อัศวินอุตุกับปีศาจทั้ง 8
อัศวินอุตุกับปีศาจทั้ง 8 เป็นบันเทิงคดีแนวจินตนาการอิงหลักธรรมะ ตัวเอกของเรื่อง คือ อัศวินอุตุ ในวัยเด็กมีนิสัยชอบนอน หลังจากได้ฟังแม่เล่านิทานเรื่อง 8 ปีศาจแห่งอนิจจอาณาจักร ก็เปลี่ยนเป็นเด็กที่มีความกระตือรือร้น รักการต่อสู้ ผจญภัย และมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เขาอ่านนิทานเรื่องนี้ซ้ำ ๆ ใฝ่ฝันที่จะปราบปีศาจทั้ง 8 มาตั้งแต่นั้น เมื่อเติบโตเข้ารับราชการได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวิน รู้ว่าปีศาจทั้ง 8 มีอยู่จริง และกำลังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน จึงออกปราบปีศาจ โดยได้รับความช่วยเหลือจากปู่ปัญญ์ ปราชญ์แห่งอนิจจอาณาจักร ผู้เขียนได้นำลักษณะนิสัยของมนุษย์ 8 อย่าง อันได้แก่ โมโห ซึมเศร้า โลภ ขี้เกียจ ขี้ขลาด อิจฉา แล้งน้ำใจ อัตตาสูง มาสร้างเป็นตัวละครปีศาจทั้ง 8 ตั้งชื่อปีศาจโดยนำลักษณะของดวงตาสื่อถึงนิสัยของปีศาจแต่ละตน ได้แก่ ปีศาจตาแดง ปีศาจตาซึม ปีศาจตาวาว ปีศาจตาปรือ ปีศาจตาร้อน ปีศาจตาขาว และปีศาจตาบอด การปราบปีศาจแต่ละตนมีกระบวนการเป็นขั้นตอน โดยศึกษาข้อมูลลักษณะที่อยู่ ร่างที่อาศัย ลักษณะนิสัย และจุดแข็ง จุดอ่อนของปีศาจแต่ละตนอย่างดี โดยมีข้อคิดว่าของวิเศษต่าง ๆ ของปู่ปัญญ์จะไม่มีอิทธิฤทธิ์ใด ๆ ถ้าใช้โดยขาดสติและสมาธิ การนำเสนอเรื่องสอดแทรกแก่นธรรมะได้อย่างแนบเนียน ได้ข้อคิด หลักธรรม ช่วยให้เข้าใจตนเอง และพฤติกรรมของมนุษย์มากขึ้น ตระหนักรู้ว่าปีศาจทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจากเราเป็นผู้สร้างขึ้นเอง การกำจัดให้สิ้นไปจึงขึ้นอยู่กับการควบคุมตนเองให้มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ด้วยความโดดเด่นในการนำเสนอเรื่องที่มีแก่นธรรมะที่เข้าใจง่าย การดำเนินเรื่องที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน ชวนติดตามด้วยสำนวนภาษากระชับสละสลวย อัศวินอุตุกับปีศาจทั้ง 8 ของ ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร จึงสมควรได้รับการยกย่องให้เป็นหนังสือดีเด่นรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2561
ผ้าบาติก มรดกแห่งการเสด็จเยือนชวา
ผ้าบาติก มรดกแห่งการเสด็จเยือนชวา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเสด็จฯ ประพาสชวา 3 ครั้ง ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงนำสิ่งที่พบเห็นมาพัฒนาบ้านเมืองด้านต่าง ๆ หลายด้าน เช่น การชลประทาน การคมนาคม การจัดและการดูแลสวน ทรงสนพระราชหฤทัยเป็นพิเศษในอุตสาหกรรมพื้นบ้านโดยเฉพาะการจัดทำผ้าบาติก ผู้จัดทำนำเสนอเนื้อหาผ่านเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่บรรพบุรุษเป็นเจ้าของโรงงานผ้าบาติกในชวา ซึ่งได้ตามเสด็จรับใช้เบื้องพระยุคลบาท และได้เข้ามาทำงานในสยามประเทศ สมาชิกในครอบครัวรุ่นหลานได้รับรู้บันทึกของคุณทวดจากการบอกเล่าของคุณตา และเรียนรู้วิธีการเขียนผ้าจากคุณป้า การเสนอข้อมูลโดยการเล่าเรื่อง และการสอนให้ปฏิบัติจริง ทำให้ชวนติดตาม มีภาพประกอบทั้งภาพวาดและภาพถ่าย มีภาคภาษาอังกฤษในเล่มเดียวกัน
น้ำตาแม่มด
เรื่องราวของน้ำตาแม่มดเกิดขึ้นในจังหวัดเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ตำนานที่เล่าสืบต่อกันถึงน้ำตาแม่มด ทำให้เอสและมินต์ได้พบกับความจริงบางอย่างของคุณนายวัลย์ซึ่งเป็นคุณป้าของมารีญ่าเพื่อนเก่าสมัยประถม ของเอส วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้เป็นเสมือนสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างเยาวชนกับผู้สูงอายุ ซึ่งมีวิธีคิดอันเนื่องมาจากประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน ทำให้เยาวชนได้ตระหนักและเรียนรู้เพื่อที่จะยอมรับการเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ความตายก็ทำให้เรารู้จักชีวิตและใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
เด็กชายต้นไม้
เด็กชายต้นไม้ เป็นบันเทิงคดีแนวอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นเรื่องราวของเด็กประถมปลายที่ผูกพันกับต้นไม้หลากหลายชนิด มีตัวละครหลักที่มาจากโลกอนาคตที่มีความสามารถพิเศษสื่อสารกับต้นไม้ได้ เนื้อหาเน้นความสำคัญของต้นไม้ที่มีชีวิตและความรู้สึก ชี้ให้เห็นว่าการตัดต้นไม้ทำลายป่าทำให้เกิดภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองใหญ่ ๆ ตามแนวชายฝั่งจะต้องจมน้ำ นอกจากนั้นยังให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ต้นไม้ และการเก็บรักษาพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะการเพาะเนื้อเยื่อ เด็กชายต้นไม้ จึงเป็นหนังสือที่ให้ความรู้ผ่านบทบาทของตัวละครได้อย่างเหมาะสม และเป็น ประโยชน์ต่อเยาวชนอีกเล่มหนึ่ง
ก้าวเล็ก ๆ ของเด็กชายตูน
หนังสือเรื่อง ก้าวเล็ก ๆ ของเด็กชายตูน เป็นเรื่องราวชีวิตของ ‘พี่ตูน บอดี้สแลม‘ ผู้ชายที่ประกาศตัวเป็นคนธรรมดาแต่อาสาชวนผู้คนมา “ก้าวไปด้วยกัน” เพื่อเพื่อนมนุษย์ เด็กชายตูนมีพ่อแม่ส่งเสริมให้ทำทุกอย่างที่สนใจมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็ตั้งใจทำจนสำเร็จเสมอมา ทั้งด้านการเรียน ดนตรี และกีฬา ในช่วงเวลาที่ธุรกิจที่บ้านมีปัญหา พี่ตูนทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ ส่งของ และเป็นนักร้อง นักดนตรีตามร้านอาหารเพื่อหารายได้ช่วยครอบครัว ทุกเหตุการณ์ในชีวิตหล่อหลอม และเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ตูนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก้าวเล็ก ๆ ของเด็กชายตูน สามารถสร้างแรงบันดาลใจแก่เยาวชนให้เห็นว่าคนธรรมดาก็มีความฝันอันยิ่งใหญ่ได้ เพียงตั้งใจจริงและมุ่งมั่นก็สามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งยังสะท้อนถึงความเสียสละโดย ไม่หวังสิ่งตอบแทน สำหรับผู้ใหญ่จะเห็นถึงการเลี้ยงดูที่สามารถหล่อหลอมให้เด็กเติบใหญ่ และเป็น “ผู้ให้” เช่นพี่ตูน
ชายแดนตะวันออก ชาวนาไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ชีวิตวัยเด็กในช่วงก่อนวัยเรียน ที่บ้านใหม่ปากฮ่อง หมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ในจังหวัดสระแก้ว ผ่านชีวิตของ “น้อย” เด็กชายในครอบครัวชาวนาที่ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการทำนาและหาปลาในธรรมชาติ แต่ชีวิตที่สงบสุขเริ่มกลายเป็นความทุกข์ ผู้คนในหมู่บ้านต้องเดือดร้อนอย่างมาก เมื่อสงครามในประเทศเพื่อนบ้านขยายวงกว้างเข้ามายังหมู่บ้านที่มีพรมแดนติดกัน จนชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม แม้ว่าคนกลุ่มหนึ่งรวมทั้งพ่อของน้อยไม่ยอมทิ้งหมู่บ้าน ยังคอยป้องกันหมู่บ้านอย่างกล้าหาญ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องนับสิบปีและผ่านมานานแล้ว จนเยาวชนรุ่นใหม่นึกภาพไม่ออก หนังสือเรื่องนี้จึงเป็นวรรณกรรมบันทึกเหตุการณ์จริงของสงครามและผลของสงครามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงเวลานั้นไว้อย่างน่าสนใจ คณะกรรมการพิจารณาแล้วจึงมอบรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2562 ให้แก่เชาวลิต ขันคำ จากผลงานเรื่อง ชายแดนตะวันออก ชาวนาไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งปลูกฝังความรู้สึกรักชาติและให้ความรู้เชิงประวัติศาสตร์ในรูปแบบของงานวรรณกรรม
วันเกิดของเค้าโมง
เรื่องราวภายในวันเดียวของสาวน้อยวัย 15 ปี เค้าโมงลูกคนกลางของครอบครัวที่พ่อกับแม่ไม่ลงรอยกัน เธอต้องดูแลอาหารการกินตามที่แม่สั่งให้พี่สาวคนโตที่มีปัญหาเก็บตัวไม่ไปเรียนและน้องสาวคนเล็กซึ่งยังช่วยตัวเองไม่ได้ วันคล้ายวันเกิดปีนี้เค้าโมงพบเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องงานในบ้าน เรื่องความรักแบบวัยรุ่น เรื่องเพื่อนชายที่เธอชื่นชมและแอบตามไปดูเขาจัดกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงคำอธิษฐานสามข้อที่อยากได้ในวันเกิด หนังสือเล่มนี้อ่านสนุก เดินเรื่องฉับไว ชวนติดตาม อ่านแล้วยิ้ม บางครั้งหัวเราะ ให้ความสะเทือนใจถึงกับน้ำตาซึม สะท้อนให้เห็นถึงความคิด ความรัก ความอบอุ่น ความห่วงใย และการให้อภัยที่ต้องฝึกให้มีต่อกันในครอบครัว ผู้เขียนมีความสามารถทางวรรณศิลป์จึงสร้างสรรค์วรรณกรรมสำหรับเยาวชนสะท้อนสังคมปัจจุบันได้อย่างลงตัว คณะกรรมการจึงมีมติให้ วันเกิดของเค้าโมง ของ จันทรังสิ์ สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2562
พ่อมหา แม่หางเครื่อง ลูก(สาว)นักร้อง
พ่อมหา แม่หางเครื่อง ลูก(สาว)นักร้อง วรรณกรรมเยาวชนสะท้อนสังคมชนบทอีสานสมัยปัจจุบัน ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวสนุกสนานแฝงสาระการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน และปัญหาในครอบครัว ที่มีความเปลี่ยนแปลงตามกระแสวัตถุนิยมที่แพร่อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี และความขัดแย้งระหว่างเพื่อนของเยาวชนวัยรุ่น ซึ่งในที่สุดก็คลี่คลายลงได้ด้วยความเข้าใจและมิตรภาพที่มีมายาวนาน เรื่องราวต่าง ๆ ได้นำเสนอในสังคมหมู่บ้านเกษตรกรรม โดยมีครอบครัวของ ‘พ่อมหา’ อดีตนักเทศน์รูปงามเสียงไพเราะที่ลาสิกขามาสร้างครอบครัวกับสาวหางเครื่องลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน และมีบุตรหญิงและ ชายวัยรุ่น เป็นศูนย์กลางของเรื่อง ครอบครัวนี้เป็นเสมือนตัวแทนครอบครัวเกษตรกรสมัยใหม่ฐานะ ปานกลาง สมาชิกในครอบครัวมีอิสระในการดำเนินชีวิตตามสมควรและมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน พ่อมหาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีความรู้ ขยัน อดทน รักครอบครัว และมีคุณธรรม ในขณะที่ภรรยาสาวสวยอดีตหางเครื่องวงหมอลำซิ่งผู้เป็นแม่บ้านยังรักเสียงเพลงและการแสดง และมุ่งมั่นให้ลูกสาวก้าวหน้าบนเส้นทางนักร้อง ส่วนลูกสาววัยรุ่น นักร้องประจำวงดนตรีของโรงเรียน ผู้มีพร้อมทั้งสติปัญญา รูปโฉม และความสามารถในการร้องเพลงและการแสดง และยังรักการเรียน ก็มุ่งหวังอนาคตเป็นนักร้องลูกทุ่งดัง จึงเข้าประกวดร้องเพลงในงานประจำปีของจังหวัด จนเป็นที่มาของความขัดแย้งกับเพื่อนสนิทที่เป็นลูกสาวของเพื่อนมารดา ซึ่งกลายมาเป็นคู่แข่ง จนเกือบจะเสียมิตรภาพ แต่ในที่สุดด้วยความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมานานของทุกคนในชุมชน ปัญหาต่าง ๆ ก็คลี่คลายลงด้วยดี ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวด้วยสำนวนภาษาเรียบง่าย สละสลวย สร้างตัวละครให้มีความสมจริงทั้งบทบาทและบทสนทนา สอดแทรกข้อคิดและคุณธรรมไว้ในเนื้อเรื่องอย่างเหมาะสม คณะกรรมการจึงมีมติให้หนังสือเรื่อง พ่อมหา แม่หางเครื่อง ลูก(สาว)นักร้อง ของ โชติ ศรีสุวรรณ สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2562