All Posts

Archives

  • Home
  • วรรณกรรมสำหรับเยาวชน

ม็อกซ์ แมวมหัศจรรย์

ม็อกซ์ เป็นแมวเหมียวลายเทาธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับเด็กชายคนหนึ่ง เพราะม็อกซ์สามารถพูดคุยกับเขาได้แต่ไม่อาจสื่อสารกับคนอื่นๆ ในบ้านได้เพราะ “กระแสคลื่น”  ยังไม่ตรงกัน  นับตั้งแต่ม็อกซ์เข้ามาอยู่ในบ้านก็มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งตื่นเต้น สนุกสนาน     และแม้กระทั่งความลับเล็กๆ น้อยๆ  แต่ก็ทำให้ทุกคนในบ้านมีชีวิตชีวาขึ้น “สุมาลี” เรียบเรียงเรื่องราวของม็อกซ์ แมวมหัศจรรย์  โดยการบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวที่อบอุ่น   สงบสุข จนกระทั่งมีแมวมหัศจรรย์ ตัวนี้เข้ามาสร้างความรื่นเริงให้อย่างน่ารัก และน่าติดตาม

อธิษฐานสิจ๊ะกับนางฟ้า สีเขียว

เรื่องราวความทรงจำในวัยเด็กของเด็กชายเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งมีต่อ “นางฟ้า” ผู้แสนดีและพร้อมที่จะรับฟังทุกเรื่องราวของเขา  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กในสายตาผู้ใหญ่หรือเรื่องใหญ่ในความรู้สึกของเด็ก ผู้อ่านจึงได้รับรู้ความรู้สึกของเด็กน้อย  ตั้งแต่รายละเอียดที่บ้านอันอบอุ่นทั้งที่ขัดสนจนถึงโรงเรียนอันน่าสนุกสนานและน่าเบื่อ หรือเพื่อนรักของเขาซึ่งอาจจะไม่น่ารักสำหรับใครๆ แต่มิตรภาพอันบริสุทธิ์ของเด็กทั้งสองก็ยังคงอยู่ด้วยความบริสุทธิ์สดใส “วิเชียร  ไชยบัง”  สะท้อนความรู้สึกอันงดงามในใจของเด็กๆ ได้อย่างลึกซึ้ง  ด้วยภาษาที่อ่อนโยนละเมียดละไม ชวนให้ผู้อ่านต้องย้อนทบทวนว่า  เด็กๆ ก็มีหัวใจ และจินตนาการอันยิ่งใหญ่ที่เราไม่ควรละเลย

สายลมกับทุ่งหญ้า

เรื่องราวของตากับหลานที่มีรายละเอียดอันอ่อนโยนของชีวิต ซึ่งดำเนินไปตามวิถีโลก บอกเล่าถึงความผูกพันของคนสองวัย คือ กายในวัยที่กำลังเรียนรู้เพื่อความเข้มแข็งกับตาคำผู้ซึ่งผ่านประสบการณ์ชีวิตอันเข้มข้นและมองทุกอย่างผ่านสายตาอันลึกซึ้งและแหลมคม การดำรงอยู่และเติบโตของกายสวนทางกับความร่วงโรยและการจากพรากของตาคำ แต่เรื่องราวระหว่างบรรทัดนั้นเองที่ทำให้กายและผู้อ่านได้ค้นพบความหมายของชีวิตผ่านสายลมกับทุ่งหญ้าอันงดงามในความเป็นจริง วิเชียร ไชยบัง สามารถใช้ภาษาและจินตนาการก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน และชวนติดตามเรื่องราวของตัวละครที่เปรียบเสมือนบุคคลที่เราได้พบเห็นในสังคมชนบทที่ยังมีความรัก ความผูกพันและอบอุ่นไปด้วยน้ำใจไมตรีซึ่งไม่มีวันลบเลือนไปจากสังคมไทย

นักล่าผู้น่ารัก

นักล่าผู้น่ารักเป็นนวนิยายเกี่ยวกับสุนัขที่นำเสนอโดยเน้นเรื่องราวชีวิตของสุนัขสองตัวที่มีภูมิหลัง และพฤติกรรมแตกต่างกัน แต่ชะตาชีวิตทำให้ได้พบและร่วมเดินทางผจญภัยจนเกิดมิตรภาพแน่นแฟ้น และนำไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่าเป็นเรื่องของสัตว์เลี้ยงธรรมดา แต่หนังสือเรื่องนี้ก็มีความโดดเด่นด้วยโครงเรื่องที่สนุกสนานให้สาระความรู้ที่มีประโยชน์ และสอดแทรกข้อคิดที่เหมาะสมไว้อย่างแยบยล “นักล่าผู้น่ารัก” มีองค์ประกอบของวรรณกรรมเยาวชนที่ดี ทั้งในด้านโครงเรื่อง ตัวละคร แนวคิดและสำนวนภาษา โครงเรื่องสนุกสนานชวนติดตาม มีปมปัญหาและข้อขัดแย้งทั้งในด้านความคิดจิตใจของตัวละครและเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งตัวละครต้องใช้สติปัญญา ความกล้าหาญ และความร่วมมือแก้ปัญหาโดยไม่เคยสิ้นความหวัง ตัวละครมีความชัดเจนทั้งรูปร่างลักษณะ ความคิดและความรู้สึก ด้วยการบรรยายเรียบง่าย บทสนทนาที่เหมาะสมกับบทบาทและบุคลิกของตัวละคร และข้อมูลพื้นฐานพฤติกรรมของตัวละคร ผู้ประพันธ์มีกลวิธีที่แนบเนียนในการนำเสนอแนวคิด โดยสะท้อนตัวละครเอกที่มีความแตกต่างและความขัดแย้งกัน แต่เมื่อต้องเดินทางร่วมทุกข์ร่วมสุข ฟันฝ่าอุปสรรคอันตรายต่าง ๆ ซึ่งเกิดมิตรภาพแน่นแฟ้นเป็นที่ประทับใจ สะท้อนแนวคิดและคุณธรรมด้านความสุขของการเป็นผู้ให้ ความเอื้อเฟื้อ การยอมรับและรับฟังผู้อื่น ความกล้าหาญอดทน ความหวัง ซึ่งช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังเสนอความคิดต่อสังคมเรื่องสัตว์เลี้ยงผ่านบทสนทนาของตัวละครที่เป็นคน โดยสะท้อนพฤติกรรมของผู้ที่รักและเมตตาสัตว์อย่างแท้จริง ซึ่งจะคงอยู่ตลอดไปกับผู้ที่รักอย่างมีเงื่อนไข หรืออาจเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายและการทอดทิ้ง  เมื่อสิ้นประโยชน์หรือเสื่อมค่าลง ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงจึงต้องมีความรัก ความเมตตา และรับผิดชอบดูแลสัตว์เลี้ยงของตนตลอดไป หนังสือเรื่องนี้เรียบเรียงด้วยสำนวนภาษากระชับสละสลวย และมีความไพเราะงดงามสอดคล้องกับเนื้อหา มีการเปรียบเทียบคมคาย  ให้ภาพพจน์และเข้าใจง่าย การนำเสนอเนื้อหาแบ่งเป็นบทย่อย มีการขึ้นต้น และจบบทที่สอดรับสัมพันธ์กันอย่างดี และแทรกภาพประกอบสวยงามเข้ากับเนื้อเรื่อง นับเป็นหนังสือที่มีคุณค่า ทั้งสำหรับเยาวชนและผู้ใหญ่ หนังสือเรื่อง “นักล่าผู้น่ารัก” จึงสมควรได้รับการยกย่องเป็นหนังสือดีเด่นรางวัลชนะเลิศ “เซเว่น บุ๊คอวอร์ด” ประเภท “วรรณกรรมสำหรับเยาวชน” ประจำปี พ.ศ. 2554

โลกใบเล็กของหนูติ๊ด

เรื่องราวของ “หนูติ๊ด” เด็กหญิงวัยก่อนวัยเรียน ที่คิดว่าไม่มีใครต้องการ เพราะไม่มีแม่ พ่อก็ไม่มีงานที่มั่นคง ต้องออกจากบ้านและฝากหนูติ๊ดไว้กับคนอื่นบ่อย ๆ      เมื่อพ่อพาหนูติ๊ดมาฝากไว้กับ “ป้าต้อย” พี่สาวแท้ ๆ เป็นเวลาค่อนข้างนาน ชีวิตของหนูติ๊ด ป้าต้อย และผู้คนที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ของป้าต้อยก็เปลี่ยนไปในทางที่ดี             เก็น กวี เขียนวรรณกรรมเยาวชนที่มีสไตล์น่ารัก สดใส ไร้เดียงสาแบบเด็ก ๆ ได้อย่างน่าติดตาม เรื่องราวค่อย ๆ เผยปมชีวิตของแต่ละคนในอะพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ  ที่มีเจ้าของเป็นหญิงสูงวัยซึ่งเคยคิดว่าไม่ต้องการใครในชีวิต และผู้อยู่อาศัยซึ่งมีปัญหาต่างๆ กับครอบครัว เช่น  คุณพ่อนักเขียนซึ่งสูญเสียลูกชายและยังโทษว่าเป็นความผิดของตนเอง คุณยายซึ่งรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวในโลกเพราะลูกสาวไม่มาดูแลนานหลายปี  หญิงสาวซึ่งอกหักและไม่ชอบหน้าชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เดียวกัน  และเทวดาซึ่งหนูติ๊ดพบว่าเป็นผู้อาศัยด้วยเช่นกัน การกระทำและคำพูดซึ่งแสดงออกถึงความห่วงใยและใส่ใจทุกข์สุขที่หนูติ๊ดมีต่อคนรอบข้าง ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าหนูติ๊ดเป็นนางฟ้าน้อย ๆ ซึ่งมาเปลี่ยนอะพาร์ตเมนต์ที่เคยแห้งแล้งกลับมีชีวิตชีวาขึ้น และเปลี่ยนพฤติกรรมของทุกคนที่นั่นให้มีความสุขได้อย่างน่าอัศจรรย์

ตามหาสรวงสวรรค์

เริ่มเรื่องขึ้นกลางนครใหญ่ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวไกล มนุษย์ใช้เครื่องจักรกลต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย แม้กระทั่งสามารถซื้ออวัยวะจักรกลเพื่อให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น ในนครแห่งนี้มีตำนานเล่าขานถึงเรื่องเมืองสวรรค์ ที่มนุษย์สามารถมีชีวิตชั่วนิรันดร์ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริง คาวีและมินตรา แฝดสองพี่น้อง กำลังประสบปัญหาด้วยไม่มีกำลังทรัพย์จะจัดหาหัวใจจักรกลมาเปลี่ยนให้แม่ ประกอบกับทั้งสองได้พบเห็นและรับรู้เรื่องราวบางอย่างโดยบังเอิญ ที่ทำให้เชื่อได้ว่าเมืองสวรรค์น่าจะมีจริง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ทั้งคู่ออกเดินทางตามหาเมืองดังกล่าว เพื่อนำหัวใจอมตะมาช่วยชีวิตแม่ เรื่องดำเนินไปอย่างน่าติดตาม ผู้อ่านจะค่อย ๆ รับรู้เรื่องลี้ลับของดินแดนแห่งนั้น จากฉาก เหตุการณ์ และตัวละครที่ปรากฏเด่นชัดขึ้น ในระหว่างการเดินทางสองพี่น้องต้องเผชิญอุปสรรคมากมาย แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยความรัก ความเสียสละซึ่งกันและกัน จนสามารถเดินทางสู่เป้าหมายได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามทั้งสองกลับต้องพบกับเงื่อนไขหลายประการที่ต้องเลือก สุดท้ายทั้งสองตัดสินใจเลือกกลับไปใช้ชีวิตร่วมกับแม่อย่างมีความสุข ก่อนที่แม่จะจากไปตามอายุขัย เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า  ด้วยแม่บอกว่าหัวใจของแม่อยู่ในตัวลูกทั้งสองนั่นเอง ในตอนสุดท้ายผู้เขียนได้ฝากแง่คิดผ่านตัวละครไว้อย่างงดงามว่าความเป็นอมตะอาจจะไม่ใช่การอยู่ไปชั่วนิรันดร์ แต่หมายถึงการส่งผ่านความรัก และความดีงามแก่ลูกหลานของเรา ครอบครัวของเรารวมถึงคนรุ่นต่อไป

จากวันจันทร์ของชีวิต… วันศุกร์ต้องมาถึง

จากวันจันทร์ของชีวิต…วันศุกร์ต้องมาถึง เป็นบันเทิงคดีแนวสมจริงที่สะท้อนสังคมและชีวิตของวัยรุ่นที่ประสบปัญหาความไม่เข้าใจและความรุนแรงในครอบครัว จนเก็บกดและผลักดันให้ขาดสติก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิต จนต้องรับโทษในสถานกักกัน เป็นประดุจสินค้ามีตำหนิ แต่ความเป็นคนดี กำลังใจและการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่เข้าใจและหวังดี  ก็ช่วยให้เขากลับมาเดินบนเส้นทางชีวิตปกติได้ในที่สุด ผู้แต่งนำเสนอเรื่องราวสะเทือนอารมณ์ผ่านประสบการณ์ชีวิตของ    ‘ฝาย รั้วรัก’ เด็กหนุ่มในครอบครัวฐานะปานกลางผู้มีจิตใจดี รักธรรมชาติ บทกวีและดนตรี แต่การมีครอบครัวที่ไม่อบอุ่น บิดาใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะการไม่ยอมรับความสนใจของลูกชายที่ต่างไปจากความมุ่งหวังของตนเอง สร้างความผิดหวัง เสียใจแก่ฝายอย่างมากและกลายเป็นความเก็บกด    และถึงที่สุดเมื่อถูกพ่อด่าว่า ส่องไฟฉายใส่หน้าและเผาทำลายสมุดจดบทเพลงที่เขาแต่งด้วยความรักและความตั้งใจ ทำให้ฝายขาดสติเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่มีรถส่องไฟใส่ขณะที่เขาขี่จักรยานหนีความรุนแรงของพ่อไปบ้านยาย จึงระบายอารมณ์โกรธด้วยการขว้างก้อนหินจนเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตและเป็นโศกนาฏกรรมในชีวิตของตนเอง ทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในสถานกักกัน ‘บ้านรั้วรัก’ เป็นเวลานานกว่าสามปี ด้วยพื้นฐานที่เป็นคนดีฝายสำนึกผิดและยอมรับโทษด้วยความอดทน ในขณะเดียวกันก็ศึกษาต่อทางไกล ประพฤติตนดี ยึดมั่นในความถูกต้องและช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์นั้นฝายอยู่อย่างมีความหวัง โดยสร้างนาฬิกาแห่งความหวังและการรอคอยด้วยการเก็บใบไม้แทนแต่ละวันสะสมไว้ใต้หมอน   ฝายรักและรอคอยวันศุกร์โดยเฉพาะวันศุกร์สิ้นเดือนซึ่งเขาจะได้พบแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ชีวิตของฝายในช่วงที่อยู่บ้านรั้วรักจึงเปรียบเสมือนวันจันทร์ของชีวิต…ไม่ว่าจะยาวแค่ไหนวันศุกร์ต้องมาถึงจนได้ อันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง แล้วในที่สุดด้วยผลแห่งการประพฤติดีเขาก็ได้รับอิสรภาพก่อนกำหนดหลายเดือนเมื่อฝายก็ได้กลับไปมีชีวิตปกติ เขาเป็นนักร้องอาชีพ ดูแลแม่ซึ่งแยกทางกับพ่อแล้วอย่างดี บวชทดแทนคุณพ่อแม่ อุปถัมภ์น้องบุญธรรมซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุที่ฝายเป็นต้นเหตุ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมตามโอกาส  

สุ(ข)นัขคอนโด

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของนักเขียนที่ “หวาดผวากับวิกฤติวัยกลางคน” ซึ่งผู้เล่าเรียกว่า “พ่อ” ในสไตล์การเขียนแนว I STORY เรื่องราวเริ่มจากการที่เขาไปซื้อลูกสุนัขพันธุ์ปั๊กจากตลาด อ.ต.ก. มาเลี้ยงในคอนโดมิเนียม โดยมิได้ศึกษาให้ดีว่าสุนัขพันธุ์นี้ขี้เหงาและติดคนเลี้ยง ไม่เหมาะสำหรับหรับการเลี้ยงไว้ในพื้นที่แคบ ๆ  เช่น คอนโดฯ โดยทิ้งไว้ตามลำพัง ในตอนกลางวันเมื่อต้องออกไปทำงาน ทำให้ต้องไปหาซื้อสุนัขมาเลี้ยงเป็นเพื่อนอีกตัวหนึ่งเป็นสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด๊อก ตั้งแต่นั้นมาชีวิตของ “พ่อ” และหลานชายซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่อาศัยอยู่ด้วยกันก็ต้องวุ่นวายกับการดูแลความเป็นอยู่ตั้งแต่การกินถึงการฝึกให้ขับถ่ายอย่างมีวินัยของสัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวนี้  แต่เขาก็มีความสุขดี แม้จะต้องเป็นทุกข์บ้างบางครั้งเมื่อสัตว์เลี้ยงแสนรักเจ็บไข้ได้ป่วย เรื่องราวคลี่คลายให้คนอ่านได้รับรู้ว่า “ผม” คือ ลูกสุนัขพันธุ์บีเกิลที่เขาเคยเลี้ยงและตายไปเมื่อสามปีก่อนหน้านี้ ผู้เขียนแสดงให้เห็นถึงชีวิตสมัยใหม่ของคนในเมืองใหญ่ ที่อาศัยอยู่ในคอนโดฯ ซึ่งมีพื้นที่จำกัด รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเมื่อมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเพราะผู้คนที่ต่างคนต่างอยู่เริ่มมีเรื่องของสัตว์เลี้ยงเป็นหัวข้อสนทนา คณะกรรมการตัดสินจึงมีความเห็นว่าหนังสือเล่มนี้สมควรเป็น “หนังสือแนะนำ”

พี่มือใหม่

หนังสือเรื่อง “พี่มือใหม่” เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 3 ขวบ ซึ่งกำลังจะมีน้องคนแรก เธอเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่มาจนถึงวันหนึ่งที่ยายบอกว่ามีข่าวดี เกี่ยวกับน้องที่พึ่งเกิดใหม่ และสั่งว่าเธอต้อง “รักน้อง” ตัวเล็กๆ ของเธอ เธอเริ่มรู้สึกสับสนว่า “หนูยังไม่เคยเห็นน้อง ไม่เคยรู้จักน้อง แล้วหนูจะรักหรือไม่รักน้องได้อย่างไร” เมื่อพ่อกับแม่พาน้องกลับมาที่บ้าน ความสับสนในใจของเธอก็มีมากขึ้น เพราะเมื่อเธอเข้าไปใกล้น้อง พ่อแม่ก็หาว่า “กวนน้อง” หรือ “แกล้งน้อง” เธอไม่เข้าใจว่า “ทำไมผู้ใหญ่ชอบสั่งให้เด็กๆ ทำโน่น ทำนี่” และ “ทำไมต้องดุ” เวลาที่เธออยากเห็นน้องใกล้ๆ เธอไม่อยากมีน้องคนนี้เลย แต่เมื่อเธอและน้องค่อยๆ เติบโตขึ้น เธอก็สรุปกับตัวเองว่า “ดีเหมือนกันที่ได้เป็นพี่” หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจความคิดของเด็กในวัยที่กำลังต้องการความรักและความเข้าใจของพ่อแม่และผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ทำให้คนอ่านที่เป็นผู้ใหญ่ตระหนักได้ว่าควรเอาใจใส่ “พี่มือใหม่” พร้อมๆ กับน้องที่เพิ่งเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน และควรบอกเล่าเรื่อง “น้อง” ล่วงหน้านานพอสมควร เพื่อเตรียมความพร้อมให้ “พี่” สำนวนภาษาที่น่ารัก แสดงให้เห็นถึงความคิดคำนึงที่ไร้เดียงสาของเด็กๆ ทำให้คณะกรรมการตัดสินมีความเห็นว่าหนังสือเล่มนี้สมควรเป็น “หนังสือแนะนำ”  

ลูกยางกลางห้วย

จ้อยเด็กชายชาวใต้ เติบโตมาท่ามกลางสวนยางพารา ลำห้วยน้ำใส และป่าที่อุดมสมบูรณ์ จ้อยซุกซน สนุกสนานตามประสาเด็ก มีความสุขอยู่กับเพื่อน ๆ และญาติมิตรในหมู่บ้านที่แสนอบอุ่น จ้อยรักและผูกพันกับญาติมิตร เพื่อนบ้าน ป่าเขา และลำห้วย ด้วยร่างกายไม่แข็งแรง จึงช่วยงานสวยยางได้ไม่ดีเท่าพี่ชายและน้องชาย แตผลการเรียนดีเป็นที่ชื่นชมของครู แม่จึงส่งเสริมให้ไปเรียนต่อชั้นมัธยมฯ ในเมือง จ้อยจึงต้องตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเองว่า จะอยู่บ้านเป็นลูกยางอยู่กลางห้วยต่อไป หรือจะไปเรียนต่อในเมือง ดั่งลูกยางที่ล่องลอยออกไปเติบโตในที่ที่เหมาะสม ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ของตนเองในสมัยเด็ก โดยบอกเล่าเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ความเป็นอยู่ของผู้คนชาวสวนยางพารา และชาวเหมืองแร่ผ่านความรู้สึกนึกคิด และวิถีชีวิตของจ้อย หนังสือเล่มนี้จึงให้ทั้งความรู้ ข้อคิด และความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่านอย่างเหมาะสม

แต่กี้ แต่ก่อน

แต่กี้ แต่ก่อน เป็นเรื่องราวของพิม ลูกสาวชาวสวนริมคลองลุ่มแม่น้ำบางปะกง ชีวิตผูกพันอยู่กับลำคลองและสวน ตั้งแต่วัยเด็กได้รับการอบรมให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบที่ดีงาม ได้รับการฝึกหัด ขัดเกลา ให้ทำงานเป็น รู้จักช่วยงานพ่อแม่ ขยัน และอดทน ชีวิตวัยเด็กซุกซนแก่นแก้วตามประสาเด็ก เมื่อเรียนจบ ม.6 ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ พิมเสียใจแต่ก็เข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยงานทางบ้าน แต่ไม่อยากทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจจึงไม่คัดค้านการตัดสินใจของพ่อแม่ แต่ด้วยมีนิสัยรักการอ่านพิมอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอแม้ไม่ได้เรียนแล้ว เมื่อเติบโตมีครอบครัวใช้ชีวิตคู่กับเริ่มอย่างเรียบง่าย หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำสวน เลี้ยงไก่ ทำขนมขาย ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ไม่เคยย่อท้อ พยามยามสร้างวิกฤตเป็นโอกาสเสมอ นำความรู้จากการอ่านมาประยุกต์ใช้กับอาชีพได้อย่างเหมาะสม ด้วยความขยันหมั่นเพียร ชีวิตครอบครัวของพิมจึงอยู่อย่างพอเพียง ไม่ขัดสน และด้วยจิตใจที่ดีงาม ความกตัญญูของพิมต่อบุพการี ส่งผลให้ลูก ๆ มีความกตัญญูต่อพิมเช่นกัน ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราววิถีชีวิตชาวสวนริมคลองในอดีตเมื่อสมัย 50 ปีก่อนได้อย่างละเอียดชัดเจน  ผู้อ่านได้รับรู้เรื่องราววิถีชาวสวน จนรู้สึกเสียดายบรรยากาศเก่า ๆ  ที่ไม่อาจหวนคืนมาได้ดั่งเช่นในอดีต “พิม” ตัวเอกของเรื่องแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง อดทน สู้ชีวิต เป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิตที่ดีงาม น่ายกย่องชื่นชม

ม้อนน้อยที่รัก

เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชาวอีสานชื่อ “ปอยไหม”  เธอเติบโตในครอบครัวชาวนาที่อบอุ่น “ปอยไหม” เป็นเด็กดี  เรียนเก่ง   ช่วยพ่อแม่ทำงานด้วยความขยันขันแข็ง  หน้าที่หลักของเธอคือการเลี้ยงตัวไหม   เธอเลี้ยงไหมดูแลไหมด้วยความรักและเอาใจใส่  พร้อมกับเรียนรู้เรื่องราวของตัวไหมแต่ละช่วงวัย  วันเวลาผ่านไป “ปอยไหม” ค่อย ๆ เรียนรู้และเติบโตไปกับงานเลี้ยงไหมที่ตนรักอย่างมีความสุข ความรักเอาใจใส่คนในครอบครัว  ความขยันหมั่นเพียร ความอดทน และการใช้เงินอย่างรู้คุณค่า พฤติกรรมดังกล่าวของ “ปอยไหม” เป็นแบบอย่างที่ดียิ่งสำหรับเยาวชน    

ต้นมะกอกหลานยาย

“ต้นมะกอกหลานยาย” เป็นเรื่องของเด็กหญิงนักเรียนชั้นประถมต้น นำเสนอความคิดและประสบการณ์ของ “ชะเอม” เด็กฉลาด ช่างคิด ทั้งด้านที่มีความสุข สนุกสนาน “ชะเอม” อยู่ที่บ้านชานเมืองกับพ่อแม่และยาย ใกล้บ้านชะเอมมีต้นมะกอกใหญ่ที่ยายปลูกไว้ริมคลอง  เมื่อลูกมะกอกแก่จัดยายจะเก็บไปทำมะกอกเชื่อมให้ “ชะเอม” นำไปขายให้เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนและให้เธอเก็บสะสมเงินไว้เอง   ผ่านไปหลายวันมะกอกเชื่อมเริ่มขายไม่หมด “ชะเอม”  ไม่มีความสุขที่ต้องขายจึงแก้ปัญหาด้วยการเอามะกอกเชื่อมที่เหลือไปทิ้งแล้วหลอกยายว่าขายได้ เมื่อความจริงเปิดเผย ยายหยุดทำมะกอกเชื่อม แต่ทั้งยายและชะเอมเสียใจมาก ต่อมา “ชะเอม” ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งคณิตศาสตร์และชนะได้รับคำชมเชย  และเธอเริ่มตระหนักว่าทักษะการคิดเลขของตนส่วนหนึ่งเกิดจากการฝึกคิดเงินในการขายมะกอกเชื่อมของยาย  แล้ววันหนึ่งเมื่อ  “ชะเอม”  กลับจากโรงเรียนก็พบว่ายายตัดต้นมะกอกทิ้งเสียแล้ว  “ชะเอม”  เป็นเด็กดีและช่างคิดจึงเข้าใจถึงความรักที่ยายมีต่อเธอ และจะปลูกมะกอกต้นใหม่ให้ยายในที่เดิม หนังสือเรื่อง “ต้นมะกอกหลานยาย”  เป็นเรื่องประสบการณ์ชีวิตของเด็กหญิงคนหนึ่งในครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง สะท้อนถึงความรัก การดูแลเด็กในครอบครัวและปัญหาการสื่อสารระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่พูดหรือแสดงความรักต่อเด็กอย่างชัดเจน แต่ยอมสละสิ่งที่ตนรักเพื่อให้เด็กมีความสุข ดังที่ยายของ “ชะเอม” ตัดต้นมะกอกทิ้ง ซึ่งอาจจะเป็นความรุนแรง ที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันจนเป็นปัญหาช่องว่างระหว่างวัยได้

อาม่าบนคอนโด

วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเรื่อง “อาม่าบนคอนโด” นำเสนอชีวิตของกลุ่มคนในสังคมเมืองหลวงที่พักอาศัยในคอนโด เป็นเรื่องราวของผู้คนหลายวัย หลายสถานภาพ เรื่องต่าง ๆ นำเสนอผ่านตัวละครสำคัญสองตัว คือ “โชค” หนุ่มวัยรุ่นนักเรียนมัธยมที่พักอยู่กับพี่สาวผู้เอื้ออารี และ “อาม่า” หญิงจีนสูงวัย แกร่งกล้า มากประสบการณ์ ที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง หนังสือเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องกระชับ ให้รายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจน สะท้อนภาพสังคมปัจจุบันที่เร่งรีบ มีการแข่งขันสูง และเทคโนโลยีออนไลน์มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างมาก  คนในสังคมให้ความสำคัญกับตนเอง ไม่ค่อยสนใจผู้อื่น และอาจมีอคติต่อผู้ที่แตกต่าง ในขณะเดียวกันก็ยังมีผู้คนที่มีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อ ใส่ใจและช่วยเหลือผู้อื่นที่ประสบปัญหาหรือมีความทุกข์ หนังสือเรื่องนี้จึงมีคุณค่าเป็นวรรณกรรมสะท้อนสังคม ที่นำเสนอพฤติกรรม ความคิด และปัญหาของคนในสังคม พร้อมทั้งชี้แนะแนวทางอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างอย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ผ่านพฤติกรรม และบทสนทนาของตัวละคร พร้อมทั้งสอดแทรกข้อคิดได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย ด้วยกลวิธีการประพันธ์ที่แบ่งเรื่องเป็นตอนสั้น ๆ ใช้สำนวนภาษาที่เป็นธรรมชาติ สอดแทรกข้อคิดและอารมณ์ขัน ทำให้ผู้อ่านได้รับทั้งสาระและความบันเทิง หนังสือเรื่อง “อาม่า  บนคอนโด”  จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชนอายุ 12-25 ปี  

เกาะที่มีความสุขที่สุดในโลก

เป็นเรื่องของชาวเกาะแอมบริม เกาะเล็ก ๆ ของประเทศวานูอาตู หมู่เกาะในมหาสมุทร    แปซิฟิกใต้ เนื้อเรื่องเสนอลักษณะภูมิประเทศ ธรรมชาติ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ความเชื่อและพิธีกรรมของผู้คนในท้องถิ่น ผ่านการเล่าเรื่องของ “ยาโน” หลานชายของ “บูบู” หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้ประพันธ์บรรยายฉากสถานที่และเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน ตัวละครเป็นธรรมชาติ    มีพฤติกรรมที่สมจริง เป็นเหตุเป็นผล บทสนทนาระหว่างตัวละครเอกสอดแทรกภูมิปัญญา ความคิดลึกซึ้งของ “บูบู” หัวหน้าหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านนับถือและเชื่อว่ามีพลังอำนาจลึกลับ แม้ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยการมองเห็น  แต่หมายถึงจิตศรัทธา สิ่งที่ “ยาโน่” มองเห็นจากการกระทำของตาก็คือการเป็นหัวหน้าไม่ใช่การที่มีอำนาจเหนือคนอื่น แต่เป็นคนรับใช้ที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น พฤติกรรมความเป็นผู้นำของตัวละครปรากฏชัดเจนเมื่อเกิดเหตุการณ์ภูเขาไฟประทุ       ด้วยพลังศรัทธา ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ โดยเป็นผู้รับและผู้ให้  “ยาโน่” ยอมเสียสละของมีค่าที่สุดในชีวิตคือ เขี้ยวหมูซึ่ง “บูบู” มอบให้เป็นสัญลักษณ์ว่าอาจจะได้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านในอนาคต เพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งภูเขาไฟ ตามความเชื่อว่า  จะช่วยชาวเกาะให้อยู่รอดปลอดภัย เรื่องจบลงอย่างงดงาม “ยาโน่” ได้ค้นพบว่า ความสุขของเขาไม่ได้อยู่ที่การจะได้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่อยู่ที่ความอบอุ่นในครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อน และความอยู่ดีกินดีของคนในหมู่บ้าน นั่นคือความสุขที่แท้จริง

เส้นทางสู่ฝัน ม.ปลายสายมังงะ

หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเขียนเรื่องและภาพ ของ หมอก (ธมนธร อมรธีรสรรค์) เยาวชนอายุ 19 ปี ซึ่งไปเรียนระดับมัธยมปลายที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะอยากเรียนการเขียนการ์ตูน เนื้อเรื่องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเป็นประสบการณ์ตรงของผู้เขียน จึงไม่ใช่วรรณกรรมสำหรับเยาวชนตามหลักเกณฑ์การประกวดของรางวัลนี้ แต่เนื่องจากเนื้อหาและภาพประกอบของ  “เส้นทางสู่ฝัน ม.ปลายสายมังงะ” มีความงดงามทั้งภาษาเขียนและภาษาภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนและทำแอนิเมชั่น (Animation) ให้สามารถเดินตามความฝันได้ ผู้อ่านจะสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเรื่องเล่าที่มีภาพประกอบและภาพการ์ตูนในเรื่อง สำหรับผู้ที่อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนจะได้รับทราบข้อมูลการเรียนสาขานี้ในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งได้เห็นตัวอย่างของความมั่นมั่นต่อการเรียนของผู้เขียนด้วย    

เจ้าเอย…เจ้ากรงหัวจุก

  เจ้าเอย…เจ้ากรงหัวจุก ของ ชิด ชยากร เป็นวรรณกรรมสำหรับเยาวชนที่ผู้เขียนมุ่งหมายจะเปิดโลกทัศน์ให้เด็กและเยาวชนได้ตระหนักถึงความมีชีวิตอยู่ของสัตว์โลกชนิดอื่น ๆ นอกเหนือไปจากสัตว์โลกที่เรียกตนเองว่ามนุษย์ ผ่านโครงเรื่องที่จินตนาการขึ้นจากมุมมองของเจ้าบุญรอด นกกรงหัวจุกที่มีวิธีคิดแบบมนุษย์ บุญรอด นกกรงหัวจุกที่รอดตายจากพายุร้าย แม้จะหนีไปสร้างรังอยู่ห่างไกลถึงชายป่า ก็ยังไม่พ้นจากเงื้อมมือมนุษย์ที่หวังเพียงประโยชน์จากเสียงร้องตามธรรมชาติของนก ทำให้บุญรอดต้องสูญเสียอิสรภาพและพลัดพรากจากครอบครัวด้วยความรู้ไม่เท่าทันเล่ห์กลมนุษย์ ผู้เขียนเล่าเรื่องให้เห็นภาพอย่างชัดเจน ทำให้ผู้อ่านสะเทือนใจจากการรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของสัตว์ที่ถูกกักขัง การดิ้นรนต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระ การสร้างความมีเมตตาให้เกิดขึ้นในใจผู้อ่าน ที่คอยเอาใจช่วยเจ้าบุญรอดให้รอดพ้นจากที่กักขัง และด้วยพลังแห่งความรัก ความสามัคคีของเหล่านกกรงหัวจุกที่กล้าหาญ อดทน ทำให้บุญรอดและผองเพื่อนรอดพ้นภัยมาได้ เนื้อหาของเรื่อง “เจ้าเอย…เจ้ากรงหัวจุก” น่าตื่นเต้นชวนให้ติดตามโดยตลอดผู้เขียนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นอย่างดี กอปรกับการใช้ภาษาที่ประณีตสละสลวย ข้อคิดเกี่ยวกับความเมตตา และความรักอิสรภาพของทุกชีวิตที่ผู้อ่านจะได้รับ ทำให้วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเรื่องนี้ สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

โลกสวยที่น้ำใส

โลกสวยที่น้ำใส เป็นวรรณกรรมสำหรับเยาวชนสะท้อนปัญหาความขัดแย้งจากการสร้างท่าอากาศยานขนาดเล็กสำหรับเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในท้องถิ่นชนบทที่มีความเงียบสงบมาช้านาน แม้งานนี้จะนำความเจริญทางเศรษฐกิจและการคมนาคมมาสู่ชุมชน แต่ต้องแลกกับการสูญเสียความงดงามของธรรมชาติและความสมดุลของระบบนิเวศของพื้นที่แหล่งชุ่มน้ำแห่งหมู่บ้านน้ำใส ท้องถิ่นชายทะเลในจังหวัดนครศรีธรรมราช การต้องเลือกระหว่างสิ่งที่ดีสองแบบที่เป็นเรื่องตรงกันข้ามโดยผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลและแรงสนับสนุน ก่อให้เกิดความขัดแย้งที่อาจขยายไปสู่ความรุนแรงได้ แต่ด้วยทั้งสองฝ่ายมีผู้นำที่มีเหตุผล ใจกว้างรับฟังความเห็นและความต้องการของผู้อื่นที่เห็นต่าง  ไม่เอาเปรียบหรือคำนึงแต่ประโยชน์ของฝ่ายตน ปัญหานั้นจึงคลี่คลายลง สนามบินจึงเกิดขึ้นได้โดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมของท้องถิ่นให้เลวร้ายลง แม้ว่าจะมีบางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ทุกฝ่ายก็ได้รับประโยชน์ เนื้อหาของหนังสือนอกจากจะสะท้อนปัญหาการพัฒนาท้องถิ่นทางวัตถุและการแก้ปัญหาแล้ว ยังให้ความรู้ ความเข้าใจกระบวนการและวิธีดำเนินงานก่อสร้าง รวมทั้งการตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยการนำเสนออย่างแนบเนียนผ่านเด็กชายเขตแดน เยาวชนชาวกรุงวัย 12 ปีผู้ใฝ่รู้และรักธรรมชาติ บุตรชายของวิศวกรผู้ควบคุมโครงการก่อสร้าง มีการสอดแทรกสาระและข้อคิดที่น่าสนใจไว้ในบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูก ครูกับศิษย์ ผ่านความคิดและพฤติกรรมของตัวละคร นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางจัดการปัญหาและความขัดแย้งอย่างสันติวิธี ด้วยการเจรจาและรับฟังความเห็นต่างซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของทุกฝ่าย โลกสวยที่น้ำใส ของชัยกร หาญไฟฟ้า จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน    

เซนในสวน

  เซน เด็กชายวัย 11 ปี เคยเรียนที่โรงเรียนนานาชาติต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านสวนของย่าในชนบท เพราะพ่อประสบปัญหาธุรกิจเสื้อผ้าส่งออก ต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อชดใช้หนี้จำนวนมาก พ่อต้องทำงานหนักและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อให้อยู่รอดในชนบท เซนได้เรียนรู้การทำมาหากินและความเป็นอยู่จากพ่อ วิถีชีวิตที่ต้องต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น ทำให้เซนได้รู้จักความสุข ความทุกข์ การพลัดพราก และรู้ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป เรื่องเซนในสวนสะท้อนการดำเนินชีวิตตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่ชัดเจน คือ การพึ่งตนเอง ปลูกเพื่อกิน ถ้าเหลือขาย กลวิธีการเขียน ดำเนินเรื่องได้ฉับไว สะท้อนภาพชีวิตชนบทได้ชัดเจน ถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละครทั้งเซน และพ่อ การใช้ตัวละครเด็กที่สามารถกล่อมเกลาจิตใจตนเองได้เป็นอย่างดี ทำให้วรรณกรรมสำหรับเยาวชนเรื่องเซนในสวน สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

WHEN I WAS THERE หน้าพระลานไม่นานนี้

When I was there : หน้าพระลานไม่นานนี้ เป็นงานเขียนแนวปกิณกะ เล่าเรื่องด้วยภาพสีน้ำสวยงาม ประกอบคำบรรยาย กล่าวถึงสถานที่ อาคาร ร้านค้า ตลอดจนผู้คนทั้งในและนอกมหาวิทยาลัยศิลปากร ครอบคลุมบริเวณหน้าพระลาน ท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ข้ามฟากไปถึงฝั่งวังหลัง  เลือกจุดที่น่าสนใจจากมุมมองที่หลากหลายและจากความทรงจำของผู้เขียนสมัยเป็นนักศึกษามัณฑนศิลป์ ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักสถานที่บรรยากาศ และชีวิตของคนบริเวณนั้นในอดีต ในแง่มุมที่น่าสนใจ และชวนติดตาม

เมื่อเกรียนไปเรียนธรรม

เมื่อเกรียนไปเรียนธรรม เป็นงานประพันธ์แนวอัตชีวประวัติ สะท้อนชีวิตที่ผกผันของวัยรุ่น นักศึกษาศิลปะ จาก “เด็กแนว เด็กติสต์ เด็กเกรียน” ผู้มีมุมมอง อุดมการณ์ และความมุ่งหวังจะแสวงหาตัวตนที่แท้จริง มาสู่สมณเพศด้วยการบวช ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เพื่อศึกษาธรรมะสำหรับใช้ดำเนินชีวิตหลังเรียนจบ ทำงาน และสร้างครอบครัว โดยหวังจะกลับมาบวชอีกครั้งหลังผ่านชีวิตแบบฆราวาสแล้ว  แต่เมื่อได้สัมผัสธรรมะและตระหนักถึงความจริงของชีวิตที่มีเวลาจำกัด จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตมุ่งสู่ทางธรรมะตราบจนปัจจุบัน หนังสือเรื่องนี้แม้จะมิใช่บันเทิงคดี  แต่ดำเนินเรื่องชวนติดตามแบบการสนทนา เนื้อหามีสาระและแทรกคติธรรมไว้อย่างเหมาะสม  สำนวนภาษาสละสลวย  มีอารมณ์ขัน จึงเหมาะสมและมีคุณค่าสำหรับเยาวชนวัยรุ่นในช่วงวัยที่มีความสับสนในชีวิต  ได้แนวคิดและการปฏิบัติเพื่อรู้จักตนเอง ขจัดความทุกข์และมีความสุขอย่างร่มเย็น  

ความทรงจำอยู่ที่ไหน ความคิดถึงอยู่ที่นั่น

 ความทรงจำอยู่ที่ไหน ความคิดถึงอยู่ที่นั่น เป็นเรื่องที่หลานชายเล่าถึง “อี๊” ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโตในตึกแถวย่านเยาวราช  เมื่อหลานมองย้อนกลับไปได้เห็นความรักความเอาใจใส่ที่ได้รับ แม้อี๊ไม่ได้เรียนหนังสือแต่เห็นคุณค่าของการศึกษา จึงทุ่มเทให้หลานชายได้เรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ซื้อหนังสือราคาแพงให้หลาน ส่วนอี๊ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับการทำงาน และไปเที่ยวไหว้พระทำบุญกับเพื่อนทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเล่าเรื่องทำให้เห็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ยึดมั่นความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าทำให้ชีวิตดีขึ้น สะท้อนให้เห็นการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและความคิดของคนต่างวัย กลวิธีการเขียนใช้ภาษาเรียบง่าย สละสลวย บทสนทนาเป็นธรรมชาติ ตัวละครมีความชัดเจนสมจริง  จึงเป็นหนังสือดีมีคุณค่า สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

ห้องเรียนไม่มีฝา

ห้องเรียนไม่มีฝา นำเสนอชีวิต ความเป็นอยู่และการศึกษาของสามเณร โดยเฉพาะการศึกษาวิชาบาลี ผ่านเรื่องราวชีวิตของ ‘มูเล’ เด็กชายชาวใต้ บุตรเจ้าของค่ายมวย  ผู้เปลี่ยนเส้นทางชีวิตตนเองและความมุ่งหวังของบิดาจากสายการต่อสู้บนผืนผ้าใบมาสู่เส้นทางสายพุทธศาสนา ด้วยการสนับสนุนและชี้นำของ ‘หลวงลุง’ เจ้าอาวาสวัดประจำหมู่บ้านผู้เป็นที่เคารพอย่างสูงในท้องถิ่น ‘สามเณรมูเล’ ได้ไปศึกษาวิชาบาลี ณ  วัดป่าแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข    หลังสำเร็จการศึกษาสอบผ่านเปรียญธรรมประโยค 1-2  ‘สามเณรมูเล’ ได้กลับถิ่นกำเนิดเพื่อนำประกาศนียบัตรไปถวายให้ ‘หลวงลุง’ ผู้มีพระคุณและพบหน้าบิดามารดา ผู้มีความปีติในความสำเร็จและก้าวหน้าทางธรรมะของบุตร ในทำนองเดียวกับที่ ‘สามเณรมูเล’ มีความสุขและภาคภูมิใจ ที่ได้บวชและศึกษาธรรมะแผนกบาลี ทำให้ผู้มีพระคุณมีความสุข ซึ่งเชื่อกันว่าตัวเองก็ได้บุญ  พ่อแม่ก็ได้บุญ การนำเสนอเนื้อหาได้แบ่งเป็นตอนสั้น ๆ เริ่มต้นอย่างชวนอ่านและจบอย่างน่าติดตาม  ตัวละครมีความสมจริง เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวา  สอดแทรกสาระและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องอย่างเหมาะสมและแนบเนียน ผ่านการบรรยายและบทสนทนา  มีการเปรียบเทียบคมคายเห็นภาพพจน์  การบรรยายเรื่องเรียบง่าย สละสลวย ชัดเจน เรื่องราวเกี่ยวกับพระและเณร เป็นเรื่องที่รู้เฉพาะผู้บวชเรียน  หนังสือเรื่อง ห้องเรียนไม่มีฝา จึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่   โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทอดโดยผู้มีประสบการณ์ตรงและมีความสามารถทางภาษาอย่างดียิ่ง หนังสือเรื่องนี้จึงเปี่ยมด้วยสาระและบันเทิงที่บริสุทธิ์  ทำให้ผู้อ่านเบิกบานและสุขใจ  จึงเป็นหนังสือดีมีคุณค่า สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  

ลูกชายแดน

ลูกชายแดน เป็นหนังสือที่สะท้อนให้เห็นถึงความทุกข์ยากของคนที่อยู่ชายแดน แม้ผู้เขียนจะนำเสนอในรูปแบบของบันเทิงคดี แต่เป็นความจริงของชีวิตที่ทำให้ผู้อ่านได้รู้ถึงวิถีชีวิตของคนไทย ยามได้รับผลกระทบจากสงครามในประเทศเพื่อนบ้าน ผู้เขียนเสมือนตัวละครเอกเล่าเรื่องราวในวัยเด็กที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจากภัยสงคราม ครอบครัว ญาติพี่น้องมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก    พ่อกับแม่ที่เป็นชาวนาต้องดิ้นรนทำมาหากิน ซึ่งผู้เขียนได้ให้รายละเอียดจากชีวิตจริงและประสบการณ์ในการทำนา มาถ่ายทอดได้อย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ ผู้เขียนยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาว่าจะช่วยให้พ้นจากความยากจน  ทั้งเป็นโอกาสที่จะพ้นจากภัยสงคราม โดยสอดแทรกไว้ในกลวิธีนำเสนออย่างแนบเนียน สงครามในกัมพูชาจบลงแล้ว แต่อดีตยังฝังใจผู้เขียน ซึ่งได้รับผลกระทบจากระเบิดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด รอยบาดแผลยังคงปรากฏอยู่จนทุกวันนี้  ผู้เขียนได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวให้เราอ่านอย่างชวนติดตาม โดยดำเนินเรื่องสลับเหตุการณ์ สภาพสงคราม การทำมาหากินโดยเฉพาะการทำนา ชีวิตในวัยเด็ก โรงเรียนและบุคคลในหมู่บ้านที่ผู้เขียนรู้จัก และนำเสนอตัวละครอย่างเด่นชัดเป็นตอน ๆ ไป หนังสือเรื่อง ลูกชายแดน ของ เชาวลิต ขันคำ จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน

ชายแดนแสนรัก

ชายแดนแสนรัก เล่าถึงชีวิตวัยมัธยมของเด็กชายลูกชาวนาชายแดนไทย-กัมพูชา   อำเภออรัญประเทศ  จังหวัดปราจีนบุรี (จังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน)ที่ตกอยู่ในภาวะยากลำบาก และหวาดกลัวภัยสงครามภายในประเทศกัมพูชาระหว่างปี พ.ศ.2528–2539  ชาวบ้านต้องวิ่งหนีลงบังเกอร์เพื่อหลบภัยจากกระสุนและระเบิด ผู้คนมีชีวิตอย่างยากลำบาก เด็กชายคนนี้ก็เช่นกัน เขาต้องช่วยงานครอบครัวทุกอย่างเท่าที่ช่วยได้ ซ้ำร้ายพ่อยังป่วย ท่ามกลางอุปสรรคต่าง ๆ เขากลับไม่ย่อท้อมุ่งมั่นในการเรียน จนได้รับทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผู้อ่านจะได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศใกล้เคียง ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคนไทยชายแดน จากผู้มีประสบการณ์ตรง

เอกอีเอ้กเอย

เอกอีเอ้กเอย เป็นงานวรรณกรรมที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับไก่ชนได้อย่างครบถ้วน  โดยใช้กลวิธีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครชื่อ “เอก” สายเลือดของไก่ชนชั้นเยี่ยมแห่งฟาร์มกรุงระกาผู้ไม่อยากชนนอกสังเวียน  ผู้อ่านจะได้รับรู้เรื่องราวของไก่ชนตั้งแต่วิถีชีวิต ลักษณะของไก่ชน ศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่าแม่ไม้เชิงชน เส้นทางความมุ่งมั่นในการเป็นไก่ชนของ“เอก” และขั้นตอนการฝึกหัดก่อนเป็นไก่ชนที่สมบูรณ์จนกลายเป็นกีฬาระดับประเทศ เอกอีเอ้กเอย  ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง  ผู้เขียนนอกจากจะมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับไก่ชนแล้ว ยังมีความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อนำเสนอเรื่องราว อารมณ์ และความรู้สึกของตัวละครได้อย่างมีชีวิตชีวายิ่ง หนังสือเรื่อง เอกอีเอ้กเอย  ของ  ศิริ  มะลิแย้ม  จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2560  

มหา’ลัยสายมังงะ

มหา’ ลัยสายมังงะ เป็นเรื่องราวชีวิตนักศึกษาวิชาเอกการ์ตูนชาวไทยในประเทศญี่ปุ่นผู้มีความมุ่งมั่นจะเป็นนักเขียนการ์ตูน  เล่าเรื่องผ่านความเรียงและภาพประกอบจากประสบการณ์ที่มีทั้งความยากลำบากและความสมหวังของผู้เขียน  ผู้อ่านจะได้ทั้งความบันเทิง ความรู้ และแรงบันดาลใจในการไปเรียนในสาขาวิชานี้ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดการ์ตูนเลื่องชื่อ ผู้ที่สนใจจะไปเรียนวิชานี้ตามผู้เขียนจะเรียนได้อย่างสนุกสบายยิ่งขึ้น เพราะมีผู้เขียนนำทางแบบลองผิดลองถูกมาแล้ว คณะกรรมการพิจารณาแล้วจึงมอบรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชนให้แก่หมอก จากผลงานเรื่อง มหา’ ลัยสายมังงะ ซึ่งให้ความรู้และความบันเทิงด้วยลีลาการเขียนที่น่าอ่านและรูปประกอบที่สวยงามสมกับผ่านการศึกษาวิชาการเขียนการ์ตูน

กระต่ายในพระจันทร์

กระต่ายในพระจันทร์ กล่าวถึงสุดาหญิงสาวชาวเกาะสมุยผู้ไปเติบโตและใช้ชีวิตในเมืองหลวง แต่ยังมีความรักความผูกพันกับถิ่นกำเนิด  เนื้อเรื่องบรรยายถึงสภาพภูมิประเทศ  การดำเนินชีวิตของชาวเกาะสมุยและความเปลี่ยนแปลงของท้องถิ่นตามยุคสมัย สุดากลับมาเกาะสมุยขณะที่มีความผิดหวังในชีวิต  เธอคิดถึงอดีตเมื่อเห็นธรรมชาติและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปผ่านความคิดคำนึงถึงคำบอกเล่าของพ่อและจากความทรงจำ  เธอมักจะเปรียบเทียบธรรมชาติกับความคิดของตน  ตั้งคำถาม หาคำตอบ จนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตและยอมรับได้ เสมือนการมองเห็นแสงจันทร์และกระต่ายในพระจันทร์ หนังสือเรื่องกระต่ายในพระจันทร์มีการนำเสนอเนื้อหาและความคิดโดยใช้ภาษาที่เรียบง่าย สละสลวย ชวนอ่าน ดังนั้น กระต่ายในพระจันทร์ ของ แพน  พงศ์พนรัตน์ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด  ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2560

บึงน้ำแห้ง

บึงน้ำแห้ง เป็นเรื่องราวของลูกนกเป็ดน้ำที่ต้องผจญภัยแล้ง ณ บึงใหญ่แห่งหนึ่งทางภาคอีสาน ผู้เขียนได้ศึกษาธรรมชาติของนกเป็ดน้ำ  นกชนิดอื่น ๆ ตลอดจนสัตว์ต่าง ๆ  และต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวณบึงน้ำ นำมาผูกเป็นตัวละคร การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างกลมกลืน ชวนติดตาม และคลี่คลายสู่การจบเรื่องได้อย่างลงตัว บึงน้ำแห้ง  เป็นวรรณกรรมที่อ่านสนุก ได้ความรู้เรื่องนกเป็ดน้ำ นกชนิดอื่น และสัตว์อื่น ๆ ทำให้เข้าใจถึงสภาพแวดล้อม สภาพชีวิตของพืชและสัตว์ที่ต่างก็มีวิถีการดำเนินชีวิตของตน แต่ก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน  ให้ข้อคิดในการร่วมกันรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้หนังสือเรื่อง บึงน้ำแห้ง ของ โชติ  ศรีสุวรรณ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2561  

โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!)

โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ถ่ายทอดชีวิตของเด็ก ๆ โดยเฉพาะตัวละครเอก มดแดง แตงกวา และเอย ที่ครอบครัวหนีความวุ่นวายในกรุงเทพมหานครมาใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติตามวิถีเกษตรอินทรีย์ ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ผู้เขียน งามพรรณ เวชชาชีวะ เน้นให้เห็นความสำคัญของธรรมชาติ ที่มนุษย์เริ่มถอยห่างออกไปอย่างน่าตกใจ ผู้เขียนให้ความรู้เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์และข้อคิดในการใช้สื่อออนไลน์และเทคโนโลยีที่มิใช่จะมีแต่ในเมืองใหญ่ ๆ เท่านั้น  ปัจจุบันคนในชนบทก็เข้าถึงและใช้ศึกษาค้นคว้าได้ ผู้เขียนนำเสนอเนื้อเรื่องด้วยสำนวนภาษาสละสลวย อ่านง่าย ชวนติดตาม ภาพประกอบสวยงามเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง นับว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่มีคุณภาพเล่มหนึ่ง คณะกรรมการจึงเห็นสมควรให้ โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1  รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช 2561