เยาวชนไทยหัวใจโขน
เยาวชนไทยหัวใจโขน นำเสนอเรื่องราวชีวิตนักเรียนนาฏศิลป์และการเรียนโขน ผ่านตัวละครหลัก ‘หฤษฏ์’ ที่เกิดในครอบครัวช่างทำหัวโขน พ่อเป็นนักแสดงโขนของโรงละครแห่งชาติ มีใจรักการแสดงโขน ใฝ่ฝันอยากแสดงโขนเป็นหนุมานเหมือนพ่อ และมีส่วนช่วยสืบสานการแสดงโขน ให้คงอยู่ต่อไป เนื้อเรื่องเล่าถึงการเรียนโขน ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย บรรยากาศในหอพัก การแต่งกายของนักเรียนนาฏศิลป์ ห้องเรียนที่มีเอกลักษณ์ วิธีการสอน การฝึกทักษะการแสดงโขนแต่ละขั้นตอนจนคล่องแคล่ว สามารถแสดงตามบทบาทที่ได้รับอย่างมั่นใจ
นายธนาคารโดยบังเอิญ บันทึกความทรงจำ ปิติ สิทธิอำนวย
นายธนาคาร โดยบังเอิญ บันทึกความทรงจำ ปิติ สิทธิอำนวย เป็นงานเขียนที่ผู้ประพันธ์ เล่าเรื่องราวของตนเอง จากการเริ่มทำงานในธุรกิจเหมืองแร่ดีบุกของครอบครัวที่ภาคใต้ ตัดสินใจย้ายมาทำงานธนาคารในกรุงเทพฯ เพื่อให้ลูก ๆ มีโอกาสได้รับการศึกษาที่ดี เป็นหนังสือชีวประวัติบุคคล ผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ถ่ายทอดประสบการณ์ วิธีการทำงาน การพัฒนางานและพัฒนาตนเอง ให้ข้อคิดในการทำงาน มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยน่าสนใจ สำนวนภาษาดี เทคนิคการเขียนชวนติดตาม
เที่ยวกับคุณฉลาม
เที่ยวกับคุณฉลาม เนื้อหาเป็นเรื่องชีวิตและการผจญภัยของฉลามขาว วาฬเพชฌฆาต และสัตว์ต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นวรรณกรรมแนวจินตนาการ ที่ใช้ข้อมูลจริงในการเรียบเรียง มีลักษณะเป็นบันเทิงคดีกึ่งสารคดี ที่ให้ความสนุกสนานและความรู้ไปพร้อมกัน เรื่องเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญของสัตว์ต่างพันธุ์ทั้งสอง ที่สามารถสื่อสารเข้าใจกัน จึงตกลงเดินทางไปหาอาหารด้วยกัน ระหว่างเดินทางมีเหตุชุลมุนทำให้เกิดการสลับร่างระหว่างฉลามหนุ่มกับวาฬสูงวัย ทั้งสองจึงจำเป็นต้องเดินทางต่อเพื่อหาทางกลับร่างเดิม ผู้แต่งสามารถอธิบายลักษณะทางกายภาพ การดำรงชีวิต และความคิดของสัตว์ทั้งสองชนิด ผู้อ่านได้เห็นโลกในมุมมองของฉลามขาวและวาฬเพชฌฆาต รวมทั้งชีวิตสัตว์ต่าง ๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาสมุทร ตระหนักถึงภัยคุกคามต่อสัตว์ทะเล และส่งเสริมความรัก การอยู่ร่วมกันในธรรมชาติอย่างสมดุล หนังสือเรื่องนี้ให้ความรู้อย่างละเอียด มีคำอธิบายศัพท์ท้ายหน้า และภาพประกอบท้ายบท มีหัวข้อ ‘เรื่องน่ารู้’ เป็นสาระที่เกี่ยวกับเนื้อหา และท้ายเล่มมีบรรณานุกรม
เรื่องของ ป้อง
เรื่องของ ป้อง เป็นเรื่องย้อนยุคแนวสมจริง เล่าขานผ่านชีวิตของ “ป้อง” เด็กชายวัยแปดขวบ ที่อาศัยอยู่กับปู่ย่า ใช้ชีวิตชาวเรือริมแม่น้ำน่าน หน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ ในจังหวัดพิษณุโลก ครอบครัวมีความอบอุ่น ความรัก ความเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน ในสังคมที่เรียบง่ายน่าอยู่ มีบรรยากาศของงานวัด ตลาด และการละเล่นของเด็กยุคนั้น ป้องอยู่อย่างมีความสุขกับปู่ย่าที่ไม่ใช่สายเลือด แม้ไม่มีแม่เลี้ยงดู ส่วนพ่อนั้นนาน ๆ จึงจะมาหา ถูกเพื่อนล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีแม่ ทำให้ลึก ๆ ในใจของป้องโหยหาความรักจากพ่อแม่ แต่ในที่สุดป้องก็ตระหนักว่าได้รับความรักและความสุขจากปู่ย่า เรื่องราวดี นำเสนอได้ดี ทำให้ผู้อ่านมีอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้เรื่องของ ป้อง ของ กอบสินธุ์ กล่อมปัญญา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗
คนละฝั่งของแม่น้ำ
คนละฝั่งของแม่น้ำ เป็นเรื่องราวของสามเณรตุเตเปรียญธรรมสามประโยคจากภาคใต้ เดินทางมากรุงเทพฯ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะสอบให้ได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในภาคการศึกษานั้น สามเณรพักที่วัดเล็ก ๆ ฝั่งธนบุรี ต้องลงเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามายังฝั่งพระนคร เพื่อเดินไปยังสำนักเรียนในพระอารามหลวงระดับชั้นเอกพิเศษย่านเสาชิงช้า การเดินทางไปเรียนหนังสือ สามเณรได้พบเหตุการณ์รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ เช่น การวางขายพระเครื่องแบกะดินริมทางเท้า เรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอาศัยนอนค้างคืนในวัด เรื่องช่วยเหลือผู้หญิงพลัดตกน้ำจากโป๊ะ เรื่องการถูกตรวจสอบจากพระวินยาธิการผู้มีหน้าที่พิสูจน์ว่าเป็นสงฆ์จริงหรือไม่ เรื่องนั่งด้านหน้ารถขนศพไปยังสถานที่ปลายทาง เรื่องเพื่อนสามเณรที่มาเรียนทางธรรมเพื่อนำไปเทียบการศึกษาสายสามัญ เป็นต้น แม้จะพบเรื่องราวต่าง ๆ แต่สามเณรก็ตั้งใจเรียนจนจบหลักสูตร สอบได้เปรียญธรรมสี่ประโยคในที่สุด คนละฝั่งของแม่น้ำ เป็นหนังสือชื่อเรื่องดี โครงเรื่องดีหลากหลายอารมณ์ มีกลวิธีในการนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ตัวละครสร้างแรงบันดาลใจในเรื่องโอกาสทางการศึกษาของเด็กที่มีเป้าหมายต่างกันในการบวช การคลี่คลายปมปัญหาของตัวละครเป็นไปในทางที่ดี ภาพประกอบสอดคล้องกับเรื่อง ให้ข้อคิดเรื่องการตั้งเป้าหมายของชีวิต คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้คนละฝั่งของแม่น้ำ ของ ธารา ศรีอนุรักษ์ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗
มหัศจรรย์ พรรณพฤกษ์ (อยู่วังสระปทุม ๓)
มหัศจรรย์ พรรณพฤกษ์ (อยู่วังสระปทุม ๓) ให้ความรู้เกี่ยวกับวังสระปทุมและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระขนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เมื่อเสด็จฯ มาประทับที่วังแห่งนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นต้นมา พระองค์ทรงให้ความสำคัญในการรักษาต้นไม้เก่าแก่ที่มีอยู่เดิม รวมทั้งเสาะหามาปลูกเพิ่มทั้งไม้ใบ ไม้ผลและไม้ดอก โดยมีผู้เชี่ยวชาญดูแล นอกจากนี้ยังมีแปลงพืชผัก สวนสมุนไพร สวนครัว ซึ่งทรงทำเป็นตัวอย่างนำไปประกอบผลิตภัณฑ์อาหารสร้างรายได้อีกด้วย ตัวละครสำคัญในการเล่าเรื่อง คือ เจ้าแมวเหมียว หนึ่งในบรรดาสัตว์เลี้ยงในพระอุปถัมภ์ สัตว์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในวังก็มาช่วยกันเล่าเสริมด้วย ช่วยให้อ่านสนุก ชวนติดตาม ภาพประกอบสวยงาม ทั้งภาพถ่ายพระราชทานและภาพวาด
ญิฮาดในรัฐอิสลาม
ญิฮาดในรัฐอิสลาม เป็นวรรณกรรมเชิงวิชาการ ที่ผู้เขียนร้อยเรียงเนื้อหาออกมาเป็นนิยายที่ดี ให้ความรู้เรื่องศาสนาอิสลาม ถือเป็นประตูกล ที่เปิดออกมาให้เห็นความงดงามของโลกมุสลิม ที่นอกจากจะเปิดสู่ความเข้าใจ แล้วยังเป็นประตูมิตรภาพที่ทำให้เข้าใจมุสลิมดีขึ้น แม้จะมีการสะกดคำภาษาไทยผิดอยู่บ้าง แต่แก่น และเนื้อหาของเรื่อง ที่ผสมผสานข้อมูลทางประวัติศาสตร์กับจินตนาการได้อย่างดี สามารถคลายความคลุมเครือในโลกมุสลิมได้ดีในหลาย ๆ ข้อสงสัย
คลองที่แสงดาวเต็มฝั่ง
คลองที่แสงดาวเต็มฝั่ง เป็นงานเขียนที่ผู้ประพันธ์ เล่าเรื่องราววิถีชีวิตชนบทในอดีต ในรูปแบบสาระบันเทิง ดำเนินเรื่องโดยเด็กหญิงที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับอาหาร การละเล่น ประเพณี วัฒนธรรมของท้องถิ่น มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเนื้อหา อธิบายให้ผู้อ่านได้เข้าใจ เก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี สำนวนภาษาดี อ่านได้อย่างเพลิดเพลิน ภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อเรื่อง
โคโค่กับนกฟีนิกซ์ที่หายไป
ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน การพลัดพรากนำมาซึ่งความทุกข์ สติจะทำให้ตระหนักรู้ในที่สุดว่าทั้งหมดทั้งมวล มิได้มีตัวตน วงเวลา ผู้ประพันธ์เรื่อง โคโค่กับนกฟินิกซ์ที่หายไป ได้วางโครงเรื่อง โดยสร้างตัวละคร กำหนดฉาก เวลาและสถานที่ อธิบายแนวคิดในเชิงปรัชญาข้างต้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจว่ามาจากความคิด ความรู้สึกที่ยึดติดกับอดีตและความวิตกกังวลถึงอนาคต การมีสติรู้เท่าทันปัจจุบัน นำไปสู่ความเบิกบานจากการตื่นรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์กัน แต่มิอาจถือมั่นให้เป็นตัวตนได้ มูมู คือนกฟินิกซ์ เพื่อนรักของโคโค่ ที่เถ้าถ่านจากการเผาไหม้ตัวเองปลิวกระจายหายไป เพื่อให้เสียงเพลงอันไพเราะที่นกฟินิกซ์ขับขานทุกเช้า อันทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตในดินแดนแห่งวันนี้กลับมามีความสุข เหล่าสัตว์ทั้งหลายเอาใจช่วยให้โคโค่ออกตามหามูมู การตามหาเริ่มจากดินแดนแห่งเมื่อวาน ตามคำแนะนำของผู้เฒ่านกฮูก โคโค่ได้ช่วยให้แพนด้าที่ยึดติดกับความแปลกแยกจากเผ่าพันธุ์ยอมรับหนทางที่ตนเลือก เมื่อเดินทางไปตามหามูมูต่อในดินแดนแห่งพรุ่งนี้ โคโค่ช่วยให้ดักแด้ที่ไม่ยอมออกจากเปลือกที่ห่อหุ้มคลายกังวล เปลี่ยนแปลงเป็นผีเสื้อที่สวยงามและโบยบินอย่างเป็นอิสระ แม้การตามหานกฟินิกซ์ในดินแดนแห่งเมื่อวานและพรุ่งนี้จะล้มเหลว โคโค่ได้เรียนรู้จากกับดักทางความคิดของแพนด้าและดักแด้ว่าความยึดติดกับอดีตและความวิตกต่ออนาคตทำให้เกิดความทุกข์ อีกทั้งคำแนะนำจากผู้รู้ใช่จะแก้ปัญหาได้เสมอไป โคโค่จึงประมวลความคิดต่อไปว่าหากสรรพสิ่งเบิกบานได้เพราะเสียงเพลงจากนกฟินิกซ์ ก็ย่อมนำเสียงเพลงจากนกฟินิกซ์กลับมาได้เช่นกัน แทนที่จะออกตามหานกฟินิกซ์มูมูด้วยใจเป็นทุกข์ โคโค่จึงกลับมารับฟัง คลายทุกข์ให้สรรพสัตว์ดังที่เธอได้ทำให้กับแพนด้าและดักแด้ เธอใช้เวลานานกว่าจะทำให้บรรดาสัตว์ค่อย ๆ แช่มชื่นขึ้น แต่มูมูก็ยังไม่กลับมา ในที่สุดเมื่อโคโค่ มองเห็นความงามของปัจจุบันด้วยใจที่เป็นสุขทำให้เธอเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า สรรพสิ่งในธรรมชาติทั้งมวลต่างพึ่งพาอาศัยไม่อาจแยกขาดจากกัน ทุกสิ่งมีความสุขได้เพราะไม่ได้แบ่งแยกเป็นเมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ นกฟินิกซ์ไม่ได้จากไปไหน และไม่ได้มาจากที่ใด ด้วยความตระหนักรู้นี้ มูมูนกฟินิกซ์ในเรื่องจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงเพลงอันไพเราะ สาระของเรื่อง โคโค่กับนกฟินิกซ์ที่หายไป จึงมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ถึงความทุกข์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะความคิดและความรู้สึก การพินิจความทุกข์ให้ถ่องแท้นำไปสู่การหยั่งรู้ความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียว การให้ความสำคัญกับปัจจุบันคือความสุขที่แท้หรือกล่าวได้ว่าคือความเบิกบานจากการตื่นรู้นั่นเอง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ โคโค่กับนกฟีนิกซ์ที่หายไป ของ วงเวลา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖
เจ้าปลาสายรุ้ง
เจ้าปลาสายรุ้ง เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มกับลูกสาวที่ผันตัวเองจากเมืองหลวงไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัดกับพ่อแม่ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกชายของเพื่อนผู้จากไป ด้วยการสอนวิธีเลี้ยงปลากัดหลากหลายชนิด ตั้งแต่การจับปลา การหาพันธุ์ปลา การเลี้ยงดู การให้อาหารอย่างถูกต้อง จนเด็กชายสามารถพัฒนาสายพันธุ์ปลากัด จำหน่ายเพื่อหารายได้ให้กับครอบครัวเล็ก ๆ ของเขา ผู้เขียนมีวิธีเล่าเรื่องโดยแบ่งเป็นตอนสั้น ๆ ทำให้อ่านง่าย สนุก ชวนติดตาม มีชั้นเชิงในด้านวรรณศิลป์ พร้อมทั้งอธิบายถึงปลากัดชนิดต่าง ๆ อย่างละเอียด เช่น ปลากัดป่าที่มีสีซีด ปลากัดลูกหม้อสีเข้มดูน่าเกรงขามที่เลี้ยงไว้เพื่อส่งลงสนามต่อสู้ในบ่อนกัดปลา รวมถึงปลากัดแฟนซีสีสวยงามสดใส ทำให้ได้ความรู้เรื่องปลากัดของไทยเป็นอย่างดี เปรียบได้กับสารคดีที่ผู้อ่านทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เจ้าปลาสายรุ้ง ของ วรรณมันตา ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖
เหมือนหั่นหัวหอม
เหมือนหั่นหัวหอม วรรณกรรมเยาวชนสะท้อนปัญหาของเด็กที่ถูกล้อเลียน ทำให้เศร้าเสียใจ เสียน้ำตา มุ่งสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจ ลดละการกระทำที่สร้างบาดแผลในใจให้ผู้อื่น เหมือนหั่นหัวหอม นำเสนอเรื่องราวสนุก ซุกซน ปนเศร้าของ วิน โม่ มาย แก้ม และเพื่อน ๆ นักเรียนชั้น ป.๔ โรงเรียนแห่งหนึ่ง วิน ลูกแม่ค้าขายข้าวแกงหน้าโรงเรียน ฐานะยากจน จึงรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าเพื่อน โม่ เด็กชายตัวอ้วนที่มีอาม่าเลี้ยงดูด้วยความรัก บำรุงด้วยอาหารดี ๆ อบรมสั่งสอนให้ข้อคิดในการใช้ชีวิต มาย ลูกสาวแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยเห็นหน้าพ่อตั้งแต่เกิด แก้ม เด็กหญิงตัวเล็ก เรียนเก่ง ซึ่งพ่อแม่หวังให้เป็นหมอเหมือนพ่อ ไม่มีโอกาสเลือกทำในสิ่งที่ตนเองชอบ เด็กทั้งสี่คนมีปมในใจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ถูกซ้ำเติมจากเพื่อนที่นำปมด้อยของแต่ละคน มาตั้งฉายาล้อเลียนทำให้เศร้าเสียใจ ปมปัญหาของเด็ก ๆ ค่อย ๆ คลี่คลาย ด้วยความรัก ความเข้าใจ ของพ่อแม่ และญาติมิตร ผู้ใหญ่บางคนยอมปรับพฤติกรรมของตน เพื่อส่งเสริมกำลังใจเด็ก ๆ ให้เติบโตอยู่ในสังคมได้อย่างเข้มแข็งและมีความสุข ครูแก้ปัญหาการล้อเลียนโดยใช้หัวหอมเป็นสื่อ ให้นักเรียนได้พูดสื่อสารความในใจที่ทำให้รู้สึกเสียใจน้ำตาไหลเหมือนหั่นหัวหอม ทำให้เด็กเข้าใจ และรับรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อน ว่าไม่มีใครชอบถูกล้อ แม้แต่ผู้ที่ล้อคนอื่น ก็ไม่อยากให้ใครมาล้อตนเอง ยอมรับความผิดพลาด กล้าที่จะขอโทษ ให้อภัย ช่วยเหลือกัน อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เหมือนหั่นหัวหอม เป็นเรื่องราวในมุมมองของเด็ก อ่านสนุก ภาพประกอบสวยงาม มีสาระ ความรู้ สอดแทรกข้อคิดคำคมไว้อย่างน่าสนใจ เป็นประโยชน์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ สามารถนำไปปรับใช้สร้างความเข้มแข็งให้ตนเองและคนรอบข้าง โดยไม่ล้อเลียนผู้อื่น และรับมือกับการถูกล้อเลียนได้อย่างเหมาะสม คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ เหมือนหั่นหัวหอม ของ สองขา ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖
เจ้าหนูผู้พิทักษ์แห่งเกาะลิบง
“เจ้าหนูผู้พิทักษ์แห่งเกาะลิบง” เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงอันดาสาวน้อยชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ เมื่อครั้งไปเยี่ยมเยียนคุณตาคุณยายที่เกาะลิบง จ.ตรัง ระหว่างนั้นได้ไปท่องเที่ยวชมสถานที่สวยงามทางธรรมชาติ ได้ความรู้เกี่ยวกับพืชทะเล สัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เช่น ปูเสฉวน เต่าตนุ เต่ามะเฟือง หอยติบ หอยชักตีน โดยเฉพาะพะยูนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์ป่าสงวนเพียงชนิดเดียวที่เป็นสัตว์น้ำ อาศัยอยู่ในทะเลเขต อบอุ่นที่ถูกทำร้ายและลักลอบล่า รวมถึงเรื่องการผจญภัยของอันดาและเพื่อน ๆ ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีช่วยสืบหากลุ่มคนร้าย ผู้เขียน เขียนเรื่องสนุก ชวนติดตาม อ่านแล้วอยากเดินทางไปเที่ยว เพราะให้ความรู้ ความบันเทิงทั้งเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล และสัตว์ทะเลนานาชนิดสอดคล้องกับการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “เจ้าหนูผู้พิทักษ์แห่งเกาะลิบง” ของ กิติศักดิ์ศรีแก้วบวร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
ด.ช.ตุ้ม
“ด.ช.ตุ้ม” เป็นเรื่องเล่าประสบการณ์ชีวิตของเด็กชายเชื้อสายจีนในครอบครัวใหญ่ในชนบทแถบนครนายก ที่จากบ้านมาพักอาศัยที่บ้านญาติในกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาระดับประถมศึกษาในโรงเรียนเอกชน ผูิแต่งนำเสนอเนื้อหาหลากหลาย สนุกสนานและมีสาระผ่านการบอกเล่าของเด็กชายตุ้ม ในรูปแบบเรื่องสั้นรวม ๔๕ เรื่อง ซึ่งจัดเป็น ๔ กลุ่มตามพัฒนาการของตัวละครตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึง ๔ เสมือนเป็นตัวแทนสะท้อนอารมณ์ความคิดของเด็กที่ห่างไกลบ้านและครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข ความเศร้า ความใสซื่อ และซุกซนตามวัยแต่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและการเรียน เนื้อหาของหนังสือ ‘ด.ช.ตุ้ม’ แม้จะเป็นเรื่องย้อนยุคเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินแต่มีสาระและข้อคิดที่เป็นประโยชน์ แม้แต่เรื่องที่เป็น ‘ความสนุกร้าย’ ด้วยความซุกซนและขาดประสบการณ์ของเด็ก ผู้แต่งก็ได้แสดงความรู้สึกผิดของตัวละครและชี้แนวทางที่เหมาะสมไว้ การบรรยายเกี่ยวกับครอบครัวให้สาระเรื่องวิถีชีวิตชาวจีนในสมัยก่อน ที่มีความขยันอดทน และประหยัด เพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว มีความรัก ความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือดูแลกันในครอบครัวและระหว่างญาติพี่น้อง นอกจากนี้ยังได้รู้ถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ในชนบท สภาพแวดล้อม และสังคมของท้องถิ่นที่ตัวละครเติบโตมาทั้งในชนบทและในกรุงเทพฯซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในปีจจุบัน หนังสือ ‘ด.ช.ตุ้ม’ มีเนื้อหาแตกต่างจากวรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ ให้ทั้งความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สาระ ความรู้ และข้อคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับเยาวชนและผู้ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้การจัดรูปเล่มมีความประณีต ตัวอักษรอ่านง่าย ชัดเจน มีภาพประกอบเป็นภาพวาดสวยงาม ให้อารมณ์และ สอดคล้องกับเนื้อเรื่องแต่ละตอน คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ด.ช.ตุ้ม” ของ สุรศักดิ์ กฤษณมิษ ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕
ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม
“โข่ง” เด็กชายผู้เล่าเรื่อง “ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม” พาผู้อ่านย้อนอดีตไปสัมผัสชีวิตชาวนาที่เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต หากการเอื้อเฟื้อแบ่งปันใส่ใจกันในหมู่เครือญาติและเพื่อนบ้านคือความสุขในความอัตคัด และเป็นรากฐานอันมั่นคงให้เด็กคนหนึ่งเติบโตมาด้วยความรักความผูกพัน สำนึกรับผิดชอบในหน้าที่ จนไม่รู้สึกว่าตนเองขาดอะไร นอกจากภาพชีวิตในชนบท วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงภาพการศึกษาของไทยในอดีตที่ดำเนินไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเสียสละของครูที่มุ่งมั่นจะพัฒนาลูกศิษย์ให้มีคุณภาพ หยิบยื่นโอกาสอันนำไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น วรรณกรรมเรื่องนี้ถ่ายทอดความรักความอบอุ่นของสายสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ เพื่อนพ้อง ครูกับศิษย์ และคนกับสัตว์ในวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในชนบทที่หล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งได้เรียนรู้ เข้าใจ และตระหนักถึงคุณค่าของสิ่งรอบตัว คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “ทุ่งหญ้า ป่าข้าว เจ้าเขากาง และผม” ของ เอกอรุณ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔
แมววัด
“แมววัด” เป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าขนาดสั้น ๘๒ เรื่อง ที่เรียบเรียงด้วยสำนวนภาษาเรียบ ง่าย กระชับ เชื่อมโยงสัมพันธ์กันด้วยตัวละครหลัก ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่มีความหลากหลายผ่านมุมมองของ “นินจา” แมววัดเพศเมีย ที่เกิด เติบโตและอาศัยอยู่ในวัด ด้วยการเล่าเรื่องในทัศนคติเชิงบวก ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง สัตว์ต่าง ๆ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด ที่ผู้เขียนได้บันทึกไว้ขณะบวชเป็นสามเณรช่วงปิดเทอม ณ วัดป่าแห่งหนึ่ง เมื่ออายุ ๙ ปี เนื้อหาของหนังสือนอกจากให้ความสนุกเพลิดเพลิน ยังให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ ชี้แนวความประพฤติที่เหมาะสม และสอดแทรกข้อคิดด้านคุณธรรมพื้นฐาน เช่น การทำความดี การให้อภัย และ สัจธรรมของชีวิต ที่สอดคล้องกับเนื้อหาแต่ละตอนอย่างแนบเนียน โดยอ้างถึงคำสั่งสอนของพระที่ เลี้ยงดู มีภาพประกอบโดยผู้เขียน หนังสือเรื่อง “แมววัด” จึงเป็นหนังสือดีที่อ่านง่าย ให้ความรู้ ความเพลิดเพลิน และจรรโลงใจ คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “แมววัด” ของ ยูโตะ ฟุคะยะ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔
การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY
“การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY” เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ผู้เขียนได้นำประสบการณ์ขณะยังเป็นนักจิตวิทยาฝึกหัดที่โรงพยาบาลบาร์เน็ต กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาเรียบเรียงเป็นเรื่องสั้นทั้งหมด ๑๒ เรื่อง เนื้อหาเป็นเรื่องราวของ “ลิซ่า” นักจิตวิทยาฝึกหัดกับ ๑๒ กรณีศึกษาของเด็กและวัยรุ่น ๑๒ คน เป็นชาย ๗ คนและหญิง ๕ คน ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักและเข้าใจบทบาทของจิตแพทย์และนักจิตวิทยามากขึ้น ว่าการไปพบจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเป็นเรื่องปกติเหมือนเช่นเวลาที่ร่างกายของเราเจ็บป่วย เราสามารถไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาได้ จิตแพทย์และนักจิตวิทยาจะช่วยให้คำปรึกษาและแนะนำ อันจะทำให้ได้แนวทางแก้ปัญหา หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้แก่ผู้อ่านโดยนำวิชาการด้านจิตเวชกับการทำงานของจิตแพทย์และนักจิตวิทยามาเขียนเรียบเรียงได้อย่างเหมาะสมลงตัว ทำให้รู้ถึงการวางแผนงานที่จะใช้รักษาคนไข้ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น เนื้อหาแต่ละเรื่องชวนอ่าน ชวนติดตาม แม้จะเป็นเรื่องทางการแพทย์ แต่ภาษาเขียนที่ดีทำให้เข้าใจง่าย เป็นหนังสือที่ให้ประโยชน์เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่จะนำไปปรับใช้ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อีกทั้งมีภาพประกอบสวยงามเหมาะสมกับเนื้อหาของทุกเรื่อง คณะกรรมการตัดสินจึงมีมติให้ “การเดินทางของผีเสื้อหลากสี BECOMING A BUTTERFLY” ของ เมริษา ยอดมณฑป ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๔
ฮัก ฮีต ฮอย ลูกชาวนาอีสาน
หนังสือเรื่องนี้เป็นบันเทิงคดี บันทึกชีวิตชาวนาอีสานซึ่งเรียบเรียงจากประสบการณ์วัยเด็กระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๕ – พ.ศ. ๒๕๓๐ ของ “บักหำ” ลูกชายคนเล็กในครอบครัวชาวนาที่อบอุ่น มีพ่อแม่และพี่สาวคอยดูแลสั่งสอน และเป็นแบบอย่างที่ดี เนื้อเรื่องเล่าถึง บุคคล สถานที่ เหตุการณ์และกิจกรรมต่าง ๆ ตามวิถีชีวิตของชาวนาอีสานในแต่ละฤดูกาลในรอบปี กล่าวถึงชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ชีวิต และการเล่นสนุกของเด็ก ๆ การดิ้นรนทำงานของชาวนาอีสานในสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของครอบครัว นอกจากนี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่น ในด้านการตั้งถิ่นฐาน ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม ธรรมเนียม ประเพณี ศาสนา ความเชื่อ และคติชีวิตของชาวอีสาน ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องโดยแบ่งเป็น ๙๐ ตอน แต่ละตอนมีชื่อที่สะท้อนเนื้อหา มีสารบัญ และมีบท “ที่มาของเรื่องเล่า” ท้ายเล่ม อธิบายคำสำคัญของหนังสือ เช่น ทางเกวียน หมู่บ้าน เล้าข้าว คอกควาย ลานบ้าน โคกและป่า ทุ่งนา จารีต ฮีต คอง สำนวนภาษาที่ใช้มี ๒ ลักษณะคือ ภาษาไทยมาตรฐาน ใช้ในการบรรยายสิ่งต่าง ๆ และภาษาถิ่น ใช้ในบทสนทนาระหว่างตัวละคร ซึ่งการใช้ภาษาถิ่นแม้ว่าจะสร้างความสมจริงและให้ความรู้ด้านภาษา แต่ก็ทำให้ผู้อ่านที่ไม่คุ้นเคยกับภาษาอีสานยากที่จะเข้าใจเนื้อความได้ครบถ้วน อย่างไรก็ตามด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน สาระที่น่าสนใจ และแตกต่างจากหนังสือแนวชนบทอีสานเรื่องอื่น ๆ ทำให้หนังสือเรื่อง “ฮัก ฮีต ฮอย ลูกชาวนาอีสาน” เป็นหนังสือที่มีคุณค่าและน่าอ่านเรื่องหนึ่ง
อโศก…ฟ้าพลิกดิน
“อโศก…ฟ้าพลิกดิน” เป็นหนังสือที่ส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยนำประวัติของพระเจ้าอโศกมหาราชที่ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ผู้เผยแผ่ธรรมะให้แก่พระญาติ ข้าราชการ ไปจนถึงประชาชนทั่วไป ผู้เขียนทำการค้นคว้า ให้เห็นถึงจุดเด่นของศาสนาพุทธที่ทำให้พระเจ้าอโศกมหาราชทรงเปลี่ยนความคิดและทรงปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน อีกทั้งทรงเป็นตัวอย่างอันดีในการดำเนินพระชนม์ชีพ ตามหลักศาสนาพุทธทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และศรัทธาในพระศาสนา ทรงแสดงให้เห็นถึงความเหมือน ความแตกต่างและการประนีประนอมกันระหว่างศาสนาพราหมณ์ ศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธที่อยู่ร่วมกันได้จนถึงปัจจุบัน ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาเป็นเรื่อง ๆ สั้น ๆ ทำให้อ่านเข้าใจง่าย สอดแทรกสาระความรู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในเนื้อหาและในคำอธิบายเพิ่มเติม แต่ละตอนมีตัวละครเป็นผู้ดำเนินเรื่อง มีบทสนทนา ภาพประกอบงดงาม ทำให้หนังสือน่าอ่านยิ่งขึ้น
หมอยาน้อย
“หมอยาน้อย” เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งเติบโตมาในสังคมชนบทแถบชานเมืองพัทลุง ผู้ประพันธ์ได้สอดแทรกสภาพภูมิประเทศ สถานที่สำคัญ วัฒนธรรม ประเพณี ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่นไว้ในฉาก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ดำเนินไปตามท้องเรื่องอย่างผสมกลมกลืน เปิดเรื่องโดยปรมินทร์ตัวเอกของเรื่องกำลังจะเข้ารับรางวัลนักวิจัยไทยผู้มีผลงานโดดเด่น เป็นที่น่าภาคภูมิใจ จนทำให้เขานึกย้อนภาพความทรงจำ นึกถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง ครู และเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ประกอบเรื่องราวต่าง ๆ ที่มีส่วนทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้อ่านได้รู้จักแหล่งเรียนรู้อันมีคุณค่า ได้ความรู้เรื่องคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรไทยหลากชนิด ได้ข้อคิดในการปฏิบัติตน มีความมุ่งมั่นพากเพียร การใฝ่หาความรู้ตลอดชีวิต
เรื่องเล่าของพลอยดาว
“เรื่องเล่าของพลอยดาว” เป็นเรื่องชีวิตครอบครัว ของเด็กหญิงอายุ ๑๑ ปีซึ่งมีพ่อเป็นครูดอยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องเดินทางไปสอนที่โรงเรียนห่างไกลจากบ้านในเมือง เด็กหญิงพลอยดาวต้องเดินทางเพียงลำพังไปเยี่ยมพ่อที่บ้านพักของโรงเรียนในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะแม่ต้องดูแลกิจการร้านหนังสือ เมื่ออยู่กับพ่อ พลอยดาวได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ได้ส่องกล้องดูดาว เป็นประสบการณ์ตรง เพิ่มเติมจากสิ่งที่ได้รู้จากหนังสือที่แม่ซึ่งเป็นนักเขียนแนะนำให้อ่าน การเดินทางไปเยี่ยมพ่อของพลอยดาว ทำให้ผู้อ่านได้รู้จักปางอุ๋ง สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของแม่ฮ่องสอน และหมู่บ้านรักไทย ทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างภูเขากับทะเลเมื่อครอบครัวได้ไปเที่ยวทะเลที่ชลบุรีซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ พลอยดาวจึงรู้ว่าเธอชอบภูเขามากกว่าทะเล เรื่องนี้ผู้อ่านจะได้สัมผัสชีวิตครอบครัวที่มีความสงบสุข มีความเข้าใจและเอื้ออาทรต่อกัน แม้บางครั้งจะมีความคิดที่แตกต่างกันบ้าง คณะกรรมการตัดสินจึงเห็นสมควรให้ “เรื่องเล่าของพลอยดาว” ของ “อัชฌาฐิณี” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชนประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓
โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) ตอน ความลับใต้ผืนทราย
“โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) ตอน ความลับใต้ผืนทราย” เป็นวรรณกรรมเยาวชน ที่ผู้เขียนนำเสนอเรื่องเป็นตอนสั้น ๆ ชวนให้อ่านและติดตาม ตัวละครเอก มดแดงกับแตงกวาและเอย สามสหาย พร้อมครอบครัวเดินทางไปที่ภูเก็ต ระหว่างพักที่ภูเก็ตได้ท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่าง ๆ เรื่องตื่นเต้น น่าสนใจ คือ การวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งมีปัญหาเต่าไม่ขึ้นมาวางไข่หลายปี การพบไข่เต่าเป็นเรื่องที่แตงกวาสัญญาว่าจะต้องรักษาไว้เป็นความลับ ผู้เขียนนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้ผู้อ่านเกิดความตระหนัก เพื่อช่วยกันรักษาท้องทะเลให้สะอาดและปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล วิธีนำเสนอเรื่องเป็นแนวสมจริง เรียบง่าย ชวนติดตาม มีความรักในครอบครัว มีน้ำใจไมตรีต่อเพื่อน ตัวละครมีชีวิตชีวา เนื้อหาสอดแทรกความรู้ คณะกรรมการตัดสินจึงเห็นสมควรให้ “โลกของมดแดงกับแตงกวา (เอยด้วย!) ตอน ความลับใต้ผืนทราย” ของ “งามพรรณ เวชชาชีวะ” ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๑ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓
ลูกไม้กลายพันธุ์
“ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” เป็นคำพังเพยที่สะท้อนค่านิยมว่า ลูกมักจะมีวิถีชีวิตหรือพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากพ่อแม่ ความเชื่อนี้เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าพ่อแม่ดี ก็จะเชิดชูให้ลูกดีด้วย แต่ในทางกลับกัน ถ้าพ่อแม่ทำผิดพลาด อคติที่เกิดแก่ลูกคือตราบาปว่า “ไม่มีวันดีไปได้” “ลูกไม้กลายพันธุ์” ของ “จันทรา รัศมีทอง” ได้นำเสนอเรื่องราวของเตชิต ลูกชายคนโตของครอบครัวผู้มีฐานะที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว ถูกส่งมาอยู่กับปู่ที่สวนในจังหวัดจันทบุรี หลังจากที่ความจริงเปิดเผยว่าพ่อแม่ของเขาไม่ใช่ผู้ให้กำเนิดที่แท้จริง เขาต้องเก็บความขื่นขม ปรับตัวในสภาพแวดล้อมและกิจวัตรที่ปู่เป็นผู้กำหนด ต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนใหม่ในโรงเรียนชนบท ซึ่งมีทั้งลูกผู้มีอิทธิพล ลูกชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์เขมรและชอง เขาเลือกที่จะผดุงความยุติธรรมให้แก่เพื่อนที่ถูกเหยียดหยามและถูกรังแก จากความเป็นศัตรู มิตรภาพค่อย ๆ บ่มเพาะจากกิจกรรมในโรงเรียนและการกีฬา เด็ก ๆ ได้เรียนรู้การแบ่งปัน เผื่อแผ่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และการให้อภัย ในที่สุดบ้านสวนก็ได้เปลี่ยนเตชิตเป็นคนใหม่ ที่เป็น “ลูกไม้กลายพันธุ์” ตามหนทางที่เขาเลือกจะเป็น “จันทรา รัศมีทอง” ดำเนินเรื่องด้วยสำนวนภาษาสละสลวย ผ่านมุมมองของเตชิต ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ความคับแค้น ขมขื่น กดดันจากครอบครัวที่ผลักไสเขาออกไป และเอาใจช่วยให้เตชิต มุมานะ ต่อสู้เอาชนะคำสบประมาทต่าง ๆ ด้วยจิตสำนึกใฝ่ดีที่ผู้เขียนเชื่อว่ามีอยู่ในมนุษย์ทุกคน สายเลือดไม่สำคัญเท่ากับทางเดินชีวิตที่เรากำหนดเองอันเป็นแนวคิดสำคัญของเรื่อง คณะกรรมการตัดสินจึงเห็นสมควรให้ “ลูกไม้กลายพันธุ์” ของ “จันทรา รัศมีทอง” ได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทวรรณกรรมสำหรับเยาวชน ประจำพุทธศักราช ๒๕๖๓
แกะรอยฆาตกรรม
ผู้เขียนอายุยังน้อย แต่มีฝีมือการเขียนดี วางโครงเรื่องได้แนบเนียน น่าติดตามตั้งแต่ต้น ภาษาดี ทันสมัย สอนให้คิดในเรื่องการดำเนินชีวิต อ่านสนุก ตัวละครเก่งกล้าเกินเด็กในวัยเดียวกัน แต่เนื้อเรื่องยังมีฉากการฆ่า การทำร้าย และความรุนแรงมากไป จึงยังไม่เหมาะสมกับเยาวชน
ครอบ (บ้าน)ครัว(เดียว)
“ครอบ (บ้าน) ครัว (เดียว)” เป็นนวนิยายชีวิตครอบครัวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ และความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวใหญ่ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนถึงสมัยปัจจุบัน กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ชับซ้อนและมีปัญหา ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งทั้งในด้านความเป็นอยู่ และความคิดของตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครเอก ซึ่งเป็นสตรีที่สามารถยืนหยัดดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งนวนิยายเรื่องนี้ มีกลวิธีการเสนอเรื่องที่ชวนติดตาม มีองค์ประกอบด้านฉาก ตัวละคร และบทสนทนาที่สมจริง มีชีวิตชีวา ให้ข้อคิดที่หลากหลายเกี่ยวกับการอนุรักษ์และสร้างสรรค์สังคมไทย ด้วยการผสานวัฒนธรรมเก่ากับใหม่ได้อย่างกลมกลืน ผู้แต่งใช้ภาษาและสำนวนโวหาที่เปี่ยมด้วยวรรณศิลป์ มีสีสัน มีเสน่ห์ สร้างจินตภาพได้อย่างแจ่มชัดและก่อให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ
อาม่าที่รัก
เรื่องความสัมพันธ์ของหญิงสูงอายุผู้มีเมตตาต่อเด็กและผู้อื่น ซึ่งไม่ใช่ญาติพี่น้องให้คติเรื่องความขยันขันแข็ง ทำมาหากิน สู้ชีวิต ผู้อ่านเยาวชนได้เรียนรู้ศีลธรรมชั้นพื้นฐานความดี ความซื่อสัตย์ การบริโภคอย่างพอเพียง การเคารพอาวุโส เป็นต้น
อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง
เรื่องสนุกๆ ของชีวิตนักศึกษา บรรยายเรื่องดี ใช้เทคนิคเหมือนภาพวาด ภาษาสละสลวย หลากรสอารมณ์ หมาะแก่ผู้อ่านวัยรุ่น
สีเทาเจ้าตัวจิ๋ว
เนื้อเรื่องสร้างสรรค์ จินตนาการน่ารักเกี่ยวกับสัตว์ อ่านแล้วมีความสุข ภาพประกอบดีรูปเล่มสวยงาม เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
สิมิลัน กราภูงา ตอน ส่งครามมหาเวท
เนื้อหาชับซ้อน ซ่อนข้อมูลมากมายไว้อย่างดี เสนอภาพของโลกในอดีตกับโลกอนาคตสลับกันไปมา ตัวละครมีสีสันชวนติดตาม มีการต่อสู้อย่างโลดโผน เหมาะสำหรับเยาวชนเพศชายหรือ นักอ่านที่ชอบเรื่องตื่นเต้น
ส้มโอ น้าหมู หนูแมว
ผู้เขียนนำเรื่องชีวิตประจำวันในครอบครัวซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวมาเขียนได้ดี ให้ภาพชีวิตที่อบอุ่นน่ารัก แสดงความผูกพันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์และมนุษย์กับสัตว์ ภาษาดี เป็นธรรมชาติ เหมาะแก่ผู้อ่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่
บีตั๊ก : ดวงดาวนั้นระหว่างน้ำกับฟ้า
เรื่องราวของครอบครัวคนชายชอบที่อบอุ่นเป็นธรรมชาติ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมได้น่าสนใจ เยาวชนผู้อ่านจะรู้จักสังคมต่างวัฒนธรรม เข้าใจและเห็นใจผู้อื่น