคดีของเขาจึงลึกซึ้ง และถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้อย่างน่าติดตาม และชวนอ่านยิ่ง

ปีสุดท้ายระหว่างพ่อกับลูกชาย

จับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายกับพ่อในวาระสุดท้าย มานำเสนอเป็นสารคดีชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง  กินใจ สะท้อนความรู้สึกนึกคิดจากก้นบึ้งของหัวใจลูกผู้ชายที่มีต่อบิดาบังเกิดเกล้าในบั้นปลายของชีวิต

ข้างหลังภาพ 14 ตุลาฯ : จากระบอบปฏิวัติ ของเผด็จการสู่การปฏิวัติของประชาชน

ให้ความรู้ความเข้าใจถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย ได้แก่  เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๑๖ และวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยให้มุมมองเชิงลึกที่หนักแน่นไปด้วยข้อมูลข่าวสาร  ผ่านการศึกษาค้นคว้าที่ละเอียดลออ ด้วยหลักฐานเอกสารการสัมภาษณ์เล่าเรื่องภาพและข่าวในสื่อมวลชน  โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์และนิตยสาร สะท้อนบทบาทสื่อในการบันทึกประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน

DRAG QUEEN และซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ

            DRAG QUEEN และซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ  ของ ณพรรธน์ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๘ เรื่อง           ที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย มีทั้งแนววิทยาศาสตร์เทคโนโลยีล้ำสมัย แนวแฟนตาซี แนวสมจริง แต่ละเรื่องสะท้อนค่านิยมความคิดต่างของผู้คนหลากเพศ  หลายวัย  ผู้เขียนเล่าเรื่องอย่างมีวรรณศิลป์ ชวนให้ติดตาม ตอนจบของแต่ละเรื่องได้ทิ้งปริศนาปลายเปิดให้ผู้อ่านคิดและจินตนาการต่อไป คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น DRAG QUEEN และซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ  ของ ณพรรธน์    ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

Rainbowlogy ศาสตร์สีรุ้ง

หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดเรื่องราวความหลากหลายทางเพศที่โดยเนื้อแท้แล้วเป็นเรื่องซับซ้อน ให้เข้าใจ ง่ายด้วยสำนวนภาษาที่ตรงไปตรงมาและสนุกสนาน ผ่านประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่มีความเข้าใจ อย่างลึกซึ้ง ผู้อ่านจะได้เปิดโลกไปกับความสัมพันธ์หลากรูปหลายแบบของเพศต่าง ๆ ที่เคยเป็นความลึกลับ ให้กระจ่างแจ้งในความเข้าใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Rainbowlogy ศาสตร์สีรุ้ง ของ สิรภพ แก้วมาก  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทสารคดี  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล

จับประเด็นนำเสนอได้คมคาย กับการค้นคว้าชีวิตของเหล่านักปราชญ์ที่มีชีวิตในห้วงยาม ๕๔๓ ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกรุ่มรวยด้วยเหล่านักปราชญ์ ทั้งฟากตะวันออกและตะวันตก ผู้เขียนนำเสนอผ่านสำนวนภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างละเอียด เนื้อหาจึงน่าติดตาม ชวนอ่าน ชวนเพลิดเพลินไปกับหลักปรัชญาของเหล่านักคิดนักปราชญ์คนสำคัญของโลก คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ 543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล ของ นำชัย ชีววิวรรธน์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทสารคดี  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

DIVINE BEING ไม่ใช่มนุษย์ และตัวตนอื่น ๆ

            DIVINE BEING ไม่ใช่มนุษย์ และตัวตนอื่น ๆ ของ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวจินตนิยม ๘ เรื่อง มีโครงเรื่อง ตัวละคร และแนวความคิดแปลกใหม่หลากหลาย   ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ชั้นเชิงในการนำเสนอเรื่องอย่างสร้างสรรค์ มีมิติซับซ้อน มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความหมายของชีวิต  ความสำคัญของความรักและเสรีภาพ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น DIVINE BEING ไม่ใช่มนุษย์ และตัวตน อื่น ๆ ของ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

อีสานปีดอกเอนอ้าบาน

บันทึกประวัติศาสตร์สามัญชน นำเสนอความทรงจำอันงดงามในวัยเยาว์ของผู้เขียน กับชีวิตผู้คนบนผืนแผ่นดินอีสาน ตั้งแต่ก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ เนื้อหาเปี่ยมคุณค่า ให้ความรู้ความเป็นไปทางการเมือง เศรษฐกิจ คู่ขนานกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคมวัฒนธรรม ประเพณี จารีตความเชื่อ ถ่ายทอดจากความทรงจำและประสบการณ์จริงของผู้เขียนผ่านวรรณศิลป์สละสลวย ร้อยเรียงด้วยข้อเท็จจริงที่หนักแน่นน่าอ่าน ให้คติแง่คิดเป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่า คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ อีสานปีดอกเอนอ้าบาน ของ นิคม  วรรณราชู ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ

            Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ ของลาดิด เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นนอกกระแส ๑๐ เรื่อง แปลกใหม่ทั้งเนื้อหาและกลวิธี ผสมผสานระหว่างการเล่าเรื่องแบบกระแสสำนึกกับเรื่องเหนือจริง เนื้อเรื่องและตัวละครมีสีสัน  แต่ละเรื่องสั้นกระชับและมีความหลากหลายในด้านฉาก มิติเวลา เพศสภาพ นับเป็นวรรณกรรมไทยของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น Adaline and Other Short Stories อดาไลน์ และเรื่องสั้นอื่น ๆ  ของ  ลาดิด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗  

เยาวชนไทยหัวใจโขน

เยาวชนไทยหัวใจโขน  นำเสนอเรื่องราวชีวิตนักเรียนนาฏศิลป์และการเรียนโขน ผ่านตัวละครหลัก ‘หฤษฏ์’  ที่เกิดในครอบครัวช่างทำหัวโขน พ่อเป็นนักแสดงโขนของโรงละครแห่งชาติ มีใจรักการแสดงโขน ใฝ่ฝันอยากแสดงโขนเป็นหนุมานเหมือนพ่อ และมีส่วนช่วยสืบสานการแสดงโขน ให้คงอยู่ต่อไป  เนื้อเรื่องเล่าถึงการเรียนโขน ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย บรรยากาศในหอพัก การแต่งกายของนักเรียนนาฏศิลป์ ห้องเรียนที่มีเอกลักษณ์ วิธีการสอน การฝึกทักษะการแสดงโขนแต่ละขั้นตอนจนคล่องแคล่ว สามารถแสดงตามบทบาทที่ได้รับอย่างมั่นใจ

คอลลาจบรรเลง

          คอลลาจบรรเลง ของ แพรพลอย วนัช  เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น ๑๐ เรื่อง ที่มีลักษณะสมจริงสะท้อนภาพของคนในสังคมเมืองที่ล้วนต้องดิ้นรนที่จะดำเนินชีวิตให้อยู่รอดและก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากของสังคมสมัยใหม่  ด้วยการปรับตัว เปลี่ยนแนวความคิด ไปพร้อม ๆ กับการพยายามรักษาคุณค่าและจิตวิญญาณเดิมของตนไว้   ตัวละครในบางเรื่องสามารถเอาตัวรอดอยู่ต่อไปได้  บางเรื่องยังไม่รู้แพ้ชนะ ขณะที่บางเรื่องตัวละครเอกพ่ายแพ้จนต้องออกจากเวทีไป ผู้ประพันธ์เล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย  วางโครงเรื่องไม่ซับซ้อน  ใช้บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติเหมาะสมตามสถานภาพของตัวละคร  แต่กระนั้นทุกเรื่องก็มีความลุ่มลึก เฉียบคม และสะเทือนอารมณ์ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น คอลลาจบรรเลง ของ  แพรพลอย วนัช  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

นายธนาคารโดยบังเอิญ บันทึกความทรงจำ ปิติ สิทธิอำนวย

นายธนาคาร โดยบังเอิญ บันทึกความทรงจำ ปิติ สิทธิอำนวย เป็นงานเขียนที่ผู้ประพันธ์ เล่าเรื่องราวของตนเอง จากการเริ่มทำงานในธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกของครอบครัวที่ภาคใต้ ตัดสินใจย้ายมาทำงานธนาคารในกรุงเทพฯ เพื่อให้ลูก ๆ มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี เป็นหนังสือชีวประวัติบุคคล ผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ถ่ายทอดประสบการณ์ วิธีการทำงาน การพัฒนางานและพัฒนาตนเอง ให้ข้อคิดในการทำงาน มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าสนใจ สำนวนภาษาดี เทคนิคการเขียนชวนติดตาม

Orlando in a Glimpse หากเล่าถึงออร์ลันโด

         Orlando in a Glimpse หากเล่าถึงออร์ลันโด เป็นนวนิยายแนวเควียร์กอธิค (Queer Gothic Literature) ที่ดำเนินเรื่องภายใต้ท้องฟ้าเจิดจ้าในช่วงฤดูร้อนแสนสั้นของอิตาลี ผ่านตัวละครหลักคือเด็กสาวชาวไทยชื่อเจ๋  ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบโดยใช้สรรพนามแทนตัวว่า “ผม” หลังจบ ม.๖ ก่อนมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียน เจ๋ ได้เดินทางไปท่องเที่ยวอิตาลีครั้งแรกโดยอาศัยอยู่ที่บ้านลุงโจ—พี่ชายแท้ ๆ ของแม่ ซึ่งได้แต่งงานกับป้ามาติลดา เจ้าของโรงแรมเก่าแก่ในเมืองเซียนา ที่นั่น..เจ๋ได้พบจูเลีย ลูกสาวของลุงกับป้า และได้รับรู้เรื่องราวของออร์ลันโด พี่ชายสุดที่รักของเธอและลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของป้า นักเปียโนฝีมือฉกาจ ผู้มีรูปลักษณ์ราวเทพที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน เหตุการณ์แปลกประหลาดทยอยเกิดขึ้นเป็นระลอกนับจากวันที่เจ๋ได้ยินเสียงบรรเลงเปียโนไร้ที่มากลางจัตุรัสโล่งกว้าง ไปจนถึงวันที่ปริศนาการตายของออร์ลันโดได้รับการเปิดเผย สาเหตุการตายก่อนเวลาอันควรนี้ ชูประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอในเรื่องเกี่ยวกับ “พื้นที่” และการยอมรับใน “ตัวตน” ของกลุ่มคนที่เรียกกันว่า “นอนไบนารี” (Non binary) ออร์ลันโดและเจ๋ เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ระบุว่าตัวเองไม่ใช่ทั้งหญิงและชาย หากแต่มีความลื่นไหลทางเพศ (Gender Fluid/fluidity) ที่สามารถเปลี่ยนแปลงและนิยามอัตลักษณ์ของตนกลับไปกลับมาได้ ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของชีวิต “เหมือนสายลมและสายน้ำที่เปลี่ยนแปรไปมาอยู่เสมอแม้เพียงข้ามคืน”  แม้ออร์ลันโดจะเป็นนักดนตรีฝีมือเอก และมีพรสวรรค์ในการบรรเลงบทเพลงราวฟ้าประทาน แต่เจ๋ผู้มีทักษะทางเปียโนกระท่อนกระแท่น ดูจะเป็นผู้โชคดีกว่า เพราะเขาได้มีชีวิตต่อมาเพื่อบรรเลงเพลงบทใหม่ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความจริงแท้ของตนเอง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Orlando in a Glimpse  หากเล่าถึงออร์ลันโด  ของ ลาดิด ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

เที่ยวกับคุณฉลาม

เที่ยวกับคุณฉลาม เนื้อหาเป็นเรื่องชีวิตและการผจญภัยของฉลามขาว วาฬเพชฌฆาต  และสัตว์ต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นวรรณกรรมแนวจินตนาการ ที่ใช้ข้อมูลจริงในการเรียบเรียง มีลักษณะเป็นบันเทิงคดีกึ่งสารคดี ที่ให้ความสนุกสนานและความรู้ไปพร้อมกัน เรื่องเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญของสัตว์ต่างพันธุ์ทั้งสอง ที่สามารถสื่อสารเข้าใจกัน  จึงตกลงเดินทางไปหาอาหารด้วยกัน   ระหว่างเดินทางมีเหตุชุลมุนทำให้เกิดการสลับร่างระหว่างฉลามหนุ่มกับวาฬสูงวัย  ทั้งสองจึงจำเป็นต้องเดินทางต่อเพื่อหาทางกลับร่างเดิม ผู้แต่งสามารถอธิบายลักษณะทางกายภาพ การดำรงชีวิต และความคิดของสัตว์ทั้งสองชนิด ผู้อ่านได้เห็นโลกในมุมมองของฉลามขาวและวาฬเพชฌฆาต รวมทั้งชีวิตสัตว์ต่าง ๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร ตระหนักถึงภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเล และส่งเสริมความรัก การอยู่ร่วมกันในธรรมชาติอย่างสมดุล หนังสือเรื่องนี้ให้ความรู้อย่างละเอียด มีคำอธิบายศัพท์ท้ายหน้า  และภาพประกอบท้ายบท มีหัวข้อ ‘เรื่องน่ารู้’ เป็นสาระที่เกี่ยวกับเนื้อหา  และท้ายเล่มมีบรรณานุกรม

แก่นไม้หอม

นวนิยายเรื่อง แก่นไม้หอม เป็นการเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ถูกส่งมาจากเมืองจีนเพื่อมาอยู่กับพ่อแม่ที่อพยพมาก่อนแล้ว  “ซิ่วเฮียง”  จึงมีประสบการณ์ชีวิตที่ขมขื่นกว่าเด็กวัยเดียวกัน ด้วยค่านิยมที่รักลูกชายมากกว่า เมื่อโรงเรียนจีนในเมืองไทยถูกผู้นำในยุคนั้นสั่งปิด เตี่ยกับแม่จึงให้ซิ่วเฮียงออกจากโรงเรียน มีแต่น้องชายและน้องสาวที่ได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนไทย ด้วยความน้อยใจ และอ่อนต่อโลกซิ่วเฮียงในวัย ๑๖ ปี จึงหนีตามคนรักไป เพียงเพื่อจะพบว่าโลกนี้โหดร้ายกว่าที่เธอคิด และเธอถูกตัดขาดจากครอบครัวตั้งแต่บัดนั้น เมื่อเธออุ้มลูกชายกลับบ้านเตี่ยยอมรับเพียงแต่หลานคนเดียว แม้ต่อมาเธอจะประสบความสำเร็จกับครอบครัวใหม่ในฐานะเถ้าแก่เนี้ยคนที่สองได้รับความรักความเมตตาจากสามี ได้รับความเอ็นดูจากเถ้าแก่เนี้ยคนที่หนึ่ง และได้รับความเคารพความรักจากลูกของทั้งสองบ้าน แต่ก็ยังมีร่องรอยหม่นหมองในใจเสมอมา ผู้ประพันธ์ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงจึงสามารถนำผู้อ่านเข้าไปใกล้ชิดกับชีวิตของซิ่วเฮียง ทั้งในยามสุข และทุกข์ เสมือนหนึ่งได้ร่วมเติบโตทางความคิด ความรู้สึกไปด้วยกัน ทำให้เข้าใจวิธีคิด และมุมมองในการตัดสินใจของเธอ ที่มีความมุ่งมั่น กล้าหาญ ซื่อตรง อ่อนน้อมและกตัญญู แม้ครอบครัวใหญ่จะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ การเมือง และค่านิยมที่ยากจะเปลี่ยนแปลงในครอบครัวคนจีน แต่ซิ่วเฮียงก็ผ่านมาได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถเลือกทางเดินชีวิตที่ดีได้ ด้วยความแข็งแกร่งดุจแก่นของต้นไม้ที่ดำรงอยู่ แม้มิอาจมองเห็นจากภายนอกก็ตาม ด้วยภาษาที่เรียบง่าย ชัดเจน ทว่ากระทบใจในความจริง ผู้อ่านจึงสัมผัสได้ถึงความรัก ความสุข ความทุกข์ ความหวัง และความผิดหวัง เสมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน วาระสุดท้ายซิ่วเฮียงจึงจากโลกนี้ไปด้วยความทรงจำของชีวิตที่ได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วนในทุกบทบาทของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง นับเป็นความสุข ความเศร้า และการยอมรับไปพร้อมกัน ตามเจตนารมณ์ที่ผู้ประพันธ์ได้นำเรื่องไปสู่จุดหมายอย่างมั่นคง           “โลกนี้เหมือนผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น” คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ แก่นไม้หอม ของ กิ่งฉัตร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

เรื่องของ ป้อง

เรื่องของ ป้อง เป็นเรื่องย้อนยุคแนวสมจริง เล่าขานผ่านชีวิตของ “ป้อง” เด็กชายวัยแปดขวบ ที่อาศัยอยู่กับปู่ย่า ใช้ชีวิตชาวเรือริมแม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ ในจังหวัดพิษณุโลก  ครอบครัวมีความอบอุ่น ความรัก ความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน ในสังคมที่เรียบง่ายน่าอยู่ มีบรรยากาศของงานวัด ตลาด และการละเล่นของเด็กยุคนั้น ป้องอยู่อย่างมีความสุขกับปู่ย่าที่ไม่ใช่สายเลือด แม้ไม่มีแม่เลี้ยงดู ส่วนพ่อนั้นนาน  ๆ จึงจะมาหา ถูกเพื่อนล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีแม่ ทำให้ลึก ๆ ในใจของป้องโหยหาความรักจากพ่อแม่ แต่ในที่สุดป้องก็ตระหนักว่าได้รับความรักและความสุขจากปู่ย่า เรื่องราวดี นำเสนอได้ดี ทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้เรื่องของ ป้อง ของ กอบสินธุ์  กล่อมปัญญา   ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา และการฆ่าตัวตายครั้งสุดท้ายของชาลี

นวนิยายเรื่องนี้สะท้อนภาพชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งชื่อ ชาลี เป็นคนที่มีชีวิตธรรมดา ไร้ความโดดเด่น เรียนไม่เก่ง ทำงานไม่สำคัญ มีคนรักก็เลิกกันไป  มีผู้หญิงรับจ้างบำบัดเหงาแต่ก็ไม่มีความหมายอะไร  ชาลีมีชีวิตลอย ๆ งง ๆ ไร้เป้าหมาย ประดุจมะพร้าวทะเลทราย  แห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา คิดฆ่าตัวตายโดยไม่มีเหตุผลถึงสามครั้งแต่ก็ไม่ตาย สุดท้ายพบว่ามีคนชื่อชาลีเหมือนเขาอีกหนึ่งคน แต่เป็นนักเขียน เขาจึงตามหาจนพบ  และพบว่าเขาทั้งสองมีประวัติภูมิหลังใกล้เคียงกันมาก เขาเอาปืนไปด้วย สุดท้ายก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด  และชาลีก็เหลือคนเดียว เรื่องนี้สะท้อนภาวะมนุษย์ที่สวนทางกับมนุษย์แบบฉบับ  มนุษย์จะต้องดี เก่ง ประสบความสำเร็จ  เป็นคนดีมีความหมายในสังคม  แต่ชาลีตรงกันข้าม  จืดชืดสนิท ไร้ตัวตน  มีลักษณะเป็นตัวเอกแบบปฏิลักษณ์(Anti-hero) ผู้เขียนใช้ท่วงทำนองของการเสียดสีเย้ยหยันชีวิตคนเมือง  ใช้สถานการณ์เกินจริง สัญลักษณ์ เพลง และกระบวนการทำซ้ำทางวรรณศิลป์เพื่อตอกย้ำอารมณ์เบื่อและเหงาสู่ตัวละครและคนอ่าน  ในขณะเดียวกันก็หยอกล้อตนเองในฐานะนักเขียนไปด้วย ซึ่งภาพคนแบบชาลีนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคมดิจิทัลในปัจจุบัน  และการสะท้อนภาพชาลีในฐานะตัวเอกไร้คุณค่านับเป็นความจริงของสังคม และเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งของผู้เขียน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ แชมเปญจ์น ซูเปอร์โนวา และการฆ่าตัวตายครั้งสุดท้ายของ         ชาลี ของ พิชา รัตนานคร ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗    

คนละฝั่งของแม่น้ำ

คนละฝั่งของแม่น้ำ  เป็นเรื่องราวของสามเณรตุเตเปรียญธรรมสามประโยคจากภาคใต้ เดินทางมากรุงเทพฯ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสอบให้ได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในภาคการศึกษานั้น สามเณรพักที่วัดเล็ก ๆ ฝั่งธนบุรี ต้องลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งพระนคร  เพื่อเดินไปยังสำนักเรียนในพระอารามหลวงระดับชั้นเอกพิเศษย่านเสาชิงช้า การเดินทางไปเรียนหนังสือ สามเณรได้พบเหตุการณ์รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ เช่น การวางขายพระเครื่องแบกะดินริมทางเท้า เรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอาศัยนอนค้างคืนในวัด เรื่องช่วยเหลือผู้หญิงพลัดตกน้ำจากโป๊ะ เรื่องการถูกตรวจสอบจากพระวินยาธิการผู้มีหน้าที่พิสูจน์ว่าเป็นสงฆ์จริงหรือไม่  เรื่องนั่งด้านหน้ารถขนศพไปยังสถานที่ปลายทาง เรื่องเพื่อนสามเณรที่มาเรียนทางธรรมเพื่อนำไปเทียบการศึกษาสายสามัญ เป็นต้น แม้จะพบเรื่องราวต่าง ๆ  แต่สามเณรก็ตั้งใจเรียนจนจบหลักสูตร สอบได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในที่สุด คนละฝั่งของแม่น้ำ  เป็นหนังสือชื่อเรื่องดี โครงเรื่องดีหลากหลายอารมณ์ มีกลวิธีในการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ  ตัวละครสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องโอกาสทางการศึกษาของเด็กที่มีเป้าหมายต่างกันในการบวช การคลี่คลายปมปัญหาของตัวละครเป็นไปในทางที่ดี ภาพประกอบสอดคล้องกับเรื่อง ให้ข้อคิดเรื่องการตั้งเป้าหมายของชีวิต คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้คนละฝั่งของแม่น้ำ ของ ธารา ศรีอนุรักษ์  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา

รวมเรื่องสั้น จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา ประกอบด้วยเรื่องสั้น ๕ เรื่อง นำเสนอผ่านความคิดคำนึงและพฤติกรรมของตัวละครในวัยหนุ่มสาว  ผู้เขียนยกประเด็นสามัญที่พบเห็น ได้แก่ การเข้าค่าย  โรคระบาด ความรักและการพลัดพราก  เพศสถานะ ประสบการณ์เดินทางด้วยรถสาธารณะ การหย่าร้าง การตั้งครรภ์และแท้งบุตร มาสร้างเป็นเรื่องชวนติดตาม เรื่องสั้นชุดนี้เด่นด้วยการจบเรื่องที่พลิกความคาดหมาย  สำนวนภาษาสละสลวย คมคาย  แต่มีบางจุดที่ผู้เขียนจงใจเล่นสำนวนและใช้คำที่แปลกล้ำกว่าความหมายธรรมดาสามัญ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ จึงจารจดด้วยหยดน้ำตา  ของ  วริศ  ดาราฉาย ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

ผลิบานและหาญกล้า

ผลิบานและหาญกล้า เป็นเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตของไอดอลสาว ในช่วงเวลาที่เธอต้องไปเก็บตัวในสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัย เหตุจากการแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่ขัดแย้งกันในพื้นที่สาธารณะ สถานที่นั้นเธอได้พบกับผู้ดูแลสถานที่ ผู้พักอาศัยข้างห้องและบริเวณใกล้เคียง ผู้เขียนได้สอดแทรกเหตุการณ์ต่าง ๆ  ทั้งดีและร้าย นำเสนอด้วยภาษารุนแรงตามลักษณะของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในที่สุดก็คลี่คลายไปในทางดี ทำให้เธอได้รู้จักและเรียนรู้วิถีของคนเหล่านั้นมากขึ้น มีโอกาสช่วยเหลือกันและกันด้วยมิตรไมตรี จึงเปลี่ยนทัศนคติ พร้อมที่จะออกไปดำเนินชีวิตอย่างผลิบานและหาญกล้า ตามแบบของตนด้วยความมั่นใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้  ผลิบานและหาญกล้า ของ  จิรภัทร คงถนอมธรรม ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดนวนิยาย     ขนาดสั้น  ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

Before Becoming the Buddha 1 พุทธประวัติฉบับคอมมิค ภาค ก่อนตรัสรู้

          Before Becoming the Buddha 1 พุทธประวัติฉบับคอมมิค ภาค ก่อนตรัสรู้ เป็นหนังสือการ์ตูนที่นำเสนอพุทธประวัติในรูปแบบการ์ตูนนิยายภาพ  ออกแบบตัวละคร ให้ผู้อ่านเห็นบุคลิกที่สง่างามของเจ้าชายนักบวช ที่แม้อยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ซอมซ่อ แต่ยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนแวดล้อม ผู้วาดเน้นพุทธประวัติขององค์พระพุทธเจ้าที่ผ่าน เรื่องราวต่าง ๆ สู่การตรัสรู้ โดยเล่าย้อนเวลาตั้งแต่ช่วงการเดินทางทรงผนวช  ฝึกฝนเรียนรู้จากนักบวชผู้มีประสบการณ์  การพบปะบุคคลทุกชนชั้น ตั้งแต่กษัตริย์ นักบวช และสามัญชน หนังสือการ์ตูนเล่มนี้เป็นพุทธประวัติที่มีมุมมองใหม่ ๆ เหมาะสมกับยุคสมัยของคนอ่านในปัจจุบัน รูปแบบหนังสือเป็นการ์ตูนสวยงามด้วยมุมภาพที่มีเสน่ห์ ลายเส้นงดงาม ภาพวาดได้แรงบันดาลใจมาจากพระพุทธรูปยุคคันธาระ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปในยุคแรกที่ได้อิทธิพลจากสไตล์กรีก-โรมัน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ Before Becoming the Buddha 1 พุทธประวัติฉบับคอมมิค    ภาค ก่อนตรัสรู้  ของ ADISAK DAS PONGSAMPAN  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่น            บุ๊คอวอร์ด ประเภทการ์ตูน ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๖๗  

THE TRUE THUG

THE TRUE THUG เป็นหนังสือในโครงการ 7-11 ถอดรหัสนักวาดการ์ตูนในฝัน ส่งผลงานเข้าประกวดในนามกลุ่ม           เป็นการ์ตูนเรื่องสั้น ๆ ที่ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพที่น่าสนใจ ๒ ภาพ คือ ภาพจากมุมมองระยะไกล จะเห็นพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงของเด็กเกเร และความอ่อนโยนของเด็กเรียบร้อย ภาพจากมุมมองระยะใกล้ จะเห็นความอ่อนแอในเด็กเกเร เห็นความก้าวร้าวรุนแรงในเด็กเรียบร้อย นักเขียนนักวาดกลุ่มนี้ นำชีวิตในโรงเรียนของความเป็นเพื่อนที่ว่า นักเลงจริงต้องไม่ทำร้ายคนอ่อนแอ  เรื่องสนุก แสดงบุคลิกการแต่งตัวของตัวละคร ๓ ตัวที่ต่างกัน ภาพภายนอกที่เห็นอาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของแต่ละบุคคล  โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ย่อส่วนสังคมให้เยาวชนด้อยประสบการณ์ ได้ทดลองแก้ปัญหาต่าง ๆ  ซึ่งจะทวีความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ตามช่วงวัย ทำให้เยาวชนได้เรียนรู้ผู้อื่นพร้อมกับได้เรียนรู้ตัวเอง ได้รู้จักปรับปรุงตัวเองให้สอดคล้องกับสังคมเล็ก ๆ ในโรงเรียน อย่างเข้าใจและมีความสุข พร้อมรักษาความเป็นตัวของตัวเองไปด้วย THE TRUE THUG นับว่าเป็นการ์ตูนที่ดี ช่วยชี้นำสิ่งที่ผู้อ่านมองข้ามไปอย่างน่าสนใจ ลายเส้นและการจัดภาพ​สวยงาม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ THE TRUE THUG ของ ณัฐนิช คำพุด, ปนัสยา บรรลุดี,  ชนันรัฒน์ เตชะสุน และ ขวัญวริญ รัศมีฉาย  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒  รางวัลเซเว่นบุ๊ค อวอร์ด  ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดการ์ตูน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗