หมอกสางม่าน
รวมบทกวี “หมอกสางม่าน” ของ นนทพัทธ์ หิรัญเรือง ประกอบด้วยบทกวี ๑๗ บท ใช้คำประพันธ์ประเภทโคลงและกลอน รวมทั้งกลอนเพลงพื้นบ้าน นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้งความรุนแรงทางร่างกายและวาจาระหว่างพ่อแม่กับลูก ปัญหาครอบครัวแตกแยกที่ทำให้ปู่ย่าตายายกลายเป็นผู้ทำหน้าที่เลี้ยงดู ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน รวมทั้งหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการศึกษา และปัญหาความขัดแย้งทางความคิดในสังคมไทย ผู้เขียนแบ่งเนื้อหาเป็นสองภาค “ภาคแรก ข้างในหมอก” กล่าวถึงปัญหาที่แฝงเร้นในครอบครัว โรงเรียนและสังคมเปรียบเสมือนม่านหมอกที่ปิดบังปัญหาที่แฝงเร้น ส่วน “ภาคหลัง ข้างนอกม่าน” เมื่อม่านหมอกจางไป ปัญหาก็ปรากฏเด่นชัดและคลี่คลาย ทุกคนจึงควร “สางม่านหมอก” แห่งปัญหาเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “หมอกสางม่าน” ผลงานของ นนทพัทธ์ หิรัญเรือง ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔
ฟังสิเสียงพรุ่งนี้เพรียกชีวิต
ต้นฉบับรวมบทกวี “ฟังสิเสียงพรุ่งนี้เพรียกชีวิต” ของ “นนทพัทธ์ หิรัญเรือง” เป็นงานฉันทลักษณ์หลากรูปแบบ อย่างเช่น กลอนแปด กลอนหก กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ โดยผู้เขียนได้แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงแรกตั้งชื่อ ‘ชีวิตในพรุ่งนี้’ ส่วนช่วงหลัง ‘พรุ่งนี้ในชีวิต’ ซึ่งเล่นคำสลับกันอย่างลงตัว แม้ว่างานชุดนี้เขียนขึ้นต่างกรรมต่างวาระ แต่เมื่อนำมารวมกันถือว่าเข้าชุดในความหมายของ ‘พรุ่งนี้’ ที่ทำให้ผู้อ่านมีความหวัง และเมื่อชีวิตมีความหวัง กำลังใจก็ตามมา ด้านรูปแบบแม้บางสำนวนอาจไม่สมบูรณ์ในฉันทลักษณ์ แต่ด้านเนื้อหาและลีลาวรรณศิลป์ถือว่ามีความโดดเด่น เรื่องราวส่วนใหญ่ผู้เขียนมักหยิบเอาประสบการณ์รอบ ๆ ตัวมาถ่ายทอด อาทิ จากการอ่านหนังสือวรรณกรรม ดังตัวอย่าง… “แสนล้านเล่มไหลหลามข้ามสะพาน โดยบรรทุกจิตวิญญาณแต่โพ้นเหย้า ถ่ายทอดบรรทัดส่งบันทึกสำนึกเนา ผลัดกันเล่าเปลี่ยนกันรักในวรรควลี” หรือประสบการณ์จากการเป็นครูบรรจุใหม่… “เช้าแรกหลังเลิกแถวหน้าเสาธง บางพะวงวับสลายฉายยิ้มปรี่ ”รีบขึ้นสอนเถอะครูขาอย่าช้าที’ ฟังสิเสียงพรุ่งนี้เพรียกชีวิต” ดังนั้น คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ รวมบทกวี “ฟังสิเสียงพรุ่งนี้เพรียกชีวิต” ของ “นนทพัทธ์ หิรัญเรือง” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓
แท้ธารมิอาจกั้น
กวีนิพนธ์คัดสรรแท้ธารมิอาจกั้น ของ นนทพัทธ์ หิรัญเรือง แบ่งเป็น 3 ภาค คือ คลื่นเกลียว เชี่ยวกรากและฟากธงสันติธรรม ในภาคคลื่นเกลียว นำเสนอเรื่องราวจากประสบการณ์การเป็นครูตั้งแต่เป็นครูฝึกสอน โดยให้ความสำคัญกับอาชีพที่มีหน้าที่อบรมบ่มเพาะเด็ก อีกทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ทัศนคติเชิงลบที่ครูมองว่าศิษย์ “โง่เหมือนควาย” ในบท “ถึงครูผู้ต้อนควาย” นอกจากนี้ยังเน้นถึงความสำคัญของพ่อแม่ที่ต้องดูแลเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด ในภาค “เชี่ยวกราก” นำเสนอเรื่องราวความเป็นไปในสังคม เช่น เรื่องราวของชาวนาที่เป็นนักอ่านแม้ว่าจะเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ ความรุนแรงทางภาคใต้ที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียชีวิตรวมทั้งครู ในภาค “ฟากธงสันติธรรม” นำเสนอแนวคิดเรื่องสันติสุข การยอมรับความแตกต่างทางชาติพันธุ์และการใช้วิจารณญาณในการเข้าใจชีวิตและโลก เน้นย้ำความสำคัญของการมีปณิธานในชีวิตแม้ว่าจะมีปัญหาและอุปสรรค หากมุ่งมั่นแล้ว คงไม่มีสายธารใดจะมาขวางกั้นได้ ด้านศิลปะการประพันธ์ ส่วนใหญ่ใช้กลอนสุภาพ และยังใช้โคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี ความ โดดเด่นของรวมบทกวีเรื่องนี้คือการนำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจและการวิพากษ์ปัญหาสังคมและทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง บางบทสามารถสื่อเรื่องราวได้อย่างสะเทือนอารมณ์ เช่น บท “ระยะห่างบนโต๊ะกินข้าวของแม่” เป็นต้น ดังนั้น แท้ธารมิอาจกั้น ของ นนทพัทธ์ หิรัญเรือง จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรางวัลนักเขียนรุ่นเยาว์ หมวดกวีนิพนธ์ ประจำปีพุทธศักราช 2561