All Posts

Archives

  • Home
  • วิสุทธิ์ ขาวเนียม

ดินแดนบันไดงู

ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม เป็นรวมบทกวีที่แสดงให้เห็นถึงโลกอันซับซ้อน ที่มนุษย์พยายามสร้างเงื่อนไข แล้วดำเนินชีวิตตามนิยามความคิด เพื่อเดินทางไปยังโลกอันแสนไกล โดยคิดว่านี่คือการขับเคลื่อนความจริงท่ามกลางความซับซ้อนและยอกย้อนตลอดเวลา ผู้เขียนได้แบ่งบทกวีออกเป็น ๓ ภาค คือ ชิ้นส่วนของประเทศ  พาเหรดซิมแปนซี และ ที่อยู่ของขอบฟ้า แต่ละภาคใช้ความเปรียบเหนือจริง ของจินตนาการ ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ผ่านบทกวีฉันทลักษณ์ที่ร้อยเรียงสัมผัสกันทุกบท ในภาค “ชิ้นส่วนของประเทศ” บอกถึงการประกอบสร้างสังคมซึ่งเดินหน้าด้วยความรู้และความเชื่อ ถอยห่างจากรกรากเดิม เดินผ่านเขาวงกตที่สร้างขึ้น เป็นการสร้างบ้านแปงเมืองเข้าสู่กับดักในท้องงูที่กลืนกินผู้คนเข้าไปในกลไกแห่งงูกล ขบวนมนุษย์ที่เป็น “พาเหรดของซิมแปนซี” ในภาคต่อมา อันเป็นขบวนของมนุษย์ที่เชื่อมั่นในความรู้ มีโลกกว้างแห่งจินตนาการอยู่ในบ้านจริงอันคับแคบ โลกที่นับถือความรู้และตรรกะจึงมองเห็นขอบฟ้าเพียงที่ประจักษ์ จึงได้แต่บูชาสิ่งปลอมเหล่านั้น ในภาค “ที่อยู่ของขอบฟ้า” หากกระโจนออกจากภาพลวงอันปรากฏอยู่ในกระจก เพื่อเต้นรำกับสายลม เห็นสายฝนที่ตกลงมาเป็นเพลงเศร้า เห็นแดดเช้าพร่ำรักกับแมวดำ ฯลฯ อันเป็นเทคนิควิธี “เหนือจริง” เหล่านี้แล้ว จะพบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ในดินแดนแห่งนี้เหมือนกำลังเล่มเกมบันไดงู เพื่อเดินทางไปพิสูจน์ที่อยู่ของขอบฟ้า ต่างล้วนมีโอกาสก้าวกระโดดลัดชั้นสูงขึ้นหรืออาจตกชั้นลงมาเริ่มใหม่ได้ตลอดเวลา ดินแดนบันไดงู งดงามด้วยองค์ประกอบทางวรรณศิลป์ และการสร้างสรรค์ด้วยจินตนาการ ทำให้เกิดการตีความได้ลุ่มลึกหลากหลาย คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้รวมบทกวี ดินแดนบันไดงู ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม  ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

ลมมลายู

“ลมมลายู” ของวิสุทธิ์ ขาวเนียม  เป็นผลงานรวมกวีที่เขียนถึงเหตุการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดทั้งเล่ม โดยเรียงร้อยต่อกันตั้งแต่บทที่ 1-45 แม้เรื่องราวจะไม่เรียงตามลักษณะการเดินเรื่อง เปรียบเสมือนผ้าหลากสีอยู่ปาเต๊ะผืนเดียวกัน โดยรวมแล้วมีเอกภาพ         มีความสด โดดเด่น และหนักแน่นในเนื้อหา เพราะสิ่งที่ผู้เขียนนำเสนอเป็นเรื่องปัจจุบันที่สะท้อนสถานการณ์ในแง่มุมต่าง ๆ อย่างเห็นภาพชัด ทำให้ผู้อ่านมองเห็นปัญหา ซึ่งอาจนำไปสู่การขบคิด ทบทวน และช่วยกันแก้ปัญหา   ด้านรูปแบบการนำเสนอ ผู้เขียนใช้กลอนสุภาพเป็นหลัก โดยสลับกับกาพย์ฉบัง 16 เป็นระยะ จึงทำให้น่าอ่าน ยิ่งลีลาในเชิงกวีที่ลื่นไหล สัมผัสนอกสัมผัสในอย่างได้จังหวะ ยิ่งทำให้ได้รสวรรณศิลป์                     “ต่างเชื้อชาติ  ศาสนา  ภาษาสื่อ                   ในหลากสิ่งยึดถือโลกคือบ้าน หลังเดียวและหลังสุดท้ายกลางสายธาร                          อุกกาบาตเดือดพล่านเอกภพ ไม่ต้องแค้น  ไม่ต้องฆ่า  ไร้อาวุธ                                    ไม่ต้องขุดดินนุ่มเป็นหลุมศพ ไม่คร่ารักเรืองรอง  ไม่ต้องรบ                                          ศานติภาพสุขสงบย่อมนิรันดร์”

มรสุมประเทศนี้ยังยาวนาน

มรสุมประเทศนี้ยังยาวนาน รวมบทกวีร่วมสมัย: ท่ามกลางมรสุมที่พัดผ่านคาบสมุทรโบราณ ของ วิสุทธิ์            ขาวเนียม นำเสนอภาพของสังคมไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนภาคใต้ทั้งในด้านสังคม วัฒนธรรมและการเมือง            ความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลกระทบที่ทำให้สังคมและทุกชีวิตเป็นทุกข์และป่วยไข้ รวมบทกวีแบ่งการนำเสนอเป็นสี่กลุ่ม คือ มรสุมยาวนาน ห้วงมนตราในรูปการณ์แห่งรหัสนัย เพรียกมาจากบาดแผลและดอกไม้ในดวงตาจบลงด้วยบท “รำพึงจากพลเมืองของประเทศสงคราม” ด้านกลวิธีการประพันธ์ผู้ประพันธ์มีความพิถีพิถันในการนำเสนอเรื่องราวของสังคมไทยในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและขัดแย้งด้วยการเปรียบเทียบเชิงอุปมาอย่างซับซ้อน  กวีนิพนธ์แต่ละบทจึงมีเนื้อหาและศิลปะ                 ในการถ่ายทอดที่มีลีลาเฉพาะบทชวนให้ติดตามค้นหาความหมาย  มีความโดดเด่นในการหยิบยกภาพธรรมชาติและภาพเล็กๆที่คนทั่วไปอาจไม่ได้ให้ความสำคัญมาเปรียบเทียบกับแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์และเหตุการณ์ในสังคม เช่น โลมากำสรวล แม่นกนางแอ่นชรา แมวเปรียวจับผีเสื้อ และ ในเสียงบีบบิเปลือกถั่วลิสง เป็นต้น  รวมบทกวีเล่มนี้จึงมีความหลากหลายด้านกลวิธีการนำเสนออย่างมีวรรณศิลป์

พลัดหลงไปในห้วงเวลาของนักมายากล

รวมบทกวี พลัดหลงไปในห้วงเวลาของนักมายากล ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม แบ่งการนำเสนอเนื้อหาออกเป็น 3 ภาค ประกอบด้วยภาคแรก “หลับฝันอยู่ในกระเพาะนกกระจาบ” กวีย้อนภาพชีวิตของผู้คนพื้นถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมีชีวิตชีวา ผ่านยามเช้าอันชุ่มเย็นด้วยสายฝนจากอิทธิพลของมรสุมเขตร้อนเหนือคาบสมุทรมลายู  อบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้พื้นบ้านนานาพรรณ  ผ่านชีวทัศน์อันอ่อนโยนของกวีผู้ศรัทธาในวิถีแห่งเกษตรกรรมที่ให้เห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งในธรรมชาติรอบตัว  ก่อนนำเสนอภาพความเปลี่ยนแปลงในภาคสอง “พลัดหลงไปในห้วงเวลาของนักมายากล” บอกเล่าสถานการณ์ความรุนแรงทางภาคใต้ที่สร้างความหวาดระแวงในใจของผู้คน เกิดสภาวะ “เมธีหลงทาง” เมื่อชุดความคิดและวาทกรรมกระแสหลักไม่สามารถอธิบายความซับซ้อนของปรากฏการณ์ทางสังคมไทยได้ กวีแสดงภูมิรู้ทางคติชนวิทยาโดยเฉพาะวิถีชีวิตชาวบ้านภาคใต้ได้อย่างมีสีสันชวนขบคิด  กวีเห็นว่าไม่มีเวทมนตร์จากพ่อมดตนใดที่จะเสกสร้างสังคมหม่นมัวได้เท่าจิตใจของผู้คน  และในภาคสุดท้าย “จำนวนที่เหลือของนกฝูงหนึ่ง” เหมือนจะสื่อเป็นนัยถึงผู้คนที่ผ่านการพลัดหลงจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในภาคที่สองมาแล้ว        และยังต้องประสบชะตากรรมที่หลากหลาย  โดยเฉพาะคนเล็กคนน้อยที่มีส่วนร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์แต่กลับถูกเพิกเฉยไร้ความสำคัญไม่ต่างจาก “เศษเสี้ยวของก้อนหินพันปี” ขณะที่โลกเสมือนในโซเชียลเน็ตเวิร์กก็ไม่ต่างจากเวทมนตร์ยุคใหม่ที่ทำให้เราหลงใหลได้ปลื้มจนลืมรากเหง้าของตน ในด้านการใช้ภาษา กวีสามารถใช้โวหารกวีที่เฉียบคมลึกซึ้งหลากหลายรูปแบบ ชวนขบคิดตีความตามประสบการณ์ของผู้อ่าน อาทิ เปรียบเทียบเรื่องการยึดกุมอำนาจและการต้องตกเป็นเบี้ยล่างของประชาชนผ่านบทกวี “ในลำไส้วัวหนุ่ม” ซึ่งโดดเด่นในการใช้โวหารกวีที่แปลกต่างจากขนบอันคุ้นชิน ดังนั้น รวมบทกวี  พลัดหลงไปในห้วงเวลาของนักมายากล ของ วิสุทธิ์ ขาวเนียม จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2560