ฤดูดาว
จินตนิยายผสมผสานตำนานความเชื่อของชนเผ่า เมืองโบราณ และดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์กับแนวคิดวิทยาศาสตร์การเกษตร ผู้เขียนเน้นการต่อสู้ระหว่างความรักและความโลภ ซึ่งในที่สุดความรักเท่านั้นที่ยิ่งใหญ่และเป็นนิรันดร์
เคหาสน์กุหลาบดำ
นวนิยายกำลังภายในที่เขียนโดยนักเขียนไทย ผูกเรื่องได้สนุก หลากอารมณ์ทั้งการยุทธ์ไร้เทียมทานและความรักหวานเศร้า สำนวนโวหารกลมกล่อม ฝากคติธรรมให้คิด
กาษา นาคา
จินตนิยายที่นำเอาปกรณัมเรื่องครุกและนาคมาผูกเป็นเรื่องความรักความแค้น ข้ามชาติภพ ยึดโยงด้วยเรื่องกรรมและหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้อย่างมีอรรถรส
ครอบ (บ้าน)ครัว(เดียว)
“ครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว)” เป็นนวนิยายชีวิตครอบครัวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวใหญ่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนถึงสมัยปัจจุบัน กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ชับซ้อนและมีปัญหา ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งทั้งในด้านความเป็นอยู่ และความคิดของตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครเอก ซึ่งเป็นสตรีที่สามารถยืนหยัดดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งนวนิยายเรื่องนี้ มีกลวิธีการเสนอเรื่องที่ชวนติดตาม มีองค์ประกอบด้านฉาก ตัวละคร และบทสนทนาที่สมจริง มีชีวิตชีวา ให้ข้อคิดที่หลากหลายเกี่ยวกับการอนุรักษ์และสร้างสรรค์สังคมไทย ด้วยการผสานวัฒนธรรมเก่ากับใหม่ได้อย่างกลมกลืน ผู้แต่งใช้ภาษาและสำนวนโวหาที่เปี่ยมด้วยวรรณศิลป์ มีสีสัน มีเสน่ห์ สร้างจินตภาพได้อย่างแจ่มชัดและก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ
บูรพา
เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ซึ่งตรงกับสมัยวิกตอเรียนขอเนื้อเรื่องและการสร้างตัวละครสมจริง มีชีวิตชีวา สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ สังคมและวัฒนธรรมในช่วงเวลาดังกล่าวสะท้อนปัญหาความรักและคตินิยมของคนต่างเชื้อชาติและชนชั้นสอดแทรกปรัชญาและการดำเนินชีวิตของสังคมที่ยึดมั่นในจารีต ภาษาที่ใช้สื่ออารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้ลึกซึ้งและแยบยล
มิตรภาพสองฝั่งโขง
เป็นเรื่องราวของความผูกพันระหว่างเด็กชายกลุ่มหนึ่ง ที่จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือริมฝั่งแม่น้ำโขงซึ่งเติบโตมาด้วยกัน เด็ก ๆ กลุ่มนี้มีหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย ญวน จีน ลาว แม้มีความขัดแย้งกันบ้าง แต่ทุกคนก็รัก และสามัคคีกันโดยมีกีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลาง เมื่อทีมฟุตบอลของพวกเขามีความสามารถมากขึ้น จึงมีการจัดแข่งขันฟุตบอลเพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างเยาวชนไทย-ลาว ขึ้น ในการแข่งขันจึงมีทั้งความขัดแย้งด้วยความรักเชื้อชาติ และความต้องการเอาชนะ แต่สุดท้ายด้วยความตระหนักใน “มิตรภาพ” และความยึดมั่นในสิ่งเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายจึงปรองดองกันได้ ผู้ประพันธ์ ผูกเรื่องราวขึ้นได้อย่างสมจริงตามธรรมชาติของวัยรุ่นที่ชื่นชอบการเล่นฟุตบอล และสามารถนำเสนอกติกาการเล่นสอดแทรกไปในเนื้อเรื่องอย่างกลมกลืน ด้วยภาษาที่สละสลวยสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและตัวละคร ตลอดจนสร้างอารมณ์ของเด็ก ๆ ผู้เล่นกีฬาได้อย่างสมจริง
ยิ่งฟ้ามหานที
ปัญหาเกี่ยวกับผู้สูงอายุนับเป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่เกิดในสังคมที่วิทยาการด้านสาธารณสุขมีความเจริญก้าวหน้าอย่างสูง คนอายุยืนขึ้นทำให้ผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และในขณะเดียวกันสังคมมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัว ครอบครัวมีลักษณะเป็นครอบครัวเดี่ยวมากยิ่งขึ้น ลูกแต่งงานแล้วแยกย้ายจากครอบครัวของพ่อแม่ออกไปสร้างครอบครัวใหม่ของตนเอง ทำให้การดูแลพ่อแม่ผู้สูงอายุท้าทายสำนึกความคิดและการตัดสินของผู้เป็นลูก นวนิยายเรื่องยิ่งฟ้ามหานที ของกนกวลี พจนปกรณ์ นำเสนอปัญหาเหล่านี้ไว้อย่างเข้มข้นผ่านเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่มีแม่เป็นอัมพาตครึ่งซีกเพราะเส้นโลหิตในสมองแตก กำไลแก้วลูกสาวคนสุดท้องซึ่งยังเป็นโสดเป็นผู้ดูแลแม่เพราะพี่น้องคนอื่นต่างมีภาระเรื่องครอบครัวของตน ครอบครัวนี้ไม่มีปัญหาด้านการเงินที่ต้องใช้ในการดูแลรักษาพยาบาลแม่ผู้เจ็บป่วย เพราะพี่ ๆ มีฐานะมั่งคั่งจึงยินดีรับภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างซึ่งเป็นเงินจำนวนมาก แต่ทิ้งภาระการพยาบาลดูแลเป็นของน้องสาว กำไลแก้วมีงานทำในบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง และกำลังตกหลุมรักชายคนหนึ่งอย่างจริงจัง การดูแลแม่ซึ่งเจ็บป่วยทางกายยังไม่หนักหนาเท่ากับการดูแลจิตใจที่เปราะบาง เพราะร่างกายที่เจ็บป่วยพลอยทำให้จิตใจของนางอุบลป่วยไข้ไปด้วย นอกจากควบคุมระบบต่าง ๆ ในร่างกายไม่ได้แล้ว นางยังควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ และเรียกร้องให้กำไลแก้วอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา กำไลแก้วจึงอยู่ในภาวะถูกกดดันจากแม่ จากคนรัก และจากความเข้มงวดของเจ้าของบริษัท ดังนั้น โครงการพาแม่ไปอยู่ที่สถานพยาบาลที่พี่ ๆ เคยนำเสนอจึงถูกรื้อฟื้นมาทบทวนกันใหม่อีกครั้ง และในที่สุดลูก ๆ ทุกคนเห็นพ้องว่าการที่แม่อยู่ในสถานพยาบาลเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะแม่จะได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลตลอดเวลา ส่วนลูก ๆ จะได้ดำเนินชีวิตของตนเองได้อย่างอิสระ แต่หลังจากนั้นกำไลแก้วก็พบว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด นวนิยายเรื่องนี้แสดงความขัดแย้งในใจของตัวละครผู้เป็นแม่และผู้เป็นลูกโดยเฉพาะกำไลแก้วที่เป็นตัวเอกของเรื่องจนทำให้ผู้อ่านสะเทือนอารมณ์อย่างยิ่ง ความรักของแม่ที่ไม่อยากให้ลูกลำบากกายลำบากใจ และความรู้สึกผิดในใจของลูกที่ไม่ทุ่มเทเสียสละอย่างเต็มที่เพื่อแสดงความรักและความกตัญญูต่อแม่ เชือดเฉือนใจผู้อ่านให้แทบน้ำตารินไปพร้อมกับตัวละคร ผู้เขียนใช้ภาพเปรียบเทียบครอบครัว 2 ครอบครัวที่มีปัญหาการดูแลคนในครอบครัวที่เป็นอัมพาตเหมือนกัน ครอบครัวของอมาตย์ดูแลพี่ชายที่เป็นอัมพาตด้วยความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจนวาระสุดท้ายของชีวิต ทุกคนดีใจที่มีโอกาสมอบความรักให้คนที่ตนรักได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเสียใจหรือเสียดายภายหลัง ส่วนครอบครัวของกำไลแก้วให้แม่ไปอยู่สถานพยาบาลที่เลือกเฟ้นอย่างดี แต่เมื่อกำไลแก้วรับรู้และมองเห็นสายใยแห่งความรักที่อวลอุ่นอยู่ในบ้านของอมาตย์ก็ทำให้กำไลแก้วมีกำลังใจ และมองเห็นหนทางคลี่คลายปัญหาของตนเพื่อที่จะได้ดูแลแม่อย่างใกล้ชิดที่บ้านตลอดไป ยิ่งฟ้ามหานทีเป็นนวนิยายสะท้อนสังคมที่เสนอให้เห็นว่าแม้การส่งบุพการีผู้ชราและเจ็บป่วยไปอยู่สถานพยาบาลจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่สะดวกสำหรับคนในสังคมไทยปัจจุบัน แต่น่าจะเป็นเพียงทางเลือกสุดท้าย เพราะแท้ที่จริงแล้วผู้เป็นลูกยังมีทางออกที่งดงามอยู่ ขอเพียงแต่ยึดมั่นในความรักต่อพ่อแม่ ยอมเสียสละความสุขส่วนตนเพราะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะได้ตอบแทนความรักอันยิ่งใหญ่ของบุพการี ด้วยคุณค่าด้านเนื้อหา ความคิด และกลวิธีทางวรรณศิลป์ นวนิยายเรื่องยิ่งฟ้ามหานที จึงได้รับการตัดสินให้ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประจำปี 2551
มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ
‘มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ’ ของ ‘สีฟ้า’ เป็นนวนิยายที่สะท้อนภาพเมืองไทยในยุคปัจจุบัน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต ความเชื่อ ตลอดจนคตินิยม ของผู้คนทั้งในเมืองและชนบท ทั้งผู้ที่ทำหน้าที่ในการปกครองท้องถิ่นหรือประเทศชาติกับราษฎรที่อยู่ภายใต้การปกครองดังกล่าว ‘มหาสมุทรสุดลึกล้นฯ’ เป็นนวนิยายแนวอุดมคติซึ่งให้ข้อคิดและมุมมองอันทรงคุณค่า ขณะเดียวกันก็เป็นกำลังใจแก่ผู้ที่เสียสละผลประโยชน์และความสุขส่วนตนเพื่อธำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์และความถูกต้อง รวมทั้งย้ำเตือนให้ตระหนักว่าจิตของมนุษย์นั้น แม้จะเป็นคนที่ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกันเพียงไรก็ยังยากจะหยั่งถึง
ร้านหัวมุม
นวนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงสาวที่ดำเนินธุรกิจร้านขายเบเกอรี่เล็ก ๆ ซึ่งต้องต่อสู้กับการแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ ด้วยความมุ่งมั่นทำให้เธอฝ่าฟันอุปสรรคทางธุรกิจไปได้ นอกจากนี้ ยังเป็นนวนิยายอ่านสนุก ด้วยเรื่องราวความรักของตัวละครเอก ผู้ประพันธ์มีความสามารถในการใช้ภาษาที่ละเมียดละไม มีอารมณ์ขัน สามารถทำให้ผู้อ่านเพลิดเพลินไปได้ตลอดทั้งเรื่อง
โถงสีเทา
หากเปรียบชาตกรรมเป็นสีขาว ซึ่งหมายถึงจุดเริ่มต้นอันสว่างไสวของการเกิดและมรณกรรมเป็น สีดำ ซึ่งหมายถึง การดับวูบของแสงแห่งชีวิตไปสู่ความมืดมนอนธกาลของเขตแดนแห่งการไม่หวนคืน สีเทาที่อยู่ระหว่างภาวะแห่งการเปลี่ยนผ่านนี้ คงได้แก่ ความเจ็บไข้จากโรคาพยาธิและการเสื่อมไปของสังขาร ภายใน “โถงสีเทา” ซึ่งเป็นฉากหลักของนวนิยายชื่อเรื่องเดียวกันนี้ ผู้เขียนคือ “เข็มพลอย” ได้นำขั้วตรงข้ามหลายขั้ว ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นสีดำ-สีขาวมาเผชิญหน้ากัน บางครั้งนำมาผสมผสานกันจนเป็นสีเทา หลายครั้งได้สลายขั้วตรงกันข้ามนั้นและคลี่คลายไปสู่ความเข้าใจร่วมกัน ผู้เขียนได้หยิบยื่นพื้นที่อันเท่าเทียมกันให้แก่ตัวละครหลัก 2 กลุ่มคือแพทย์และผู้ป่วยได้เปล่งเสียงของตนออกมา ผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องต่อสู้ระหว่างความเป็น-ความตาย การรอดชีวิต-การพ่ายแพ้ต่อโรคร้าย รวมถึงชะตากรรมในเงื้อมมือญาติหรือคนในครอบครัวที่เลือกจะดูแลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจหรือปล่อยไปตามยถากรรม ส่วนแพทย์เอง-ได้เผชิญหน้ากับหลายประเด็นที่เป็นกรณีวิพากษ์อันเผ็ดร้อนในสังคม เป็นต้นว่า จรรยาบรรณของแพทย์ การแปรเปลี่ยนอาชีพอันทรงเกียรติไปในเชิงพาณิชย์ การที่คนไข้หรือญาติคนไข้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หรือการร้องเรียนเนื่องจากการรักษาบกพร่อง จุดเด่นจุดด้อยของโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งครอบคลุมถึงการบริหารจัดการระบบสาธารณะสุขโดยรวม-มุมมองด้านลบต่อสถาบันการรักษาพยาบาล ได้รับการทำให้สมดุลผ่านทัศนะและภาพการทำงานของแพทย์กลุ่มหนึ่งที่ยังคงรักษาอุดมคติในการอุทิศตนให้แก่การผดุงชีวิตมนุษย์ ผู้อ่านได้เห็นภาพและเกิดความเข้าใจในการทำงานและสภาพจิตใจของคนทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี ท่ามกลางการชักเย่อระหว่างความเป็นและความตายในห้องโถงสีเทาอันเคร่งเครียด ผู้แต่งบรรเทาความหดหู่ของผู้อ่านด้วยการสอดแทรกสุนทรียะทางดนตรีเติมแต้มไปในฉากต่าง ๆ เพื่อให้เห็นว่าในท่ามกลางความเศร้าหมองเป็นทุกข์ของผู้ป่วยไข้และเหล่าญาติ ยังมีมิตรอารีผู้ให้กำลังใจด้วยเสียงดนตรี และด้วยการช่วยเหลือให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ผู้เขียนไม่บกพร่องในการนำเสนอความเป็นนิยายที่ชวนติดตาม ผ่านความรักของหนุ่มสาวสองคู่ซึ่งมีปัญหาหนักที่ต้องตัดสินใจเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการครองชีวิตคู่ อันทำให้ โถงสีเทา เป็นนวนิยายที่มีสมดุลระหว่างการนำเสนอความจริงของชีวิตและสังคมกับความเป็นนวนิยายที่อ่านแล้วรื่นรมย์ใจ
แต่กี้ แต่ก่อน
แต่กี้ แต่ก่อน เป็นเรื่องราวของพิม ลูกสาวชาวสวนริมคลองลุ่มแม่น้ำบางปะกง ชีวิตผูกพันอยู่กับลำคลองและสวน ตั้งแต่วัยเด็กได้รับการอบรมให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบที่ดีงาม ได้รับการฝึกหัด ขัดเกลา ให้ทำงานเป็น รู้จักช่วยงานพ่อแม่ ขยัน และอดทน ชีวิตวัยเด็กซุกซนแก่นแก้วตามประสาเด็ก เมื่อเรียนจบ ม.6 ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ พิมเสียใจแต่ก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยงานทางบ้าน แต่ไม่อยากทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจจึงไม่คัดค้านการตัดสินใจของพ่อแม่ แต่ด้วยมีนิสัยรักการอ่านพิมอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอแม้ไม่ได้เรียนแล้ว เมื่อเติบโตมีครอบครัวใช้ชีวิตคู่กับเริ่มอย่างเรียบง่าย หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำสวน เลี้ยงไก่ ทำขนมขาย ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ไม่เคยย่อท้อ พยามยามสร้างวิกฤตเป็นโอกาสเสมอ นำความรู้จากการอ่านมาประยุกต์ใช้กับอาชีพได้อย่างเหมาะสม ด้วยความขยันหมั่นเพียร ชีวิตครอบครัวของพิมจึงอยู่อย่างพอเพียง ไม่ขัดสน และด้วยจิตใจที่ดีงาม ความกตัญญูของพิมต่อบุพการี ส่งผลให้ลูก ๆ มีความกตัญญูต่อพิมเช่นกัน ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตชาวสวนริมคลองในอดีตเมื่อสมัย 50 ปีก่อนได้อย่างละเอียดชัดเจน ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราววิถีชาวสวน จนรู้สึกเสียดายบรรยากาศเก่า ๆ ที่ไม่อาจหวนคืนมาได้ดั่งเช่นในอดีต “พิม” ตัวเอกของเรื่องแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง อดทน สู้ชีวิต เป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตที่ดีงาม น่ายกย่องชื่นชม
ลายสลักอักษรา
ลายสลักอักษรา เป็นสารคดีอัตชีวประวัติที่สะท้อนประวัติศาสตร์สังคม ความเป็นไปของวงการวรรณกรรมไทยในยุคหนึ่ง วิธีนำเสนอใช้สำนวนภาษคล้ายนวนิยาย เปิดเผยวิธีบ่มเพาะการเขียน ปัญหา และแนวทางแก้ไขในการทำงาน ถือเป็นประสบการณ์ตรงของนักเขียนที่ประสบความสำเร็จ ให้อรรถรสในการอ่านที่หลากหลายและเป็นแบบอย่างในการเขียนที่ดี
กระจกขอบทอง
กระจกขอบทอง เป็นนวนิยายที่นำเสนอเรื่องราวชีวิตของตระกูลช่างทำทองในช่วงรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 7 จากรุ่นสู่รุ่น ที่โลดแล่นตามเส้นทางที่บรรพบุรุษได้วางไว้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งลิขิตวิถีชีวิตตนเองโดยไม่ยอมแพ้ความทุกข์หรือท้อถอยต่อโชคชะตา กฤษณา อโศกสิน ได้แสดงสัญญะผ่าน “กระจก” ให้ตัวละครเอกเข้าใจและตระหนักรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาแต่ละช่วงชีวิตทีละมิติ ดังนี้ มิติแรก ผู้เขียนสะท้อนให้เห็นว่าเมื่อมองกระจก สิ่งที่สะท้อนออกมาคือเงาของตัวตนที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของบรรพบุรุษ มิติที่สอง เงาสะท้อนย่อมมีทั้งความงามและความบกพร่อง ทำให้แยกแยะได้ว่าควรจะเก็บอะไรไว้ หรือทิ้งอะไรไป ความเข้าใจนี้ทำให้เห็นปุถุชนวิสัยของบรรพบุรุษที่มีทั้งดีและร้าย มิติที่สาม การสั่งสมเกียรติยศและคุณงามความดีของบรรพบุรุษเปรียบเสมือนขอบทองของกระจกกระจกอาจหมองไปตามกาลเวลา จึงต้องหมั่นเพียรเช็ดถูรอยด่างดำที่กระจกและปิดทองที่ขอบเพื่อส่งมอบกระจกขอบทองเป็นสมบัติให้ลูกหลานรักษาสืบไป นอกจากสะท้อนความหมายของการดำเนินชีวิตอย่างเข้าใจและยอมรับข้อบกพร่องต่าง ๆ แล้ว ยังแสดงให้เห็นความองอาจและเด็ดเดี่ยวของมนุษย์ที่ใช้คุณธรรมกำกับนำพาชีวิตไปสู่ทิศทางที่ดีได้ คณะกรรมการตัดสินรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทนวนิยาย จึงมีมติให้ กระจกขอบทอง ของ กฤษณา อโศกสิน สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช 2560