สถาปัตย์-สถาปนา : การ(เมือง)ดีไซน์พื้นที่ และความนัยสถาปัตยกรรม
หนังสือเล่มนี้ชวนผู้อ่านขบคิดถึงเรื่องราวของ ‘เมือง’ ที่เราอาศัยอยู่ ว่าการออกแบบพื้นที่และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ของเมืองนั้น มีความนัยอะไรซ่อนอยู่บ้าง ผู้เขียนชวนเราพิจารณาความสัมพันธ์เชิงอำนาจในมิติต่างๆ โดยเฉพาะอำนาจรัฐ ที่ส่งผลต่อผู้อยู่อาศัยในเมือง โดยใช้สำนวนภาษาเรียบง่ายและอ่านสนุก
ข้างหลังภาพ 14 ตุลาฯ : จากระบอบปฏิวัติ ของเผด็จการสู่การปฏิวัติของประชาชน
ให้ความรู้ความเข้าใจถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย ได้แก่ เหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ และวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ โดยให้มุมมองเชิงลึกที่หนักแน่นไปด้วยข้อมูลข่าวสาร ผ่านการศึกษาค้นคว้าที่ละเอียดลออ ด้วยหลักฐานเอกสารการสัมภาษณ์เล่าเรื่องภาพและข่าวในสื่อมวลชน โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์และนิตยสาร สะท้อนบทบาทสื่อในการบันทึกประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน
543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล
จับประเด็นนำเสนอได้คมคาย กับการค้นคว้าชีวิตของเหล่านักปราชญ์ที่มีชีวิตในห้วงยาม ๕๔๓ ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกรุ่มรวยด้วยเหล่านักปราชญ์ ทั้งฟากตะวันออกและตะวันตก ผู้เขียนนำเสนอผ่านสำนวนภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ผ่านการค้นคว้ามาอย่างละเอียด เนื้อหาจึงน่าติดตาม ชวนอ่าน ชวนเพลิดเพลินไปกับหลักปรัชญาของเหล่านักคิดนักปราชญ์คนสำคัญของโลก คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ 543 BC ปวงเมธีแห่งอารยกาล ของ นำชัย ชีววิวรรธน์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗
กว่าพรุ่งนี้จะมาเยือน
กว่าพรุ่งนี้จะมาเมือนเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในท้องถิ่นใด้ซึ่งได้รับผลกระทบจากกระแสความนิยมของสังคมและจิตใจของมนุษย์ที่แปรเปลี่ยนไป เรื่องสั้นทั้ง ๑อ เรื่องราดภาพฉากและชีวิตชาวบ้านอย่างได้บรรยากาศของสีสันท้องถิ่น บางเรื่องแฝงนัยให้ผู้อ่าน คิดต่อไปว่าเหตุแห่งความสูญเสียของตัวละครนั้นมาจากอะไร เช่น ความตายของชาวสวนยางชื่อ “สาและ” ในเรื่อง “กว่าพรุ่งนี้จะมาเยือน” อาจเกิดจากการก่อการร้ายก็ได้หรืออาจเกิดจากการแก้แค้นของคนรักเก่าของลูกสะใภ้ก็ได้ หรือยังอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ได้อีกเช่นกัน ทั้งสามทางล้วนมีมูลเหตุที่ทำให้คิดต่อไปได้ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในชีวิตจริงซึ่งบางครั้งมิได้มีคำตอบเพียงหนึ่งเดียว งานเขียนที่ช่วยให้ผู้อ่านคิดได้หลายนัยเช่นนี้ คุ้มค่าแก่การอ่านเป็นอย่างยิ่ง
คนเล็กหัวใจมหึมามหาสมุทร
คนเล็กหัวใจมหึมามหาสมุทรเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีเอกภาพทั้งในด้านเนื้อหาและกลวิธีการนำเสนออย่างชัดเจน ผู้แต่งได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่แง่คิด และ จิตวิญญาณของเหล่าชาวประมง และกลุ่มผู้มีสถานภาพอันต่ำต้อย ซึ่งแม้จะเป็นเพียงคนเล็กๆ ในสังคม แต่กลับดูยิ่งใหญ่มหาศาลในด้านน้ำใจอันใส่ชื่อบริสุทธิ์ที่มีต่อเพื่อนร่วมอาชีพและเพื่อนร่วมโลกผู้ประสบความเดือดร้อนและทุกข์ยาก ด้วยลีลาการนำเสนอที่เรียบง่ายและสำนวนภาษาที่สามัญ แต่คมบาดลึกอารมณ์ความรู้สึกของผู้อ่าน ทำให้เกิดความหดหู่และปิติตื้นต้นได้อย่างน่าประทับใจ
เล่นแร่แปลภาพ ประวัติศาสตร์สยามจากเบื้องหลังภาพถ่าย
สารคดีที่นำเสนอเรื่องเล่าผ่านภาพที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ผู้เขียนรวบรวมภาพถ่ายต่าง ๆ ที่หาดูได้ยาก และค้นคว้าเจาะลึกเรื่องราวเบื้องหลังภาพเหล่านั้น ทำให้ผู้อ่านได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ล้านนาผ่านเจ้าดารารัศมี เป็นต้น
ชีวิตและความฝันใฝ่ของคนรุ่นใหม่สมัยคณะราษฎร
ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และพัฒนาการของเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองไทย การต่อสู้ทางความคิดระหว่างพลังใหม่ที่ก้าวหน้ากับพลังอนุรักษ์นิยม สะท้อนบรรยากาศความตื่นตัวของราษฎรเกี่ยวกับสิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพ ภราดรภาพ จากหลายเหตุการณ์ที่ไม่ปรากฏในหนังสือทางวิชาการเล่มอื่น ๆ เนื้อหาจึงมีคุณค่า กระตุ้นความตื่นตัวทางการเมือง ผ่านการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่หนักแน่น กว้างขวาง น่าเชื่อถือ แต่เรียบเรียงด้วยภาษาอ่านง่าย น่าติดตาม
คนจรดาบ
ภัยร้ายคืบคลานกรุงศรีอยุธยา ๗ ขุนเวียงนาครบาลออกตามล่าอ้ายดำท่าแพรและพรรคพวก ที่ต้องสงสัยว่าลอบสังหารเจ้าพระยาอรรคมหาเสนาบดี ทว่าการตามสืบกลับผิดแผน ๗ ขุนเวียงฯ ถูกลวงฆ่า ความลับถูกพราง และกรุงศรีอยุธยาอาจใกล้ถึงกาลอวสาน คนจรดาบ วรรณกรรมนักเลงดาบ นวนิยายที่ผสมผสานการเล่าเรื่องแบบพงศาวดาร เข้ากับนวนิยายกำลังภายใน เข้มข้นด้วยปมเรื่องสลับซับซ้อน ซึ่งใช้เวลาขัดเกลากว่า ๓๐ ปีโดยวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนมากฝีมือที่ฝากผลงานไว้มากมาย
๒๔๗๕ ราษฎรพลิกแผ่นดิน
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือข้อมูลที่ผู้เขียนเพียรค้นคว้าจากเอกสารต่าง ๆ รวมถึงหนังสืองานศพจำนวนมาก แล้วนำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหน้าประวัติศาสตร์สังคมและการเมืองไทย ขณะเดียวกันก็ฉายให้ผู้อ่านได้เห็นภาพชีวิตของผู้ร่วมก่อการที่มีอุดมคติและท่วงทำนองชีวิตอันหลากหลาย ไม่แห้งแล้ง เห็นถึงความมีเลือดเนื้อ อำนาจ และความเปลี่ยนแปรของสัจธรรม เป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่เก็บรายละเอียดต่าง ๆ มานำเสนออย่างได้อรรถรสและมีวรรณศิลป์ชวนอ่าน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ ๒๔๗๕ ราษฎรพลิกแผ่นดิน ของ นริศจรัสจรรยาวงศ์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดีประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
หลังบ้านคณะราษฏร
แม้เรื่องราวของการปฏิวัติ ๒๔๗๕ และคณะราษฎร จะมีผู้เขียนถึงมาแล้วเป็นจำนวนมาก แต่หนังสือเล่มนี้เลือกบันทึกถึงประวัติศาสตร์ช่วงนั้นในแง่มุมใหม่ที่ไม่เคยมีผู้เขียนมาก่อน นั่นคือแง่มุมของ ‘ผู้หญิง’ ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘หลังบ้าน’ ของคณะราษฎรผู้อ่านจึงได้รับรู้ถึงส่วนเสี้ยวแห่งประวัติศาสตร์ที่อาจขาดหายไปในบันทึกอย่างเป็นทางการต่าง ๆ บทบาทคณะราษฎรที่เป็นผู้ชายมักจะมองเห็นได้ง่าย เนื่องจากอยู่หน้าฉาก การเมือง แต่บทบาทผู้หญิงที่ถูกเก็บซ่อนอยู่หลังฉากก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ผู้เขียนเก็บข้อมูลได้ละเอียดลออ และมีวิธีเล่าเรื่อง รวมถึงลีลาภาษาที่ชวนติดตาม สนุกเพลิดเพลินและได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลาสำคัญของประเทศไปด้วยพร้อมกัน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ หลังบ้านคณะราษฎร ของ ชานันท์ ยอดหงษ์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทสารคดี ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
วินาทีไร้น้ำหนัก
วินาทีไร้น้ำหนัก เป็นนวนิยายสะท้อนภาพชีวิตหลากหลายอาชีพในเมืองหลวงอันวุ่นวายสับสน มีคนขับรถตู้ สถาปนิก นักเรียน นักศึกษา นักเขียน แคชเชียร์สาวซูเปอร์มาร์เก็ต พนักงานเสิร์ฟร้านอาหาร หญิงชราขายน้ำที่วินรถตู้และสุนัขจรจัด ชีวิตเหล่านี้ ต่างประสบชะตากรรมหรือเกี่ยวข้องในอุบัติเหตุรถชนกันบนทางด่วนในเย็นวันศุกร์ที่ฝนตกหนักผู้เขียนเล่าเรื่องผ่านเสี้ยววินาทีที่ผู้ประสบอุบัติเหตุแต่ละคนระลึกย้อนถึงเรื่องราวของตัวละครของตัวเองความทรงจำความฝันและจินตนาการ แม้ตัวละครล้วนมีชีวิตที่ยากลำบากแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีร่วมกันคือ การมุ่งไปสู่ความสำเร็จในชีวิต ความโดดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้มีสองประการ ประการแรกผู้เขียนสามารถเล่าเรื่องและบรรยายสภาพจิตใจ ความนึกคิด อารมณ์ของตัวละครได้อย่างมีรายละเอียดผสมผสานมิติ ด้านฟิสิกส์ เคมีและปรัชญาเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ทำให้เรื่องราวชวนติดตาม ประการที่สอง ผู้เขียนสามารถชี้ให้เห็นถึงความหมายและคุณค่าของชีวิตที่ดำรงอยู่แม้ในคนเล็ก ๆ ซึ่งสังคมเคยพบ แต่ไม่เคยมองเห็น หรือให้ความสำคัญ และเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีอยู่จริง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ วินาทีไร้น้ำหนัก ของ วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
เลือดข้นคนจาง
หลังเปิดพินัยกรรมไม่กี่วัน ทายาทคนโตของตระกูลจิระอนันต์ ก็ถูกฆาตกรรมอย่างมีเงื่อนงำ ด้วยน้ำมือของผู้ต้องสงสัยที่น่าจะเป็นใครคนใดคนหนึ่งในตระกูล ดูเผิน ๆ แล้ว โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในนวนิยายแนวสืบสวน-สอบสวนเรื่อง “เลือดข้นคนจาง” ของ “ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์” ก็ไม่ต่างจากเรื่องราวที่พบเห็นได้ทั่วไปในครอบครัวนักธุรกิจชาวจีนผู้มั่งคั่ง ที่ความโลภและความริษยาระหว่างพี่น้องสายเลือดเดียวกัน นำไปสู่จุดจบที่อื้อฉาวดังปรากฏพาดหัวข่าวอยู่เนือง ๆ อย่างไรก็ตาม หากพิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ผ่านพื้นที่แต่ละบท ที่ผู้เขียนเปิดโอกาสให้แต่ละตัวละครสะท้อนมุมมอง และระบายความในใจออกมา สิ่งสำคัญยิ่งกว่าการเปิดเผยตัวฆาตกร คือการค้นพบว่า จารีตแห่งความเหลื่อมล้ำระหว่างชาย-หญิง ต่างหาก ที่เป็นผู้ร้ายตัวจริง ขนบธรรมเนียมซึ่งเปิดโอกาสให้เพศชายผูกขาดอำนาจ มอบอภิสิทธิ์ให้ผู้ชาย–โดยเฉพาะบุตรชาย/หลานชายคนโต สร้างความไม่เท่าเทียมกันอย่างยิ่งยวดระหว่างลูกชายและลูกสาว สิ่งเหล่านี้ถูกบ่มเพาะ ฝังราก ตอกย้ำด้วยพิธีกรรม และส่งผ่านให้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า กลายเป็นยาพิษที่ไหลเวียนอยู่ในระบบ กัดกร่อนสัมพันธภาพ ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งขัน และทำให้ความรักและภราดรภาพระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดมิอาจเกิดขึ้นได้จริง “หากเรื่องเล่าที่ดี คือเรื่องเล่าที่ทำให้เชื่อขณะอ่าน และเปลี่ยนผู้อ่านเมื่อปิดหน้าสุดท้าย” นวนิยายเรื่องเลือดข้นคนจาง ถือว่าเป็นเรื่องเล่าที่ดียิ่งไปกว่านั้น เพราะสารอันทรงพลัง ที่สอดแทรกผ่านเหตุการณ์และเรื่องราวของตัวละคร ทำให้เมื่อปิดหน้าสุดท้าย ผู้อ่านกล้าฝันถึงการถือกำเนิดขึ้นของยุคใหม่ ยุคที่อคติและความเหลื่อมล้ำทางเพศถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ยุคที่เมล็ดพันธุ์แห่งความรักและความเท่าเทียม ได้รับการปลูกฝังและเบ่งบานในหัวใจของสมาชิกทั้งชายและหญิงโดยตั้งต้นจากพื้นที่ในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานสำคัญอันดับแรกของสังคม ด้วยกลวิธีในการประพันธ์ เนื้อหาสาระ และคุณค่าที่ปรากฏในนวนิยายเรื่องนี้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “เลือดข้นคนจาง” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทนวนิยาย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๓
เจิ้งเหอ แม่ทัพขันที “ซำปอกง”
ผู้เขียนบรรยายถึงความมโหฬารของขบวนเรือรบของแม่ทัพใหญ่เจิ้งเหอที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์แห่งนาวีมนุษยชาติ อีกทั้ง ยังได้เล่าเรื่องราวการเยือนกรุงศรีอยุธยาของแม่ทัพเจิ้งเหอ ราวสมัยรัชกาลพระรามราชาธิราช ถึงรัชกาลสมเด็จพระอินทราชาธิราชที่ ๑ หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนได้แรงบันดาลใจในการเขียน จากการได้ไป กราบสักการะองค์หลวงพ่อโตซำปอกงที่วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารแห่งย่านกุฎีจีน ธนบุรีและจากการค้นคว้าผู้เขียนได้พบความมโหฬารของขบวนเรือแห่งราชวงศ์หมิง โดยได้เปรียบเทียบให้เห็นภาพอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ขอบเขตแดนที่กองเรือยักษ์มังกรท่องไปถึงนั้น มีนับตั้งแต่แดนในอุษาคเนย์ อินเดีย และแอพริกา รวมราว ๓0 ประเทศ และเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์การค้นพบโลกใหม่ของนักเดินเรือฝ่ายตะวันตก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส พบทวีปอเมริกาและคิดว่าดินแดนที่เขาพบผืนนี้คือหมู่เกาะเอเชียตะวันออกในปี ๑๔๙๒ ซึ่งห่างจากช่วงที่แม่ทัพเจิ้งเหอออกทะเลครั้งแรกถึง ๘๗ ปี และเรือของโคลัมบัสวีรบุรุษผู้ค้นพบ โลกใหม่ยังเล็กกว่าเรือมหาสมบัติของจีนถึง ๔ เท่า ซึ่งเป็นการด้นคว้า ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดลึกซึ้ง และมีการนำเสนอข้อมูลเหล่านี้อย่างน่าสนใจ
นิทานกลางแสงจันทร์
เป็นเรื่องสั้นที่ใช้สำนวนภาษาได้ละเมียดละไม เข้าใจง่ายและลึกซึ้ง เปรียบเทียบเฉียบคมและสะท้อนสังคม โครงเรื่องมีมุมมองเกี่ยวกับชีวิตที่เลือกสรรได้เหมาะกับเรื่อง
ดวงใจยังส่องฝัน
ใช้ภาษาสละสลวย มีจินตภาพ อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสเก็บรายละเอียดทางด้านอารมณ์ได้ดี ให้ความรู้สึกของตัวละครโดยเฉพาะแง่มุมเกี่ยวกับความรัก
สัปดาห์สุดท้าย
“สัปดห์สุดท้าย” เป็นนวนิยายที่นำเสนอเรื่องเศรษฐศาสตร์ได้อย่างน่สนใจ ผู้แต่งสามารถเขียนเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย การใช้ภาษาตี ใช้เทคนิคดี อ่านแล้วเกิดอารมณ์สะเทือนใจ ไม่น่าเบื่อ
สีเทาเจ้าตัวจิ๋ว
เนื้อเรื่องสร้างสรรค์ จินตนาการน่ารักเกี่ยวกับสัตว์ อ่านแล้วมีความสุข ภาพประกอบดีรูปเล่มสวยงาม เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
เฮ่ย!… คนล้ม
ผู้เขียนนำเสนอข้อผิดพลาดของตน พร้อมทั้งเหตุผลในการให้กำลังใจ ในการต่อสู้กับความผิดหวัง จนสามารถแก้วิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้
เธอเก็บขยะเหม็นนับปี ส่งลูกไปสวนดอกไม้
เป็นหนังสือที่นำเสนอการสอนธรรมะอีกรูปแบบหนึ่ง ใช้ข้อคิด ข้อความสั้น ๆ แล้วค่อย ๆขยายความไปจนถึงจุดที่ต้องการนำเสนอ นับว่าเป็นรูปแบบที่น่าติดตาม
รถไฟ ชั้น 5
รวมเรื่องสั้นเล่มนี้ส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่แสดงถึงการหยิบยกเอาแง่มุมและปัญหาทางศีลธรรมและจริยธรรมของมนุษย์ การตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปของชีวิตโดยการตีความตามแนวคิดที่ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาพุทธศาสนา ผ่านการผูกเรื่องอย่างมีชั้นเชิง และการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยกลวิธีทางรรณศิลป์ การใช้ภาษาที่สละสลวยและมีอารมณ์ เปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้คิดต่อ โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดหรือขี้นำจากผู้เขียน
กลางทะเลลึก
เป็นนวนิยายชีวิตชาวประมง ซึ่งทำงานหนักและเผชิญภัยอันตรายกลางทะเลลึกตีแผ่ภาวะจิตใจของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา เผยให้เห็นความชับซ้อนทางความคิดและอารมณ์ของตัวละคร ผู้ประพันธ์สามารถถ่ายทอดภาพและภาวะความขัดแย้งของตัวละครได้อย่างละเอียดและลุ่มลึก มีการหน่วงเรื่องอย่างน่าสนใจชวนติดตาม ใช้ภาษากระชับ เข้มข้น และสมจริง
ย่ำสวนป่า
เนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำในวัยเด็กที่น่ารัก เล่าถึงธรรมชาติและสังคมในชนบท การดำเนินเรื่องกระชับ นำเสนออย่างตรงไปตรงมา อ่านสนุก แทรกอารมณ์ขัน แต่ละตอน มีการเชื่อมโยงถึงกัน ภาษาที่ใช้สละสลวย อ่านแล้วเห็นภาพขัดเจน ภาพประกอบเป็นภาพเขียนสีสวยงาม มีชีวิตชีวา สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง การจัดรูปเล่มมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์
ขับรถเที่ยวอิตาลี 8 เมืองมรดกโลก
อิตาลี ดินแดนแห่งวัฒนธรรมความเจริญรุ่งเรือง ศูนญ์กลางของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ความยาวนานทางประวัติศาสตร์ที่ฝังรอยลึกไว้ในเมืองใหญ่น้อยของอาณาจักรโรม มิลาน เวนิส และฟลอเรนซ์ ยังยืนยงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ผู้เขียนเป็นคนชอบลุยซอกแซกท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วยตนเอง แต่ยังมีพรสวรรค์ในการเก็บรายละเอียดของสถานที่และสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านพบ ผู้เขียนยังมีสไตล์การเขียนหนังสือชวนอ่านแสบ ๆ คัน ๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผู้เขียน และเนื้อหาในเล่มก็ไม่เบาหวิวหรืออัดแน่นไปด้วยข้อมูลจนล้นเกินไป ขับรถเที่ยวอิตาลี 8 เมืองมรดกโลกจึงเป็นตัวอย่างของหนังสือคู่มือการไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตนเองที่น่าสนใจเล่มหนึ่ง สำหรับผู้รักการเดินทางชอบประวัติศาสตร์ ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมและเชื่อว่าการเดินทางคือการเรียนรู้ ไม่ใช่แค่การไปถึงเท่านั้น ขับรถเที่ยวอิตาลี 8 เมืองมรดกโลก เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ควรค่าต่อการนำติดตัวไปด้วย
พญาอินทรี
พญาอินทรีเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีเนื้อหาหลากหลาย จากข้อมูลร่วมสมัยในมุมมองของนักหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์นำเสนอความเป็นไปและปัญหาของผู้คนต่างชนชั้นที่เกิดขึ้นในสังคม ทั้งด้านการเมือง วิทยาศาสตร์ และชีวิตได้อย่างสร้างสรรค์น่าสนใจด้วยกลวิธีการนำเสนอที่ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ในภาพรวม เรื่องสั้นในหนังสือ “พญาอินทรี” สามารถสื่อแนวคิด อารมณ์และความรู้สึกได้เข้มข้นจริงจัง ด้วยสำนวนโวหารที่มีสีสันมีชีวิตชีวาและทรงพลัง ทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจเรื่องและเห็นภาพได้กระจ่างชัด
นาฏกรรมเมืองหรรษา
นาฏกรรมเมืองหรรษาเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 10 เรื่อง ซึ่งสะท้อนภาพชีวิตของคนเมืองหลวงที่สับสนวุ่นวาย เช่น การสนับสนุนและการต่อต้านอดีตนักการเมือง การใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง การตกเป็นทาสของสื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ การติดสินบนตำรวจจราจร ฯลฯ ผู้ประพันธ์นำเสนอชีวิตของคนเมืองได้อย่างหลากหลายและมีสีสัน ด้วยมุมมองที่มีเอกลักษณ์ โดยใช้กลวิธีการประพันธ์เรื่องสั้นแบบหักมุมอย่างมีอารมณ์ขันเชิงเสียดสีและขมขื่นทำให้ผู้อ่านเกิดความหรรษา ผู้ประพันธ์ชี้ให้เห็นว่าความดีงามและความยุติธรรมกำลังเลือนหายไปเพราะผู้คนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน จึงเรียกร้องให้คนที่เห็นปัญหาลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อยับยั้งพฤติการณ์อันเลวร้าย มิใช่เพียงแต่เฝ้ามองหรือพร่ำบ่นอยู่อย่างเดียว
เขียนฝันด้วยชีวิต
เขียนฝันด้วยชีวิต ของประชาคม ลุนาชัย นำเสนอภาพชีวิตของชายที่มุ่งมั่นใฝ่ฝันจะเป็นนักเขียนอาชีพแต่การก้าวสู่เส้นทางน้ำหมึกนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคขากหนามอันชวนให้ท้อทั้และถดถอย ยิ่งเขา-ผู้ซึ่งมีต้นทุนน้อย ทั้งโภคทรัพย์ ญาติ มิตร และการศึกษา อุปสรรคก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ ชีวิตระหกระเหินของเขาผ่านการทำมาหากินมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่เป็นเสมียนในสำนักงานจัดหางาน พนักงานเสิร์ฟ เด็กฝึกงานในโรงงานแบตเตอรี่ พนักงานแบกลังน้ำปลา คนทำลูกชิ้นและขายก๋วยเตี๋ยว คนดูแลนากุ้ง ลูกเรือหาปลาล่องทะเลลึก ไปจนกระทั่งเป็นยาม ในระหว่างการประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงชีวิต เขาก็เลี้ยงวิญญาณและความใฝ่ฝันด้วยการอ่านหนังสือจากห้องสมุด จากร้านหนังสือเช่า และจากการซื้อหาตามที่พอจะมีกิน ประสบการณ์จากการอ่านและประสบการณ์ชีวิตทั้งของตนเองและจากการเฝ้าสังเกตชีวิตของผู้อื่น ล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับเขียนหนังสือ ความโดดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้อยู่ที่การตีแผ่ชีวิตที่ล้มลุกคลุกคลานครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ปิดบัง แต่ในโชคมีเคราะห์และในเคราะห์ก็มีโชค ชีวิตมีสุขมีเศร้า มีปวดร้าว มีปิติ มีสูญสิ้นมีวาดหวัง เวียนไปให้เห็นสัจธรรม ดังนั้นแม้เขาจะท้อแท้แต่ไม่ท้อถอย การลุกขึ้นสู่ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ที่รุมกระหน่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงกินใจผู้อ่านและขณะเดียวกันให้กำลังใจผู้ที่กำลังโต้คลื่นชีวิตให้ยืนหยัดต่อไป ผู้เขียนกล่าวไว้ว่า “ชีวิตมหัศจรรย์และทรงคุณค่ายิ่ง แม้จมลงในหุบเหวที่ลึกแค่ไหนเพียงใด ยังมีแรงตะกายกลับสู่เบื้องบน เปรอะเปื้อนความผิดพลาดกี่หนยังพยายามฟอกตัวเองให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ ผ่านแรงกระทบกระแทกซ้ำแล้วซ้ำอีก ยังกลับมาหยัดยืนได้อีกครั้ง ลื่นล้มและตกจากที่สูงกี่ครา ประกายแสงของมันไม่ยอมหรี่ดับลงโดยง่าย” ผู้อ่านได้ประจักษ์ในความมหัศจรรย์และคุณค่าของชีวิตเฉกเช่นเดียวกันกับที่ผู้เขียนกล่าวไว้ นวนิยายเรื่องนี้มีเสน่ห์ที่กลวิธีการเขียน เพราะผู้เขียนคัดสรรบางช่วงตอนของชีวิตมาเล่าให้ผู้อ่านปะติดปะต่อกันเป็นเรื่องราวเอาเอง ราวกับจะบอกว่าชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย บทจบและบทเริ่มต่อเนื่องกันราวกับจะบอกเป็นนัยว่าการเขียนฝันด้วยชีวิตยังไม่มีบทจบ หากต้องดำเนินต่อไป เขียนฝันด้วยชีวิตเป็นนวนิยายอัตชีวประวัติที่สะท้อนให้เห็นว่าไม่ว่าจะเป็นความฝันของใคร ความฝันนั้นก็ยิ่งใหญ่และมีคุณค่า แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือชีวิตที่กอปรด้วยความมานะบากบั่นที่จะทำความฝันกลายเป็นจริง ยิ่งสำหรับนักเขียนด้วยแล้ว ความฝันไม่มีวันจบ ต้องเขียนฝันด้วยชีวิต และทั้งชีวิต
เล่นเงา
นวนิยายสะท้อนรากเหง้าของปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่เกิดจากความล่มสลายของสถาบันหลักในสังคม ไม่ว่าจะเป็นทหารกดขี่รังแกประชาชน ข้าราชการฉ้อฉลเอาเปรียบ พระสงฆ์ทุศีลที่มัวเมากับราคะ และครูที่ล่อลวงลูกศิษย์ และที่ลึกลงไปในพฤติกรรมของบุคคลเหล่านี้คือกิเลสตัณหาที่ไม่มีวันจบสิ้น จึงล่อลวงให้มนุษย์เห็นถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก ปัญหาจึงสั่งสมโดยไม่มีวันแก้ไข ผู้เขียนนำเสนอความเลวร้ายในชุมชนแห่งหนึ่ง ผ่านสายตาและการบอกเล่าของตัวละคร 2 ตัว หนึ่งคือ ไอ้เท่ง ตัวตลกในหนังตะลุง อีกหนึ่งคือลุงส่ง ชายขี้เมาขาพิการ ไอ้เท่งเป็นตัวตลกไร้ชีวิตที่มีเพียงเงาโลดเต้น เป็นเหมือนจิตวิญญาณที่ห่วงใยชาวบ้านชุมชน แต่ เมื่อเป็นเพียงเงา และตัวตลก คำบอกเล่าของไอ้เท่งจึงเหมือนนิยายโกหกที่ไม่มีใครเชื่อ เช่นเดียวกับลุงส่ง คนพิการขี้เมาที่ไม่มีใครเชื่อคำพูด ดังนั้นแม้เขาจะชี้ตัวเจ้าอาวาสทุศีลและครูใหญ่กระหายกามว่าเป็น “ผู้ร้าย” ในชุมชน แต่ทุกคนก็เห็นว่าเป็นเรื่องเหลวไหล การเลือกไอ้เท่งและลุงส่งเป็นผู้เล่าเรื่องจึงตอกย้ำการที่ผู้คนปฏิเสธที่จะเข้าถึงความจริง ความเลวร้ายจึงฝังรากลึกต่อไปตราบนานเท่านาน น่าเสียดายที่ผู้เขียนทิ้งตัวละครนี้ไปในตอนท้ายเรื่อง บทจบจึงไม่สวยงามเท่าที่ควร การเลือกใช้กลวิธีเหนือจริงเพื่อบอกกล่าวความจริงนับเป็นกลวิธีทางวรรณศิลป์ที่โดดเด่นของนวนิยายเรื่องนี้ นอกจากผู้เล่าเรื่อง การสร้างบรรยากาศ และเหตุการณ์อาเพศผิดธรรมชาติแล้ว การให้แม่เฒ่าเปาะเจ๊ะหอนทุกปีเมื่อถึงวันครบรอบการตายของลูกชาย ก็สร้างบรรยากาศลี้ลับชวนสยอง แต่เป็นกลวิธีที่แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านได้ต่อสู้กับความอยุติธรรมด้วยวิธีอหิงสา เสียงหอนของยายเฒ่าเรียกร้องความชอบธรรมให้ลูกชายที่ถูกทหารพรากชีวิตอย่างโหดเหี้ยม เพราะทุกปีผู้คนก็จะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกันอีกครั้งและอีกครั้ง ความตายของผู้บริสุทธิ์จึงไม่เคยถูกลืม อย่างไรก็ตาม แม้นวนิยายเรื่องนี้จะแสดงความมืดดำของชีวิต ความเลวร้ายในจิตใจของผู้คน และความจริงที่เป็นเพียงเงาที่จับต้องไม่ได้ แต่ท้ายที่สุด ผู้เขียนก็ยังฝากความหวังไว้กับคนรุ่นใหม่ ที่จะกล้ากบฏต่ออำนาจและมายาคติที่ทำให้เกิดการแบ่งแยก เพื่อว่าในที่สุดแล้วเราจะมีสังคมใหม่ที่ดีกว่าเดิม นวนิยายเรื่องเล่นเงา ของจิรภัทร อังศุมาลี จึงสมควรรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่น บุ๊คอวอร์ด ประจำปี 2551
บริษัทไทยไม่จำกัด
“บริษัทไทยไม่จำกัด” ของสนั่น ชูสกุล เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นซึ่งสะท้อนสังคมชนบทที่กำลังถูกโอบล้อมและบีบรัดด้วยสิ่งต่าง ๆ จากสังคมยุคใหม่มากขึ้นทุกขณะ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวิชาการ โดยเฉพาะแง่มุมความขัดแย้งต่าง ๆ ซึ่งผู้แต่งได้หยิบยกมานำเสนอด้วยชั้นเชิงการเขียนที่มีชีวิตชีวา หรือน้ำเสียงเสียดสีอย่างมีอารมณ์ขัน ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งของหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดนี้คือการวิพากษ์ความขัดแย้งอันเนื่องจากการเมืองและสังคม ที่เป็นปมปัญหาใหญ่ของประเทศในขณะนี้ ผ่านสัญลักษณ์บางอย่างที่เข้าใจง่ายด้วยท่วงทำนองเสียดสี เย้ยหยันอย่างแยบคาย
จากสายน้ำสู่นคร
“จากสายน้ำสู่นคร” ของประกาศิต คนไว เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นซึ่งสะท้อนภาพธรรมชาติและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมชนบทที่ห่างไกล หนังสือเรื่องนี้นอกจากให้ความรื่นรมย์แล้ว ยังมีสาระที่ก่อให้เกิดความเข้าใจพฤติกรรม ความคิด และปัญหาที่ชาวชนบทเผชิญ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับความยากจน ทำให้ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ปัญหาที่เกิดจากความเจริญทางวัตถุ ซึ่งนำความเสื่อมโทรมมาสู่ธรรมชาติ ปัญหายาเสพติด การพนัน และการเอารัดเอาเปรียบกัน นอกจากนี้ เนื้อหายังกระตุ้นให้เกิดจิตสำนึกที่ดีงามในด้านความรัก ความกตัญญู ความเมตตา มิตรภาพ และการอนุรักษ์ธรรมชาติ ผู้แต่งนำเสนอเรื่องต่าง ๆ โดยผ่านชะตากรรมของตัวละครที่หลากหลาย ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ชาย หญิง และสัตว์ได้อย่างชัดเจน สมจริง ชวนติดตามด้วยภาษาที่สละสลวย ง่าย และงดงาม
ลมแล้งเริงระบำ
เป็นเรื่องราวของ “คำดั้ว” และเพื่อนบ้าน กับวิถีชีวิตของคนอีสานในหน้าแล้ง ให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน ความเป็นอยู่ ประเพณี และภาษาอีสาน เหมาะสมที่จะให้เยาวชนได้อ่านเพื่อเรียนรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับภาคอีสาน