คนในคลื่น
10 เรื่องสั้นที่รวมพิมพ์อยู่ในหนังสือ “คนในคลื่น” ถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่ทำงานในเรือประมง ความผูกพันระหว่างคนกับทะเล และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน อย่างมีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ และมีสีสัน ทั้งในฐานะที่ผู้เขียนมีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในเรือประมงมานานหลายปี และในฐานะของนักสังเกตการณ์ที่เฝ้ามองความเป็นไปต่างๆ อย่างพินิจพิเคราะห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะคนเขียนหนังสือที่มีฝีมือและความสามารถในการใช้ภาษาทำให้ผู้อ่านมองเห็นภาพชีวิตความเป็นอยู่ในเรือ สัมผัสขื่นคาวของทะเลและผู้คนที่ร่วมชะตากรรมในเรือลำเดียวกัน อีกทั้งผู้เขียนได้สะท้อนให้ย้อนมองกลับไปยังอดีตอันรุ่งโรจน์และอนาคตอันร่วงโรยของประมงไทยในที่ซึ่งประสบการณ์ของคนรุ่นเก่เผชิญหน้ากับเทคโนโลยีของคนรุ่นใหม่ รวมเรื่องสั้นเล่มนี้ยังได้บอกกับเราว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในเรือประมง แต่เราทุกคนก็อยู่ในคลื่นทะเลชีวิต เช่นเดียวกัน หนังสือรวมเรื่องสั้นคนในคลื่น จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประจำปี 2553
นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได
“นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได” ของจักรพันธุ์ กังวาฬ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 13 เรื่อง ที่สะท้อนภาพชีวิตคนไทยร่วมสมัยยุควัตถุนิยมที่สูญเสียคุณค่าความเป็นมนุษย์ โดยตกอยู่ในภาวะสับสนอลหม่าน จนไม่อาจแยกแยะความจริงกับความลวง ความดีกับความชั่ว ความถูกต้องกับความผิดพลาด เรื่องสั้นโดยรวมมีทั้งความหมายตามตัวอักษรที่ทำให้ผู้อ่านสนุก ตื่นเต้น ระทึกใจ กับความหมายแฝงอันลุ่มลึกต่อการเพิ่มพูนประสบการณ์ชีวิต ผู้เขียนนำเสนอเรื่องราวด้วยกลการประพันธ์แบบสัจนิยม และแบบเหนือจริงอย่างแยบยล ใช้ภาษาสั้นและกระชับ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพและเกิดอารมณ์ร่วม ชื่อเรื่องบางเรื่องผู้เขียนตั้งขึ้นโดยเล่นกับความหมายของคำในภาษาได้อย่างแนบเนียนและกลมกลืน เช่น “เสียเด็ก”, “คนลืมตัว” และ “ข้างนอกข้างใน” เป็นต้น ผู้เขียนนำชื่อเรื่อง 2 เรื่อง คือ “นักเดินทาง” กับ “เสียงร้องจากห้องเก็บของใต้บันได” มารวมกันเป็นชื่อหนังสือ “นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได” เหมือนจะชี้ให้เห็นว่ามนุษย์ทุกคนล้วนเป็นนักเดินทางทั้งสิ้น ซึ่งมักมีจุดหมายปลายทางอันห่างไกล แท้ที่จริงสิ่งใกล้ตัวที่ไม่มีใครสนใจเหลียวแลต่างหากที่มีสาระชวนให้ค้นหาความหมายให้แก่ชีวิตมากกว่าสิ่ง ไกลตัว ด้วยคุณสมบัติด้านเนื้อหาและกลการประพันธ์ดังกล่าว “นักเดินทางสู่ห้องเก็บของใต้บันได” ของจักรพันธุ์ กังวาฬ จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทรวมเรื่องสั้น รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประจำปี 2553
สงครามและความรัก
“สงครามและความรัก” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีความเด่นในด้านการใช้ภาษาซึ่งสามารถควบคุมและขับเคลื่อนเรื่องราว เพื่อสื่อความคิดมาถึงผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ประพันธ์มีชั้นเชิงในด้านการสรรคำมาร้อยเรียงได้อย่างเหมาะสมกลมกลืนและมีคุณค่าทางวรรณศิลป์ นอกจากนี้เนื้อหาในเรื่องสั้นยังมีแง่มุมหลากหลายในขณะเดียวกันก็มีเอกภาพที่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์จำเป็นต้องดำรงอยู่ร่วมกันด้วยเสรีภาพและความรักเป็นหลักสำคัญ
ไปยาลใหญ่ในปัจฉิมดำริ
“ไปยาลใหญ่ในปัจฉิมดำริ” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีเอกลักษณ์ เพราะหลายเรื่องผู้ประพันธ์นำเสนอประเด็นโต้แย้งที่เกิดจากมุมมอง แง่คิด จากพฤติกรรมที่เห็นและเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมไทยยุคปัจจุบัน เช่น ประเด็นโต้แย้งเกี่ยวกับความซื่อสัตย์-การฉกฉวยโอกาส ค่านิยมด้านเพศรส-พรหมจรรย์ วิถีกรุง-วิถีชนบท ฯลฯ ซึ่งประเด็นโต้แย้งต่าง ๆ ดังกล่าวนี้ ท้ายที่สุดผู้อ่านจะได้รับคำตอบที่กระจ่างเมื่ออ่านเรื่องจบลงอย่างใคร่ครวญ ผู้ประพันธ์มีกลวิธีการนำเสนอด้วยลีลาที่แตกต่าง ทั้งยั่วล้อ เสียดสี ประชดประชัน และเคร่งขรึมจริงจัง และด้วยศักยภาพในการใช้ภาษาได้อย่างเข้าใจและเข้าถึง รู้จักเล่นสนุกกับคำและสำนวนทั้งในด้านเสียงและความหมาย ทำให้หนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มนี้เป็นงานเขียนที่มีเสน่ห์ มีชีวิตชีวา ชวนอ่าน
เส้นผมบังจักรวาล
“เส้นผมบังจักรวาล” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ถ่ายทอดความเป็นไปของชีวิต ผ่านบทบาทของตัวละครในฉากเล็ก ๆ แคบ ๆ และธรรมดาดังที่พบเห็นกันอยู่ แต่ด้วยมุมมองและจินตนาการของผู้เขียน ภาพที่ปรากฏต่อผู้อ่านกลับมีแง่มุมแปลกใหม่ที่น่าสนใจและชวนให้ขบคิดตาม ผู้เขียนมีศิลปะในการเล่าเรื่องด้วยลีลาภาษาร่วมสมัย และสร้างโครงเรื่องที่หลากหลายใช้กลวิธีต่างกัน มีทั้งแนวสมจริง เหนือจริง สัญลักษณ์ และอื่น ๆ นำผู้อ่านไปสัมผัสกับความรัก ความชัง ความทุกข์ ความสุข ความเจ็บปวด และความเฉยชาที่มีอยู่ในการเกิด การตาย และการดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ของตัวละคร และสื่อความหมายเป็นนัยว่าถ้ามองทะลุตัวละครเหล่านั้นไป ก็จะพบความจริงเช่นเดียวกันในโลก
บันไดกระจก
“บันไดกระจก” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 10 เรื่อง ของวัฒน์ ยวงแก้ว ที่มีความน่าสนใจทั้งในด้านศิลปะการเขียนและแง่คิดมุมมอง วัฒน์ ยวงแก้วเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถทั้งในการใช้ภาษาและกลวิธีการนำเสนอ ซึ่งมีรูปแบบทั้งเรียบง่ายและซับซ้อน มีเนื้อหาสื่อแสดงและซ่อนเร้นนัยทางสังคมอย่างคมคาย จะเห็นได้ว่างานเขียนในหนังสือบันไดกระจกแสดงถึงความสนใจของผู้แต่งที่มีต่อปัญหารอบตัวและผู้คนทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ผ่านลีลาและวิธีคิดวิธีเขียนของคนยุคปัจจุบัน เสน่ห์ของหนังสือ“บันไดกระจก” อยู่ที่ความแปลกแยกแตกต่างของเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง ซึ่งผู้อ่านสามารถตีความได้โดยอิสระและถามตัวเองว่าผู้แต่งได้บอกเล่าหรือให้คำตอบอะไรใหม่ ๆ บ้าง หนังสือรวมเรื่องสั้นบันไดกระจกจึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประจำปี พ.ศ. 2555
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิต
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิต เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นขนาดยาว 8 เรื่อง ซึ่งสะท้อนภาพสังคมไทยในยุคสมัยที่เต็มไปด้วยความยอกย้อนสับสนได้อย่างเด่นชัดและน่าสนใจ ในเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง ดูเสมือนว่าเส้นแบ่งระหว่างความดีกับความเลว ความถูกและความผิด ภาพจริงและภาพมายา ล้วนถูกผู้เขียนลบเลือน ทำให้ผู้อ่านต้องเพ่งพินิจและตีความที่แฝงอยู่ระหว่างบรรทัด ผู้เขียนใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่หลากหลายมีชั้นเชิง เช่น การผูกร้อยเรื่องราวผ่านบทสนทนาและพฤติกรรมที่ดูไร้สาระของตัวละคร การนำเรื่องแต่งของตัวละครมาสอดสลับกับเรื่องเล่าของผู้เขียน การใช้ภาพเหนือจริงซ้อนทับลงบนภาพจริง ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสร้างความรู้สึกสมจริงและอารมณ์สะเทือนใจให้แก่ผู้อ่านด้วย หนังสือรวมเรื่องสั้น ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำตลอดชีวิต จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2555
เวลาของชาติ
“เวลาของชาติ” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 8 เรื่องของกิติวัฒน์ ตันทะนันท์ ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ ผู้แต่งนำเสนอเหตุการณ์และเรื่องราวอันหลากหลายของผู้คนในสังคม โดยเน้นย้ำถึงเบื้องลึกของความคิด อารมณ์ และความรู้สึก ซับซ้อนลุ่มลึกภายในตัวตนของมนุษย์ต่างสถานะ ต่างเพศ และต่างวัย บางเรื่องกล่าวถึงความรู้สึกโหยหาอดีตอันเปี่ยมสุข ได้แก่เรื่อง “เวลาของชาติ” บางเรื่องกล่าวถึงอารมณ์เหงาเศร้าร้าวรานของคนชราที่ปรารถนาจะได้รับไออุ่นจากลูกหลาน ได้แก่เรื่อง “บ้านสัตว์เลี้ยง” บางเรื่องกล่าวถึงมิติแห่งความรักและความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวในปัจจุบันสมัย ได้แก่ เรื่อง “วีณา” ฯลฯ ผู้แต่งมีความสามารถในการใช้ภาษาที่มีพลัง กินใจ และประทับใจ เลือกใช้ลีลาโวหารในแต่ละเรื่องได้อย่างสอดคล้องกับเนื้อหา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นร่วมสมัยที่ควรค่าแก่การอ่านอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง หนังสือรวมเรื่องสั้น “เวลาของชาติ” จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2555
เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม
เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม โดย นทธี ศศิวิมล เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 8 เรื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองต่าง ๆ เกี่ยวกับผู้หญิงในมิติหน้าที่ที่แตกต่างกัน สภาพสังคมและความเป็นไปของชีวิต ผ่านบทบาทของตัวละครในฉากเล็ก ๆ แคบ ๆ และธรรมดา แต่ภาพที่ปรากฏกลับมีแง่มุมที่น่าสนใจและชวนให้ขบคิด ผู้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ได้ชวนอ่าน ชวนติดตาม ด้วยสำนวนที่ละเมียดละไม บางเรื่องให้ความสะเทือนใจสูง โดดเด่นในด้านอารมณ์และความรู้สึก เช่น เรื่อง “เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม” เรื่องสั้นในหนังสือเล่มนี้มีโครงเรื่องที่หลากหลาย ผู้เขียนใช้ศิลปะในการเล่าเรื่องที่ต่างกัน ซึ่งนำผู้อ่านไปสัมผัสความรัก ความชัง ความทุกข์ ความสุข ความเจ็บปวด และการดิ้นรนเพื่อจะมีชีวิตอยู่ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง รวมเรื่องสั้น “เต้นรำไปบนท่อนแขนอ่อนนุ่ม” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2556
ออกไปข้างใน
ออกไปข้างใน โดยนฆ ปักษนาวิน เป็นรวมเรื่องสั้นจากทั้งหมด 10 เรื่อง ที่ประกอบด้วยความหลากหลายทั้งตัวเรื่อง สถานที่ และเทคนิคการเล่าเรื่อง มีความทับซ้อนชวนให้ตีความได้หลายนัย ผ่านการเล่าเรื่องด้วยมุมมองที่แปลกใหม่ รวมทั้งการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีสาระผูกโยงทั้งด้านประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม ชีวิต และภาวะภายในของปัจเจกบุคคล โดยไม่หวังตั้งคำถามและไม่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน แต่ให้สัมผัสได้ด้วยความคิดคำนึง เรื่องราวบางเรื่องอาจเป็นอดีตที่สังคมรับทราบ เช่น เหตุการณ์เดือนตุลาคม 2516-2519 แต่ผู้เขียนใช้การบอกเล่าด้วยมุมมองที่แตกต่าง ด้วยศิลปะและวรรณศิลป์ผ่านมิติเวลาที่ทับซ้อน ซึ่งเป็นเสน่ห์ในภาพรวมของหนังสือเล่มนี้ อนึ่ง ผู้เขียนได้ฉายภาพมุมกว้างเพื่อมองภาพรวมของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์แสดงให้เห็นความโดดเดี่ยวท่ามกลางสังคมพลุกพล่าน เห็นอุดมคติท่ามกลางความไร้สาระ เห็นความเชื่อที่โยงใยอยู่ ลึก ๆ เบื้องหลัง เห็นความมืดบอดเมื่อค้นหาเข้าไปด้านลึกภายในและในการค้นหาทางออกนั้น พบว่าแท้จริงแล้วคือการเดินผ่านไปสู่ความซับซ้อนที่อยู่ภายใน รวมเรื่องสั้น “ออกไปข้างใน” จึงสมควรได้รับรางวัลชนะเลิศรางวัลเซเวนบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2556
วัฏจักรไร้สำนึก
“วัฏจักรไร้สำนึก” ของ “ปองวุฒิ รุจิระชาคร” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ถ่ายทอดความเป็นไปในสังคมสู่ผู้อ่านผ่านโครงเรื่องที่จินตนาการขึ้นอย่างแยบยล และสมจริง แม้บางเรื่องจะใช้ฉากของโลกอนาคต ดินแดนอื่นที่มิใช่ประเทศไทย หรือมีเหตุการณ์เหนือจริง แต่ก็มิได้ทิ้งหลักเหตุผล นอกจากนี้ผู้เขียนยังมีศิลปะในการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามและแฝงอารณ์ขัน ทำให้แต่ละเรื่องเป็นเรื่องสั้นที่อ่านสนุก เรื่องราวและประเด็นที่ผู้เขียนนำมาเสนอมีหลากหลาย แต่ทั้งหมดก็มีความสอดคล้อง กลมกลืนในแง่ที่เป็นภาพสะท้อนของโลกปัจจุบันที่แม้จะเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ หลอกลวงกันและกัน แต่ก็ยังมีความรัก ความเอื้อเฟื้อ ความเชื่อในคุณค่าของเสรีภาพ และศรัทธาในความดีงามสอดแทรกอยู่ด้วย หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “วัฏจักรไร้สำนึก” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
โปรดอยู่ในความดัดจริต
“โปรดอยู่ในความดัดจริต” ของ “พึงเนตร อติแพทย์” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 9 เรื่อง ผู้ประพันธ์นำเสนอเรื่องราวชีวิตของคนในสังคม ทั้งแนวจินตนาการ และแนวสมจริง สะท้อนภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง ค่านิยมต่าง ๆ และความขัดแย้งทางด้านความคิด โดยให้ตัวละครสลับกันเล่าเรื่อง ใช้สำนวนภาษาที่ทันสมัยอย่างมีวรรณศิลป์ ชวนติดตาม รวมเรื่องสั้นชุดนี้ นอกจากจะอ่านเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังช่วยให้เข้าใจชีวิตความเป็นอยู่อันหลากหลายของผู้คนในยุคปัจจุบันด้วย หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “โปรดอยู่ในความดัดจริต” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
กล้องเก่า
“กล้องเก่า” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นของ “ธาร ยุทธชัยบดินทร์” ชื่อเรื่อง “กล้องเก่า” หมายถึงภาพในอดีตที่ถูกบันทึกอยู่ในกล้องโบราณ โดยนัยสื่อว่า ช่วงชีวิตของคนเราที่เปลี่ยนผ่านจนล่วงเข้าสู่วัยชรานั้น ย่อมจะมีภาพอดีตที่ประทับใจไม่แง่มุมใดก็มุมหนึ่ง บางภาพพร่าเลือนไปตามกาลเวลา แต่บางภาพยังคงกระจ่างชัด มีชีวิตชีวา ยามใดที่นำภาพเก่า ๆ มาดูก็หวนระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วยอารมณ์และความรู้สึกอันหลากหลาย ทั้งทุกข์ สุข เศร้า และชุ่มชื่นใจ ฯลฯ แต่ในความเป็นจริงเราจะต้องอยู่กับปัจจุบัน ชีวิตจะต้องดำเนินไป มิใช่จ่อมจมอยู่กับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ในอดีต เรื่องสั้นเรื่องแรกที่ชื่อ “กล้องเก่า” เป็นเสมือนตัวแทนสื่อแนวคิดหลักของหนังสือ จึงมีความเป็นเอกภาพ ทุกเรื่องอ่านเข้าใจง่าย แต่กินใจด้วยการใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ ชวนอ่านชวนติดตาม หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง “กล้องเก่า” จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ครั้งหนี่ง…คิดถึงเป็นระยะ
ครั้งหนึ่ง…คิดถึงเป็นระยะ ของเจน จิ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่นำภาพชีวิตของบรรดาผู้คนและสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร มาบอกเล่าผ่านเรื่องราวของความรัก มิตรไมตรี และความปรารถนาดีต่อกันของตัวละครในเรื่องแต่ละเรื่องได้อย่างน่าประทับใจ โดยผู้เขียนเลือกนำเสนอภาพของมหานครในแง่มุมที่งดงามสดใส ทั้ง ๆ ที่มีภาพลักษณ์ว่าเป็นเมืองวุ่นวาย อึกทึก และผู้คนไร้น้ำใจไมตรีต่อกัน ผู้เขียนเล่าเรื่องได้อย่างมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้อ่านย้อนรำลึกถึงสถานที่ต่าง ๆ ที่คุ้นเคย เช่น เยาวราช สะพานพุทธฯ เป็นต้น ทำให้สถานที่เหล่านั้นกลับมามีเสน่ห์น่าสนใจขึ้นผู้อ่านสามารถสัมผัสแง่คิดที่จริงจัง แต่แฝงอารมณ์ขันผู้เขียนได้อย่างชัดเจน
กลางฝูงแพะหลังหัก
“กลางฝูงแพะหลังหัก” หนังสือรวมเรื่องสั้นของ “อุมมีสาลาม อุมาร” นอกจากจะมีความเป็นเอกภาพในด้านเนื้อหาสาระ ที่บอกเล่าถึงวิถีชีวิตของชาวมุสลิมในจังหวัดภาคใต้ซึ่งเป็นบ้านเกิดของผู้เขียนแล้ว แง่มุมที่หยิบยกมานำเสนอยังมีความหลากหลายซึ่งแต่ละเรื่องผู้เขียนได้สะท้อนภาพทั้งหมดด้วยเนื้อหาที่ปราศจากอคติ ด้วยภาษาที่ง่ายงามอย่างน่าติดตาม บางเรื่องท้าทายความคิด บางเรื่องทำให้เห็นปมเหตุความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่บางเรื่องก็สร้างแรงสะเทือนใจเกี่ยวกับชีวิตและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมมุสลิม โดยเฉพาะเรื่อง “กลางฝูงแพะ” เปรียบเสมือนเป็นภาพวาดแห่งชีวิตที่มีสีสัน มีมิติที่แปลกใหม่และลุ่มลึก ดังนั้นรวมเรื่องสั้นชุด “กลางฝูงแพะหลังหัก” จึงสมควรได้รับรางวับรองชนะเลิศอันดับ 1 ประจำปี 2558
จะหลับตาลงได้อย่างไร
“จะหลับตาลงได้อย่างไร” เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 11 เรื่องของเสาวรี แต่ละเรื่องมีเนื้อหาให้ตระหนักรู้ถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึง ทุกชีวิตไม่สามารถหลีกพ้นจากความครอบงำของกิเลสตัณหา คือความอยากมี อยากได้ และใคร่เป็น ผู้เขียนสามารถสร้างเรื่องผูกปมปัญหาไว้อย่างแนบเนียน แล้วค่อย ๆ คลี่คลายให้เห็นผลที่ตามมาในที่สุดของเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโศกนาฏกรรมที่เกินคาด ผู้เขียนสามารถชักนำให้ผู้อ่านได้ร่วมรับรู้ถึงปัญหาต่าง ๆ ในสังคมได้อย่างน่าครุ่นคิดด้วยเนื้อหา ฉาก บรรยากาศ ตัวละครที่ต่างเพศ วัย และสถานภาพได้อย่างสมจริง โดยสื่อแนวคิดอันเป็นเอกภาพว่าถ้าคนในสังคมยังคงมีความขัดแย้งอยู่ แล้วเรา “จะหลับตาลงได้อย่างไร” ที่สำคัญเรื่องสั้นแต่ละเรื่องมีส่วนช่วยให้ผู้อ่านได้นำเรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ใคร่ครวญให้เข้าใจโลกและชีวิต โดยเฉพาะชีวิตของคนใกล้ชิดได้ลุ่มลึกยิ่งขึ้น เสาวรีมีชั้นเชิงในการนำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์และน่าสนใจ ด้วยการนำเรื่องสั้น 11 เรื่องมาเสนอต่อเนื่องกันเป็นคู่ ๆ โดยแต่ละคู่เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ผ่านการเล่าและแง่คิดมุมมองที่ต่างกันของตัวละครสำคัญ ๆ ช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงความหมายของเรื่องได้แจ่มแจ้ง ส่วนเรื่องสุดท้ายสรุปความหมายของ “ชีวิต ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ เรื่องสั้นทุกเรื่องแสดงถึงความเชี่ยวชาญของผู้เขียนในการใช้ภาษาเล่าเรื่องที่ดูเป็นธรรมชาติและสร้างบทสนทนาได้สมจริง ทำให้เรื่องมีพลัง กินใจ และสะเทือนอารมณ์ ด้วยคุณภาพอันโดดเด่นทั้งในด้านเนื้อหา และกลวิธีการนำเสนอ “จะหลับตาลงได้อย่างไร” จึงเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นที่สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2558
YOUNG & WILD
เรื่องเล่าทั้ง 7 เรื่อง ในหนังสือ YOUNG & WILD ของ จิรัฏฐ์ ประเสริฐทรัพย์ มีที่มาจากเรื่องราวของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ 7 คน ที่กล้าเดินออกมาจากวิถีการดำเนินชีวิตแบบเดิมที่(น่าจะ)ราบเรียบและปลอดภัย เพื่อมาสร้างเส้นทางสายใหม่ที่เชื่อว่าถูกต้องและเหมาะสมสำหรับตน ผู้เขียนมิได้เสนอภาพคนเหล่านั้นออกมาตรง ๆ แต่เลือกหยิบแง่มุมบางส่วน มาใส่ไว้ในเรื่องสั้นที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของตน จนเป็นเรื่องสั้นที่สร้างสรรค์และแฝงนัยซับซ้อน มีการนำเรื่องประเภทเหนือจริงมาสอดแทรกไว้ในเนื้อหาสาระได้อย่างแนบเนียน หนังสือเล่มนี้ ยังมีความแปลกใหม่ที่นำประวัติของบุคคลซึ่งเป็นที่มาของเรื่องสั้นแต่ละเรื่อง มาผนวกไว้ท้ายเรื่องด้วย นับเป็นแนวทางทดลองในการนำเสนอเรื่องสั้น และหนังสือรวมเรื่องสั้นอีกรูปแบบหนึ่ง YOUNG & WILD จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2559
เรากำลังกลายพันธุ์
เรากำลังจะกลายพันธุ์ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นจำนวน 8 เรื่องของเกริกศิษฏ์ พละมาตร์ มีความน่าสนใจในด้านศิลปะการเขียน การสะท้อนภาพและความคิดของผู้คนในสังคมทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ผู้เขียนนำเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อและคตินิยม มาผสมผสานกับวิถีชีวิตปัจจุบัน และนำเรื่องเหนือจริงมาซ้อนทับกับเรื่องจริงได้อย่างน่าสนใจ ผู้เขียนมีความสามารถทั้งในการใช้ภาษา บรรยายและพรรณนาได้อย่างเห็นภาพ ใช้กลวิธีการนำเสนอหลายลักษณะ ทั้งเรียบง่าย และซับซ้อน เพื่อแสดงปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม หนังสือรวมเรื่องสั้น เรากำลังจะกลายพันธุ์ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่น บุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ. 2559
แผนพัฒนาความฉลาดของเมืองคนโง่
แผนพัฒนาความฉลาดของเมืองคนโง่ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 24 เรื่องของอภิชาติ จันทร์แดง ที่ใช้รูปแบบของเรื่องสั้น-สั้น อย่างมีศิลปะและเปิดปลายให้ผู้อ่านขบคิดต่อ การถ่ายทอดความเป็นจริงที่หลากหลายในสังคมนั้นเต็มไปด้วยชั้นเชิงที่ซ่อนเงื่อน ให้ตีความได้หลายนัย ด้วยมุมมองที่น่าสนใจ ใช้ภาษาที่มีท่วงทำนองแปลกใหม่ สั้นกระชับแฝงไปด้วยความหมาย ผู้เขียนสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีสาระผูกโยงทั้งด้านการเมือง สังคม ชีวิต ในลักษณะที่เป็นปัจเจก เน้นความรู้สึกของตัวละครโดยมิได้พิพากษา กระตุ้นให้คิดโดยไม่ได้ตั้งคำถามและไม่ต้องการคำตอบที่ชัดเจน แต่แสดงความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงร้อยรัดกันอย่างลึกซึ้งระหว่างวัตถุและจิตใจ เช่นเรื่อง “สนามเด็กเล่น” ที่ไม่ได้เป็นแค่สนามเด็กเล่น หรือ เรื่อง “ใครสักคนอยู่ตรงนั้น:ร่ม” ร่มอาจไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์กันฝนเท่านั้น เรื่องสั้น 24 เรื่อง เป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนสภาพสังคมในมุมต่าง ๆ เมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันก็ทำให้เห็นภาพรวมความชำรุดของสังคม เป็นเรื่องสั้นชุดหนึ่งที่ท้าทายกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับจิตสำนึกของคนในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี รวมเรื่องสั้น แผนพัฒนาความฉลาดของคนเมืองคนโง่ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2559
หุ่นไล่กา
หุ่นไล่กา เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เรื่องของไพฑูรย์ ธัญญา แต่ละเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งทั้งในสังคมเมืองและในสังคมชนบท ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เรื่องสั้นเรื่องสุดท้ายคือ “มหานครล่มสลาย” นั้น บรรดาปัญหาและความขัดแย้งดังกล่าวได้ถูกนำมาประมวลไว้อย่างครอบคลุม และสื่อแนวคิดร่วมของทั้งเล่มเกี่ยวกับเรื่อง “ความจริงและความลวง” ได้อย่างน่าสนใจว่า ตราบใดที่ยังมีมนุษย์ (แม้เพียงสองคน) ตราบนั้นความจริงและความลวงก็ยังดำรงอยู่ในสังคม ความโดดเด่นของหนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา อยู่ที่ความจัดเจนในการใช้ภาษาของผู้เขียนที่มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องอย่างเรียบง่าย เป็นธรรมชาติเหมาะแก่ลักษณะของเรื่อง ผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่หนักอึ้งและแนวคิดที่แหลมคม ด้วยลีลาการเขียนที่มีท่วงทำนองยั่วล้อ เสียดสี ประชดประชัน แต่ชวนคิด ถ้อยคำ สำนวนโวหารและภาพพจน์ทั้งในการบรรยาย การพรรณนา และบทสนทนาสามารถสร้างภาพและบรรยากาศได้อย่างมีสีสัน มีชีวิตชีวา ก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างหลากหลายโดยเฉพาะอารมณ์ขันซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจให้เพลินอ่าน หนังสือรวมเรื่องสั้น หุ่นไล่กา จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ดประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี พ.ศ.2559
อาจเป็นเพราะเหตุนั้น
อาจเป็นเพราะเหตุนั้น เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 13 เรื่องของนิธิ นิธิวีรกุล ที่มีเทคนิคการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงและเรียบง่าย ในด้านเนื้อหาก็มีความหลากหลายที่สื่อแสดงนัยทางสังคมอย่างคมคายและชวนคิด แสดงให้เห็นถึงความสนใจของผู้แต่งที่มีต่อปัญหารอบตัวและผู้คนทั่วไป บางเรื่องท้าทายความคิด บางเรื่องทำให้เห็นปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้น และบางเรื่องก็สร้างแรงสะเทือนใจเกี่ยวกับชีวิตและเหตุการณ์ในสังคม โดยสื่อแนวคิดอย่างเป็นเอกภาพว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับชื่อหนังสือ อาจเป็นเพราะเหตุนั้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเรื่องสั้นแต่ละเรื่องมีส่วนช่วยให้ผู้อ่านได้นำเรื่องราวและเหตุการณ์ต่าง ๆ มาเป็นอุทาหรณ์ใคร่ครวญให้เข้าใจโลกและชีวิตมากยิ่งขึ้น หนังสือรวมเรื่องสั้น อาจเป็นเพราะเหตุนั้น จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2560
บังไพรแห่งทรัพย์จำปาและเรื่องอื่น ๆ
บังไพรแห่งซับจำปาและเรื่องอื่น ๆ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 13 เรื่องของ องค์ บรรจุน โดยผู้เขียนนำเสนอเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นรากเหง้าของชาติพันธุ์ ผ่านวิถีชีวิต ความเชื่อและวัฒนธรรมของชนชาติมอญและชาติอื่น ๆ ในอาเซียนทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายเรื่องทำให้เห็นผลกระทบของภาวะความเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ของยุคสมัย จนก่อให้เกิดปัญหาขึ้น และที่สำคัญภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นกับชาวมอญ ยังกระตุ้นเตือนให้สังคมไทยได้ฉุกคิดเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เรื่องสั้นชุดนี้ นอกจากจะมีความเป็นเอกภาพในเนื้อหาตลอดทั้งเล่มแล้ว ยังเชื่อมโยงให้เห็นภาพรวมของความเป็นอาเซียน และการไหลบ่าของชนชาติในประเทศแถบนี้ โดยผ่านชั้นเชิงการเขียนอย่างมีวรรณศิลป์ ทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสกลิ่นอายและเห็นภาพทั้งด้านมืดด้านสว่างอย่างชัดเจน หนังสือรวมเรื่องสั้น บังไพรแห่งซับจำปาและเรื่องอื่น ๆ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2560
คืนหนึ่ง…คิดถึงอีกครั้ง
คืนหนึ่ง…คิดถึงอีกครั้ง ของ เจน จิ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 10 เรื่องที่นำเสนอเรื่องราวหลายมุมของกรุงเทพมหานครอย่างมีเสน่ห์และมีชีวิตชีวา เรื่องสั้นชุดนี้ เป็นบันเทิงคดีที่มีเนื้อหาสาระยึดโยงกับฉากซึ่งเป็นสถานที่ต่าง ๆ และวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ฉายภาพให้เห็นความเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาของสังคมในเมืองใหญ่ เริ่มตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่องน่าสนใจ และเนื้อหาน่าติดตาม ผู้เขียนจบเรื่องได้อย่างจับใจ ผู้อ่านรู้สึกอิ่มเอมในเนื้อหา ซึ่งให้แง่คิดมุมมองในการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และเห็นว่าความรักความสุขของคนรอบข้างคือสิ่งที่ล้ำค่า เพราะนั่นคือความสุขร่วมกันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ผู้เขียนยังนำเสนอเรื่องราวด้วยลีลาการเขียนที่กระชับเรียบง่ายแต่งดงามด้วยชั้นเชิงทางวรรณศิลป์ หนังสือรวมเรื่องสั้น คืนหนึ่ง…คิดถึงอีกครั้ง จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2560
เด็กชายที่ปลอมตัวเป็นหนังสือ ดอกไม้ และอื่น ๆ
เด็กชายที่ปลอมตัวเป็นหนังสือ ดอกไม้ และอื่นๆ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 8 เรื่องของปะการัง ที่นำเสนอเรื่องราวของเด็ก ๆ ในครอบครัวที่มีหลายลักษณะ บางคนเป็นเด็กพิเศษที่มีโลกส่วนตัวเฉพาะ โดยแต่ละเรื่องแสดงถึงความฝันและความจริงใจ เป็นจินตนาการที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ซึ่งผู้ใหญ่อาจ ละเลยไม่เข้าใจ แต่กลับกำหนดกฎเกณฑ์ให้เด็กประพฤติปฏิบัติไปตามกรอบของตน รวมเรื่องสั้นชุดนี้แม้มีตัวละครสำคัญเป็นเด็ก แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ที่จะได้รำลึก ทบทวนและเข้าใจจินตนาการ ความฝันในวัยเด็ก โดยผู้เขียนบอกเล่าเรื่องราว ด้วยลีลาการเขียนที่ง่ายและงดงาม หนังสือรวมเรื่องสั้น เด็กชายที่ปลอมตัวเป็นหนังสือ ดอกไม้ และอื่น ๆ จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2561
ลืมตาตื่นอีกครั้ง…ในเวลาอันสมควร
หนังสือรวมเรื่องสั้น ลืมตาตื่นอีกครั้ง…ในเวลาอันสมควร ของ ปองวุฒิ รุจิระชาคร จำนวน 12 เรื่องมีเนื้อหาและกลวิธีการนำเสนอหลากหลาย ทุกเรื่องผู้เขียนใช้ภาษาสั้น กระชับ โดยเล่าเรื่องที่ให้ภาพคมชัด บางเรื่องสื่อความหมายได้หลายนัย บางเรื่องนำเสนอในแง่มุมด้วยวิธีการเขียนเสียดสี ยั่วล้อ สอดแทรกอารมณ์ขันและให้ข้อคิดอย่างน่าสนใจ เรื่องสั้นชุดนี้ ได้ส่งสารแสดงทัศนะที่เกิดจากการมองสังคมไทยที่กำลังแปรเปลี่ยนโฉมหน้า ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ สังคม การเมือง ครอบครัว ฯลฯ และยังกล่าวถึงสังคมในอนาคต และการปรับตัวของผู้คนในสังคมให้สอดคล้องกับยุคสมัย โดยมีกลวิธี หรือชั้นเชิงในการเล่าเรื่องอย่างมีวรรณศิลป์ชวนติดตาม หนังสือรวมเรื่องสั้น ลืมตาตื่นอีกครั้ง…ในเวลาอันสมควร จึงสมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปีพุทธศักราช 2561
PARIS IN PAIRS ปารีสบนดาวดวงอื่น
PARIS in PAIRS ปารีสบนดาวดวงอื่น เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 13 เรื่อง ของ โชติกา ปริณายกที่ทุกเรื่องใช้กรุงปารีสเป็นฉากหลัง มีตัวละครเป็นผู้คนซึ่งกำลังดำเนินชีวิตอยู่ในนครแห่งนั้น ตัวละครและสถานที่เป็นต่างประเทศทั้งหมด แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็มีลักษณะเป็นสากล ผู้แต่งสร้างโครงเรื่องที่เปี่ยมด้วยจินตนาการ สามารถผูกปมไว้ให้น่าติดตาม และจบลงอย่างเกินความคาดหมาย ตัวเอกในแต่ละเรื่องมีความหลากหลาย เรื่องราวในแต่ละเรื่องแยกจากกัน แต่ก็มีบางจุดที่เชื่อมโยงกัน และเติมเต็มซึ่งกันและกัน ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ผู้แต่งสร้างเรื่องจากภาพถ่ายที่บันทึกไว้จากการเดินทาง และนำภาพถ่ายเหล่านั้นมาเป็นภาพประกอบเรื่อง นับเป็นมิติใหม่ในการเขียนเรื่องสั้น คณะกรรมการจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น PARIS in PAIRS ปารีสบนดาวดวงอื่น สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2562
ชีวิตประจำวัน (เรื่องสั้นธรรมดา)
ชีวิตประจำวัน (เรื่องสั้นธรรมดา) เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 18 เรื่อง ของ จำลอง ฝั่งชลจิตร แต่ละเรื่องสะท้อนภาพชีวิตหลากหลายจากสังคมรอบตัว ด้วยมุมมองนักคิดนักเขียนผู้มีประสบการณ์ชีวิตสูง มีทั้งเรื่องสั้นแบบฉบับ เรื่องสั้นขนาดสั้น เรื่องสั้นเชิงสารคดี ผู้แต่งถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตประจำวันรอบตัวหลายแง่มุมทั้งผู้คน สัตว์เลี้ยง และสรรพสิ่งรอบตัว โดยถ่ายทอดเรื่องราวผ่านโครงเรื่องที่ไม่ซับซ้อน ไม่วางปริศนาเงื่อนปมใด ๆ แต่มีศิลปะในการเล่าเรื่องอย่างชวนให้ฉุกคิด ความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้อยู่ที่ความจัดเจนในการใช้ภาษาของผู้แต่ง ที่ง่ายกระชับเป็นธรรมชาติ แต่สื่อภาพได้ชัดเจนละเอียดลออ เป็นเรื่องสั้นชุดหนึ่งที่ชวนอ่านและท้าทายกับการตั้งคำถามเกี่ยวกับจิตสำนึกของคนในสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี คณะกรรมการจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น ชีวิตประจำวัน (เรื่องสั้นธรรมดา) สมควรได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2562
ดอก รัก
ดอก รัก เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น 10 เรื่อง ของ ตินกานต์ ผู้แต่งตั้งชื่อเรื่องแต่ละเรื่องเป็นชื่อดอกไม้อย่างจงใจ เพื่อให้เป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์ของผู้หญิง มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้หญิงกับความรักซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงของชีวิต นำเสนอในหลากหลายแนว หลากหลายมุมมอง หลากหลายรส ผ่านภาพของผู้หญิงหลายสถานะทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ทั้งแม่ทั้งลูก ทั้งโสดทั้งแต่งงาน ในหลากหลายอาชีพ ผู้แต่งถ่ายทอดเรื่องราวอย่างประณีตบรรจง เข้าถึงอารมณ์ของหญิงผู้ “เคยรัก เคยร้าย เคยใคร่ เคยงมงาย เคยแค้น เคยฆ่า เคยบูชา” ได้เป็นอย่างดี สามารถสะท้อนปัญหาชีวิตได้อย่างลุ่มลึกและมีมิติ แสดงภาพความรักของมนุษย์ที่ต้องสัมพันธ์กับสภาพสังคมได้ชัดเจน บางเรื่องเป็นเรื่องความรักที่เปลี่ยนแปลงเป็นความรุนแรง หรือความเกลียดชังเพราะการถูกกระทำในครอบครัว หลายเรื่องแสดงความเข้าถึงอารมณ์รัก ทั้งความหอมหวาน ความโหยหา และการจากพราก ที่โดดเด่นคือการยอมรับความจริงของความรัก ซึ่งมีทั้งงาม ง่าย สุข สงบ และตรงกันข้าม ทั้งหมดหลั่งไหลผ่านภาษาที่ลื่นไหลงดงาม และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการใช้คำ นับเป็นชุดเรื่องสั้นว่าด้วยความรักบนความเป็นจริงของชีวิตที่มีคุณภาพยิ่งชุดหนึ่ง คณะกรรมการจึงมีมติให้หนังสือรวมเรื่องสั้น ดอก รัก สมควรได้รับรางวัลชนะเลิศ รางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ประเภทรวมเรื่องสั้น ประจำปี 2562