All Posts

Archives

  • Home
  • นิตา มาศิริ

เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม

เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม รวมบทกวีของ นิตา มาศิริ แบ่งเนื้อหาสาระเป็น ๖ ตอน ได้แก่ มือที่จับดินสอเขียนกอไก่  มนุษย์คือสัตว์ทดลองของพระเจ้า  เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม  ดูสิดวงใจของใครหนอ  สนิมบนขวานและบ้านของเรา และสายธารที่ท้นหลั่งกำลังใจ    โดยภาพรวมของทุกตอน เนื้อหาสาระง่ายงาม มีศิลปะในการใช้ภาษา เป็นเรื่องราวการผ่านพบปรากฏการณ์ทางสังคมและธรรมชาติ  ทำให้เกิดความรู้สึกและเห็นภาพได้กระจ่างชัด           เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม เป็นกวีนิพนธ์ที่มีคุณค่าและเชิงชั้นทางวรรณศิลป์ รูปแบบฉันทลักษณ์ใช้กลอนแปดเป็นหลัก แทรกด้วยกาพย์ยานี  โดดเด่นด้วยกวีโวหาร เลือกสรรคำและภาพพจน์มาใช้อย่างเหมาะสม  มีความคิดสร้างสรรค์  สร้างอารมณ์สะเทือนใจ  เช่น ฉันกับเรือใบในมหานคร  หน้ากากสีทอง นิทานดวงดาวและข่าวคราวของสงคราม เป็นต้น ด้วยการใช้จินตนาการ พร้อมถ้อยคำอย่างมีชั้นเชิง ผสมผสานความสุข ความเศร้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แต่น่าค้นหาข้อความจริงที่ผู้เขียนซ่อนไว้ ดังตัวอย่างจาก เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม                    “บนดาวดวงเดียวกัน สัมพันธภาพ          เคยไหมทาบทอแสงฉายแรงหวัง ไปบนผืนแผ่นดินถิ่นหยัดยัง                            ท่ามกลางความเกลียดชังที่ฝังใจ ดาวดวงที่ฉันอยู่ …ท้นรู้สึก                                      ว่าลึกลึก คืนวันฉันหวั่นไหว           โอบกอดความปวดร้าวมายาวไกล                     ณ แดนดินยากไร้…และไกลจันทร์…” หรือในบท โลกวันใหม่ ที่ว่า “ดาวจะอยู่อย่างไรหากไร้ฟ้า                 ผู้โอบอุ้มชีวาแห่งสมัย           หนอ, นิทานดวงดาวอันยาวไกล                       บอกว่าโลกวันใหม่ – ไม่เหมือนเดิม” คณะกรรมการจึงมีมติให้รวมบทกวี เราอยู่บนดาวดวงเดียวกันไหม ของ นิตา  มาศิริ ได้รับรางวัลชนะเลิศ  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖

บางใครอาจลืมทางกลับบ้าน

หนังสือกวีนิพนธ์ชุด “บางใครอาจลืมทางกลับบ้าน” ของ “นิตา มาศิริ”  เป็นงานฉันทลักษณ์ที่สร้างสรรค์ในรูปแบบกลอนแปด ผู้เขียนได้แยกย่อยเนื้อหาเป็น ๖ ภาค ดังนี้ หากจะเรียกเธอว่าความรัก, แว่วเสียงนกที่จรจากรัง, ไม่มีเสียงเพลงในคืนอิเล็กโทนถูกเผาไฟ, เหลือความรักบ้างไหมแผ่นดินนั้น, บางใครอาจลืมทางกลับบ้าน และ คิดถึงครึ่งชีวิต ตามลำดับ กวีนิพนธ์เล่มนี้โดดเด่นที่เนื้อหาและอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งแสดงออกถึงความรักความผูกพัน รำลึกถึงคืนวันเก่า ๆ หอมกลิ่นอดีตในวัยเด็ก ตลอดจนเรื่องราวปัจจุบัน รวมทั้งการพลัดพราก อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ผู้เขียนได้ฉายภาพ ‘พื้นที่-ทุ่ง-ทาง’ บรรยากาศในชุมชนและ ‘บ้าน’ มาเป็นฉากเดินเรื่อง โดยมีความรักความผูกพันต่อ ‘พ่อ-แม่’ เป็นองค์ประกอบสำคัญ…  “หากจะเรียกสิ่งนั้นว่าความรัก     ที่พาเรามารู้จักและพบหน้า              แก้วกาแฟมื้อเช้า ข้าว ผัก ปลา              ที่มิเคยตีราคา ค่าหัวใจ” และบางบทในชิ้นงาน ‘เธออยู่บนชิงช้าสวรรค์’ ซึ่งสูญเสียพ่อ… “โลกหมุนเร็วเกินไปไหมเธอว่า?    ชิงช้าที่มาชิง-ยิ่งหม่นหมอง         ราวโลกเงียบนิ่งงัน-ฝันตระกอง              กอดเปลวไฟสีทองที่ลามเลีย              ฝุ่นเถ้าแหละเท่ารักที่รวมไว้         ทั้งคือลมหายใจผู้สูญเสีย        เคยโอบอุ้มพะเน้าพะนอเคยคลอเคลีย      อิงไออุ่นวนเวี่ยลงเรี่ยวาง” ส่วนเครื่องมือที่ใช้สื่อสาร แม้ว่าบางสำนวนอาจยังไม่สมบูรณ์ด้านฉันทลักษณ์ แต่โดยภาพรวมถือว่าเป็นหนังสือที่มีพลัง (กวี) มีภาษาง่าย ๆ  แต่งดงามอีกเล่มหนึ่ง ดังนั้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้กวีนิพนธ์ชุด “บางใครอาจลืมทางกลับบ้าน” ของ “นิตา มาศิริ” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทกวีนิพนธ์ ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓